บก.น.5 แถลงผลจับกุมโจรปล้นทรัพย์ พร้อมยึดของกลางรวมมูลค่าเกือบ 4 ล้าน ตรวจสอบประวัติพบเคยก่อคดีปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์ ขณะเดียวกันรวบแก๊งค้ายาบ้า ยึดของกลาง 3 พันเม็ด ควบคุมตัวดำเนินคดี
วันนี้ (24 ธ.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น.พล.ต.ต.โชคชัย ดีประเสริฐวิทย์ ผบก.น.5 พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา ผกก.สืบสวน บก.น.5 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายพรเทพ ดวงมี อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46 ม.16 ต.เขาชนกัน อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์ ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดพระโขนง ที่ ส.2531/2551 ลงวันที่ 22 ธ.ค.2551 ในข้อหา ปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธและเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่ร่างกาย และร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร หรือรับของโจร พร้อมของกลางจำนวนหลายรายการ ประกอบด้วย 1.นาฬิกายี่ห้อนอติกา รุ่น 13521 จำนวน 1 เรือน 2.โทรศัพท์มือถือโนเกีย จำนวน 1 เครื่อง 3.สมุดเงินฝากของธนาคารต่างๆจำนวน 3 เล่ม 4.สร้อยคอทองคำพร้อมพระเลี่ยมทอง หนัก 3 บาท 1 เส้น 5.เชือกสีแดง 6.กระเป๋าสะพาย และ 7.เงินสดจำนวน 150,000 บาท
พ.ต.อ.สมบัติ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2551 เวลาประมาณ 02.30-04.00 น.ได้มีคนร้ายเข้าไปปล้นทรัพย์และใช้อาวุธปืนทำร้ายร่างกาย นางนาฏนภา สุธาชีวะ อายุ 62 ปี และบุตรชาย 2 คน ภายในบ้านเลขที่ 1023/74 สุขุมวิท 71 ซอยปรีดีพนมยงค์ 41 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.โดยคนร้ายได้ทำร้ายร่างกาย และปล้นทรัพย์สินของผู้เสียหายไปหลายรายการรวมมูลค่า 3.5 ล้านบท จากนั้นได้หลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่ากลุ่มคนร้ายที่ลงมือปล้นทรัพย์สินวันนั้น คือ กลุ่มของนายพรเทพ ดวงมี จึงเดินทางไปเชิญตัว นายพรเทพ จาก ต.เขาชนกัน อ.เขาวงก์ จ.นครสวรรค์ เพื่อมาทำการสอบสวน ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้น นายพรเทพ ได้ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่า ได้ซื้อทรัพย์สินมาจากเพื่อน และเงินสดดังกล่าวได้เก็บสะสมมาจากการประกอบอาชีพสักตามร่างกาย แต่จากการตรวจสอบประวัติ พบว่า นายพรเทพเคยก่อคดีปล้นทรัพย์และฆ่าเจ้าทรัพย์ จนถึงแก่ความตาย ในเขตท้องที่ สภ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา อีกทั้งผู้เสียหายได้เดินทางมายืนยันว่านาฬิกากับโทรศัพท์มือถือเป็นทรัพย์สินที่ถูกขโมยไปจริง
ด้าน นายกฤช สุธาชีวะ อายุ 33 ปี ผู้เสียหาย กล่าวว่า ครอบครัวตนประกอบธุรกิจนำเข้าอุปกรณ์เครื่องจักร วันเกิดเหตุตนมารดาและน้องชายนอนอยู่ภายในห้องที่บริเวณ ชั้น 3 จู่ๆก็มีคนร้ายสวมหมวกไหมพรหมคลุมหน้า จำนวน 3 คน มีอาวุธปืนและมีด เข้ามาภายในห้อง จากนั้นก็จับตนแม่และน้องชายมัดมือเอาไว้ ปิดปากปิดตาและมัดขาไว้ด้วย นอกจากนั้นยังทำร้ายตนโดยใช้อาวุธปืนตบที่คิ้วขวา ส่วนน้องชายก็ถูกตบเข้าที่ท้ายทอย ขณะนี้ยังมีอาการเบลออยู่ จากนั้นคนร้ายได้เข้าไปรื้อค้นทรัพย์สินในห้องของแม่และน้องก่อนจะหลบหนีไป
จากการสอบสวน นายพรเทพ ให้การว่า เงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินที่ตนกับภรรยาสะสมมาได้ประมาณ 2 ปีแล้ว เพราะตนประกอบอาชีพสักตามร่างกาย ซึ่งเปิดกิจการที่ จ.นครสวรรค์ และอีกอย่างตนได้ปล่อยเงินกู้ให้กับเพื่อนบ้านในดอกร้อยละ 5 เพราะทุกๆเดือนดอกเบื้ยจากการปล่อยเงินกู้จะได้หลายหมื่นบาท และก็นำไปฝากธนาคารเพื่อกินดอกเบี้ย ส่วนนาฬิกาเรือนดังกล่าวตนได้ซื้อมาจากเพื่อนที่รู้จักกัน ส่วนเชือกที่พบในรถตนเอาไว้มัดสิ่งของในรถกระบะเพื่อไม่ให้หล่น ซึ่งก่อนหน้านี้ ตนเคยถูกศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตในข้อหาปล้นฆ่า แต่ได้ลดโทษเหลือจำคุก 15 ปี และระหว่างที่อยู่ในคุกได้ลงทะเบียนเรียน มสธ.คณะนิติศาสตร์ แต่ยังไม่ทันจบก็พ้นโทษมาก่อน จนกระทั่งมาถูกจับกุมในครั้งนี้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธและเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่ร่างกาย และร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร หรือรับของโจร ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.คลองตันเพื่อดำเนินคดีต่อไป
นอกจากนี้ พล.ต.ต.โชคชัย ได้แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาค้ายาบ้าอีก 5 ราย พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 3,434 เม็ด เงินสดจำนวน 8,720 บาท และโทรศัพท์มือถือจำนวน 5 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่ บ้านเลขที่ 1286 ซอยวชิรธรรมสาธิต 57 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ โดยเจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่ามีการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในพื้นที่ดังกล่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ ก็พบว่ามีของกลางซุกซ่อนอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว จึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สน.พระโขนง ซึ่งเบื้องต้นผู้ต้องหาได้ให้การปฏิเสธโดยอ้างเพื่อนชื่อนายเอก ไม่ทราบนามสกุลนำมาฝากไว้ จึงได้แจ้งข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ก่อนควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
อีกรายได้แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาร่วมกันปล้นทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ (เซเว่น-อีเวฟเว่น) สาขาซอยพัฒนาการ 30 ถนนพัฒนาการ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ เหตุเกิดในท้องที่สน.คลองตัน โดยคนร้ายจำนวน 2 ราย คือ นายจ้อย หรือ จ่อย วิชาชัย อายุ 27 ปี และนายรัก (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ซึ่งจากการสอบสวนเบื่องต้นทราบว่าผู้ต้องหาเป็นแก๊งเดียวกับนายเอกอำนวย ชัยชิน ผู้ต้องหาที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้ โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้ใช้อาวุธมีดเข้าไปปล้นร้านเซเว่น ย่านพัฒนาการ ได้ทรัพย์สินไปจำนวนหนึ่ง ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ และผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพว่าต้องการหาเงินไปดื่มสุราและให้ภรรยา จึงควบคุมตัวมาสอบสวนก่อนส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป