คนร้ายบุกปล้นบ้านทาวน์โฮมสูง 4 ชั้น ย่านคลองตัน ได้ทรัพย์ไปร่วม 4 แสนบาท ตำรวจคาดคนร้ายปีนเข้ามาทางหลังบ้าน เพราะมีแคมป์คนงานก่อสร้างตั้งอยู่ จากนั้นเข้ามาในห้องนอนชั้น 3 จับแม่และลูกชายทั้งสองคนปิดปากมัดมือมัดเท้า ก่อนใช้อุปกรณ์ที่เตรียมมารื้อค้นทรัพย์สิน แต่ลูกชายทั้งสองขัดขืนคนร้ายจึงใช้ปืนตีเข้าที่ศรีษะ คนร้ายใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการรื้อค้นทรัพย์ก่อนจะหลบหนีไป
วันนี้ (6 ธ.ค.) เมื่อเวลา 05.00 น.พ.ต.ท.กฤษดา ขันโสดา พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.คลองตัน รับแจ้งเหตุคนร้ายบุกปล้นทรัพย์ภายในบ้านเลขที่ 1023/74 ซอยปรีดีพนมยงค์ 41 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นทาวน์โฮมสูง 4 ชั้น ปลูกติดกันหลายหลัง เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบภายในบ้านชั้น 1 เป็นห้องรับแขกมีร่องรอยรื้อค้นเล็กน้อย ส่วนชั้น 2 เป็นห้องครัว และชั้น 3 เป็นห้องนอน ภายในบ้านอาศัยอยู่ด้วยกัน 6 คน มีพ่อ แม่ ลูกชาย 2 คน พยาบาลดูแลคนแก่ 1 คน และคนใช้อีก 1 คน
จากการตรวจสอบพบว่าบริเวณภายในห้องนอนชั้น 3 พบ นางนาฎนพา สุธาชีวะ อายุ 55 ปี มีร่องรอยถูกบีบคอ นายกฤช สุธาชีวะ อายุ 33 ปี ถูกตีด้วยอาวุธปืนเข้าที่ศรีษะจนแตกเลือดอาบใบหน้า และนายประมาณ สุธาชีวะ อายุ 31 ปี ถูกตีด้วยปืนเข้าศรีษะจนศรีษะบวม อาการสลืมสลืออาเจียนตลอดเวลา โดยทั้งสามคนถูกผ้าเทปสีดำปิดปาก มัดมือมัดเท้า เจ้าหน้าที่มูลนิธินำคนเจ็บส่ง รพ.คามิลเรียล
นอกจากนี้ ตรวจสอบพบว่า ภายในห้องทั้งตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง มีการรื้อค้นกระจัดกระจาย ตู้เซฟถูกงัดแต่ไม่สามารถงัดได้ และพบของกลางที่คนร้ายทิ้งไว้เป็น ชแลงมีลักษณะใหม่ ไขควงแบนขนาดใหญ่ และใบเลื่อยตัดเหล็ก ส่วนทรัพย์สินที่คนร้ายขโมยไปส่วนใหญ่เป็นเครื่องประดับ
จากการสอบถาม นางจันทร์เพ็ญ พวงพี อายุ 40 ปี พยาบาลส่วนตัว นายสุรวุฒิ สุธาชีวะ อายุ 65 ปี ซึ่งป่วยเป็นอัมพาต กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุไม่รู้เรื่องอะไร แต่ได้ยินเสียงดังอยู่บนชั้น 3 ซึ่งเป็นห้องนอนของทั้งสามคน ตนก็ไม่เอะใจอะไรเพราะปกติลูกชายทั้งสองคนของบ้านนี้เล่นกันเสียงดังเป็นประจำคิดว่าไม่มีอะไร กระทั่งนายกฤช ลงมาชั้น 2 เคาะห้องที่ตนอยู่กับนายสุรวุฒิ เมื่อเปิดประตูนายกฤช ก็สั่งให้อยู่ในห้องและบอกให้ล๊อคห้องอย่างแน่นหนาเพราะมีคนร้ายขึ้นบ้าน ตนกับน้องชายถูกทำร้ายอยู่ชั้น 3 ส่วนน้องชายมีอาการหนักมีอาการสลึมสลือ
“ปกติทั้งสามคนที่นอนชั้น 3 จะไม่ล็อกห้องคนร้ายได้ปีนขึ้นทางชั้น 4 เป็นห้องพระแล้วห้อยลงมาชั้น 3 จับทั้งสามมัดมือมัดเท้า จากนั้นใช้เวลา 1 ชั่วโมงหลบหนีไป เมื่อคนร้ายไปแล้วก็โทรแจ้งตำรวจ ซึ่งครอบครัวดังกล่าวมีอาชีพทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์” นางจันทร์เพ็ญ กล่าว
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า คนร้ายมาด้วยกัน 3 คน คาดว่า ได้ปีนเข้ามาทางหลังบ้าน เนื่องจากด้านหลังมีแคมป์คนงานก่อสร้างตั้งอยู่ จากนั้นเข้ามาภายในห้องนอนชั้น 3 จับแม่และลูกชายทั้งสองคนปิดปากมัดมือมัดเท้า ก่อนใช้อุปกรณ์ที่เตรียมมารื้อค้นทรัพย์สิน ซึ่งขณะนั้นลูกชายทั้งสองพยายามขัดขืนคนร้ายจึงใช้ปืนตีเข้าที่ศรีษะ โดยคนร้ายใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการรื้อค้นทรัพย์ก่อนจะหลบหนีไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระดมกำลังปิดล้อมพื้นที่โดยรอบเพื่อนสกัดจับคนร้ายพร้อมประสานสุนัขตำรวจแกะรอยติดตามจับกุมคนร้าย
ต่อมาเวลา 07.40 น.พ.ต.อ.ชัยน์วัฒน์ อรัญวัฒน์ ผกก.สน.คลองตัน เดินทางมาร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมสอบถามผู้เสียหาย ได้เปิดเผยว่า จากการสอบถามผู้เสียหายเบื้องต้นทราบว่าคนร้ายมาด้วยกัน 3 คนสวมหมวกไอ้โม่ง ปีนขึ้นไปทางด้นหลังบ้านบริเวณชั้น 4 และเข้าไปจับผู้เสียหายมัดรวมกันไว้ที่ชั้น 3 พร้อมกับทำร้ายร่างกาย ก่อนทำการรื้อค้นทรัพย์สิน เท่าที่ตรวจสอบได้ ่ทรัพย์สินที่สูญหายไป เป็นเงินสด 200,000 บาท ทองคำแท่งจำนวนหนึ่ง และน่าจะมีเครื่องประดับหลายชนิดที่สูญหายไป เบื้องต้นมูลค่าทรัพย์สินที่สูญหายไปร่วม 400,000 บาท
พ.ต.อ.ชัยน์วัฒน์ กล่าวต่อว่า คนร้ายได้พยายามใช้ชแลงงัดตู้เซฟ แต่ไม่สามารถงัดได้ ส่วนคนร้ายก็คาดเดายากว่าเป็นกลุ่มใด แต่ก็เป็นไปได้ อาจจะเป็นกลุ่มคนงานก่อสร้างในละแวกนี้ เนื่องจากดูลักษณะแล้วไม่ได้เตรียมทางหนีทีไล่ไว้ก่อน แต่อาจจะศึกษาเส้นทางการเข้าไปในบ้านหลังดังกล่าว เมื่อได้ทรัพย์สินแล้วก็กลับทางเดิม เบื้องต้นได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปิดล้อม ติดตามดูทุกเส้นทางและละแวกใกล้เคียงที่เกิดเหตุ พร้อมกับประสานนำสุนัขตำรวจมาช่วยดมกลิ่นติดตามคนร้ายอีกทางหนึ่งด้วย