อัยการระบุกระทรวงการต่างประเทศเพิกถอนพาสปอร์ตแดง “ทักษิณ” เป็นผลดี จำกัดการเดินทางย้ายที่อยู่ ทำให้ล่าตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนง่ายขึ้น
วันนี้ (17 ธ.ค.) นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศเพิกถอนหนังสือเดินทางการทูต (พาสปอร์ตแดง) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องคำพิพากษาจำคุกคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษกของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นเวลา 2 ปี ว่า ส่วนตัวเห็นว่ากรณีดังกล่าวน่าจะเป็นผลดีต่อการดำเนินการขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับมารับโทษในประเทศไทย เพราะการถอนพาสปอร์ตแดงคงเหลือเพียงพาสปอร์ตสีน้ำตาลเหมือนเช่นประชาชนทั่วไป จะเป็นการจำกัดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าออกประเทศต่างๆ และเปลี่ยนแปลงสถานที่พำนักได้ยากขึ้นกว่าเดิม
อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ กล่าวต่อไปว่า ตามขั้นตอนการขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนจะดำเนินการได้ต่อเมื่อมีหลักฐานที่ชัดเจนว่าบุคคลนั้นมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งในประเทศใด แต่ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ไหน ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในฐานะผู้มีหน้าที่ปฏิบัติตามหมายจับของศาลที่จะสืบหาที่อยู่ที่ชัดเจนของ พ.ต.ท.ทักษิณ และประสานขอความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อดำเนินการเรื่องดังกล่าว ซึ่งหลังจากที่มีข้อมูลชัดเจนแล้ว อัยการในฐานะผู้ทำหน้าที่ยื่นคำร้องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนจะได้ดำเนินการต่อไป แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการประสานเข้ามาจากทาง สตช.แต่อย่างใด
ในส่วนของการถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายทักษิณ ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเวลา 2 ปี ในคดีทุจริตที่ดินรัชดาภิเษก ซึ่งได้เลยกำหนดเวลา 30 วันที่พ.ต.ท.ทักษิณ จะยื่นอุทธรณ์ไปแล้ว จึงเป็นอันว่า คดีถึงที่สุดแล้วนั้น ตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อมีนายตำรวจต้องคดีอาญาถึงจำคุก จนคดีเป็นที่สุดแล้ว ให้ดำเนินการถอดยศไปตามขั้นตอน โดยเรื่องดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามไปยังหน่วยงานภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ไม่ใครสามารถให้รายละเอียดได้ว่าจะดำเนินการกับพ.ต.ท.ทักษิณอย่างไรต่อไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามไปยังพล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วยผบ.ตร. โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพียงสั้นๆว่า ในส่วนของงานรับผิดชอบ ไม่ได้เข้าไปมีหน้าที่ในการกำกับดูแลกองวินัย แต่ตามขั้นตอน สำนักงานตำรสวจแห่งชาติจะต้องได้รับหนังสือยืนยันจากทางศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเสียก่อนว่า คดีถึงที่สุดแล้ว จึงจะดำเนินการตามขั้นตอนในการถอดยศได้ ทั้งนี้ หากพบว่า กรณีของพ.ต.ท.ทักษิณ เข้าข่ายตามกฏระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทางกองวินัย และกองกำลังพล ก็จะต้องทำเรื่องเสนอไปยังผบ.ตร. เพื่อนำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ ขอพระราชทานถอดยศต่อไป
วันนี้ (17 ธ.ค.) นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศเพิกถอนหนังสือเดินทางการทูต (พาสปอร์ตแดง) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องคำพิพากษาจำคุกคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษกของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นเวลา 2 ปี ว่า ส่วนตัวเห็นว่ากรณีดังกล่าวน่าจะเป็นผลดีต่อการดำเนินการขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับมารับโทษในประเทศไทย เพราะการถอนพาสปอร์ตแดงคงเหลือเพียงพาสปอร์ตสีน้ำตาลเหมือนเช่นประชาชนทั่วไป จะเป็นการจำกัดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าออกประเทศต่างๆ และเปลี่ยนแปลงสถานที่พำนักได้ยากขึ้นกว่าเดิม
อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ กล่าวต่อไปว่า ตามขั้นตอนการขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนจะดำเนินการได้ต่อเมื่อมีหลักฐานที่ชัดเจนว่าบุคคลนั้นมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งในประเทศใด แต่ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ไหน ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในฐานะผู้มีหน้าที่ปฏิบัติตามหมายจับของศาลที่จะสืบหาที่อยู่ที่ชัดเจนของ พ.ต.ท.ทักษิณ และประสานขอความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อดำเนินการเรื่องดังกล่าว ซึ่งหลังจากที่มีข้อมูลชัดเจนแล้ว อัยการในฐานะผู้ทำหน้าที่ยื่นคำร้องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนจะได้ดำเนินการต่อไป แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการประสานเข้ามาจากทาง สตช.แต่อย่างใด
ในส่วนของการถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายทักษิณ ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเวลา 2 ปี ในคดีทุจริตที่ดินรัชดาภิเษก ซึ่งได้เลยกำหนดเวลา 30 วันที่พ.ต.ท.ทักษิณ จะยื่นอุทธรณ์ไปแล้ว จึงเป็นอันว่า คดีถึงที่สุดแล้วนั้น ตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อมีนายตำรวจต้องคดีอาญาถึงจำคุก จนคดีเป็นที่สุดแล้ว ให้ดำเนินการถอดยศไปตามขั้นตอน โดยเรื่องดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามไปยังหน่วยงานภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ไม่ใครสามารถให้รายละเอียดได้ว่าจะดำเนินการกับพ.ต.ท.ทักษิณอย่างไรต่อไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามไปยังพล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วยผบ.ตร. โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพียงสั้นๆว่า ในส่วนของงานรับผิดชอบ ไม่ได้เข้าไปมีหน้าที่ในการกำกับดูแลกองวินัย แต่ตามขั้นตอน สำนักงานตำรสวจแห่งชาติจะต้องได้รับหนังสือยืนยันจากทางศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเสียก่อนว่า คดีถึงที่สุดแล้ว จึงจะดำเนินการตามขั้นตอนในการถอดยศได้ ทั้งนี้ หากพบว่า กรณีของพ.ต.ท.ทักษิณ เข้าข่ายตามกฏระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทางกองวินัย และกองกำลังพล ก็จะต้องทำเรื่องเสนอไปยังผบ.ตร. เพื่อนำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ ขอพระราชทานถอดยศต่อไป