สตช.ทำได้แค่ขึ้นทะเบียนประวัติอาชญากร “ทักษิณ-พจมาน” พร้อมส่งหมายจับไปทั่วประเทศ ระบุ เป็นหน้าที่ของอัยการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำตัวมาดำเนินคดีในไทย
วันนี้(14 ส.ค.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วยผบ.ตร.ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ว่า วานนี้(13 ส.ค.)สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับหมายจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยหมายจับถูกส่งมายัง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ซึ่งระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกออกหมายจับในข้อหาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินกิจการเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติมาตรา 4 ,100 และ 122 มีอายุความ 15 ปี ขณะที่คุณหญิงพจมานถูกออกหมายจับในข้อหาร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินกิจการเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐและเป็นผู้สนับสนุน มาตรา 4 ,100 และ 122 มีอายุความ 10 ปี
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวต่อว่า หลังจากที่ได้รับหมายจับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยกองทะเบียนประวัติอาชญากรได้ออกประกาศสืบจับฉบับที่ 350/2551สืบจับ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะนำประกาศสืบจับแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำการสืบจับกุม ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงตามที่ปรากฎเป็นข่าวสารพบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมานอยู่ในประเทศอังกฤษซึ่งคงต้องดำเนินการ ในส่วนของตำรวจสิ่งแรกที่ต้องทำสตม.ต้องไปตรวจสอบว่าพ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมานมีการเดินทางเข้าออกอย่างไร
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่า จากข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้เดินทางออกไปประเทศจีน แต่ข้อมูลข่าวสารที่ได้รับจากสื่อมวลชนทราบว่าขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ประเทศอังกฤษ ซึ่งถ้าเป็นจริงตามนั้น ตร.ก็จะได้แจ้งไปยังอัยการสูงสุด ซึ่งอัยการสูงสุดก็ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนการตามพ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดนและสนธิสัญญษส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างราชอาณาจักรสยามกับประเทศอังกฤษ เพื่อนำตัวพ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมานมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป