เป็นเรื่องธรรมดามากที่อดีตนายกฯ ทักษิณต้องเร่ร่อนหาที่ซุกหัวนอนในต่างแดน เพราะเป็นข่าวว่าจะต้องนอนในคุก แถมยังกลัวการปองร้าย เพราะรู้ตัวอยู่ว่าทำอะไรคนเขาไว้เยอะพอสมควร
แต่การที่ไม่ไว้ใจกระบวนการยุติธรรมนั้น ไม่แน่ใจว่าคนจะรับได้หรือไม่ เพราะมันมีคำถามว่าในการได้มาซึ่งทรัพย์สินมหาศาลนั้น อดีตนายกฯ มีความชอบธรรมหรือเปล่า
ถ้าได้เงินทองมาชอบธรรมจริงๆ แล้ว เหตุไฉนจึงไม่กล้าเผชิญหน้ากับศาล และแสดงบัญชีหรือให้เหตุผลโดยแจ้งชัดว่า ตัวเองนั้นไม่ได้ใช้เล่ห์กล หรือเล่นแง่แปรธาตุ
ไม่เคยโกงบ้านเมืองเลยสักบาท
ความจริงแค่ประกอบธุรกรรมอย่างเดียว เงินทองของคุณทักษิณ ก็มีมากมายล้นฟ้า กินไม่หมดชั่วลูกชั่วหลานอยู่แล้ว
อำนาจบารมีก็มีอยู่มากมาย
เวลานี้ก็พวกมาก ไม่เห็นต้องกลัวอะไร
แล้วก็ไม่เห็นต้องหนีหน้าไปอยู่อังกฤษด้วย ถ้าอ้างว่าต้องไปดูแลทีมฟุตบอลก็ไปอีกอย่าง
แถมเดินทางถึงอังกฤษก็ไปชอบปิ้งอย่างเหมือนคนมีเงินไม่เดือดร้อน หรือวิตกกังวลอะไร
ทิ้งปัญหาให้คนเขาต้องสะสางกันที่เมืองไทย
ชะตากรรมเหล่านี้ มีเพื่อนฝูงสงสัยสอบถามมาถึงผมสองสามรายว่า พันธมิตรซึ่งผมควรรู้บ้างว่าจะเอาอย่างไร
ผมเองก็ตอบอะไรไม่ได้มาก แต่ตอบเท่าที่ประเมินดูแล้วว่าการที่คุณทักษิณไม่อยู่นี้ ไม่เกี่ยวกับเวทีการสู้รบในปริมณฑลที่ทางพันธมิตรเขาตั้งเข็มมุ่งไว้ ที่ต้องสู้กับรัฐบาลที่ยังเหนียวแน่นอยู่กับความตั้งใจที่จะแก้รัฐธรรมนูญ
รัฐบาลนั้นกลัวมากกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้
ตอนแรกอ้างง่ามันไม่อาจทำงานได้ แต่ก็เห็นทำงานกันตามปกติ แล้วก็อ้างอีกว่าเป็นรัฐธรรมนูญ ที่มาทำลายพรรคการเมือง คือคนในพรรคในตำแหน่งบริหารไปทำอะไรผิดก็พาให้ยุบพรรคได้
ดังนั้น ที่จะแก้รัฐธรรมนูญ ก็กลัวการยุบพรรคนี่แหละครับ
แล้วก็เตรียมที่ไปหาพรรคกันใหม่อีก
เรื่องแบบนี้ใครๆ ก็ดูออก
ความจริงกรณีคุณทักษิณจะลี้ภัยนี้ ฝั่งพันธมิตรเขาฟันธงกันมานานแล้ว คุณสนธินี่แหละเป็นคนบอก แถมบอกด้วยว่ามีสองสามประเทศที่น่าจะไปลี้ภัย เพราะมันไม่มีกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน
แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่ได้ข่าวแน่ชัดว่าตกลงอดีตนายกฯ ของไทยจะยื่นข้อลี้ภัยที่ประเทศอังกฤษหรือไม่
ไม่ว่าจะลี้ภัยหรือไม่
ปัญหาของประเทศก็ยังคงมีให้คนอื่นเขามาแกไขอยู่ต่อไป
แต่รัฐบาลคุณสมัครนั้น ผมไม่เชื่อว่าจะแก้ไขอะไรได้เลย เพราะตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศนั้น มีแต่จะแก้ปัญหาของพรรคตัวเองทั้งนั้น
เศรษฐกิจราคาคุยก็แก้ไม่ตก น้ำมันราคาแพงทุกวันก็ไม่อาจทำอะไรได้ เงินเฟ้อก็เช่นกัน
การปรับ ครม.แม้บางคนดูดี แต่เมื่อรวมอยู่ในหมู่ ครม.ที่ใช้ไม่ได้ มันก็เหมือนเพชรอยู่ในโคลน
ไม่มีทางที่จะเห็นแสงสว่างครับ
ดังนั้น ประเทศของเรามีทางเลือกน้อยมาก
เป็นเสียอย่างนี้ คนไทยก็เลยฝากความหวังอยู่กับชัยชนะสองสามอย่างในกีฬาโอลิมปิกเป็นเหมือนยาหอม เท่าที่จะพาให้ความสดชื่นและเป็นความภูมิใจพอกระสัยเท่านั้นเอง
แต่การที่ไม่ไว้ใจกระบวนการยุติธรรมนั้น ไม่แน่ใจว่าคนจะรับได้หรือไม่ เพราะมันมีคำถามว่าในการได้มาซึ่งทรัพย์สินมหาศาลนั้น อดีตนายกฯ มีความชอบธรรมหรือเปล่า
ถ้าได้เงินทองมาชอบธรรมจริงๆ แล้ว เหตุไฉนจึงไม่กล้าเผชิญหน้ากับศาล และแสดงบัญชีหรือให้เหตุผลโดยแจ้งชัดว่า ตัวเองนั้นไม่ได้ใช้เล่ห์กล หรือเล่นแง่แปรธาตุ
ไม่เคยโกงบ้านเมืองเลยสักบาท
ความจริงแค่ประกอบธุรกรรมอย่างเดียว เงินทองของคุณทักษิณ ก็มีมากมายล้นฟ้า กินไม่หมดชั่วลูกชั่วหลานอยู่แล้ว
อำนาจบารมีก็มีอยู่มากมาย
เวลานี้ก็พวกมาก ไม่เห็นต้องกลัวอะไร
แล้วก็ไม่เห็นต้องหนีหน้าไปอยู่อังกฤษด้วย ถ้าอ้างว่าต้องไปดูแลทีมฟุตบอลก็ไปอีกอย่าง
แถมเดินทางถึงอังกฤษก็ไปชอบปิ้งอย่างเหมือนคนมีเงินไม่เดือดร้อน หรือวิตกกังวลอะไร
ทิ้งปัญหาให้คนเขาต้องสะสางกันที่เมืองไทย
ชะตากรรมเหล่านี้ มีเพื่อนฝูงสงสัยสอบถามมาถึงผมสองสามรายว่า พันธมิตรซึ่งผมควรรู้บ้างว่าจะเอาอย่างไร
ผมเองก็ตอบอะไรไม่ได้มาก แต่ตอบเท่าที่ประเมินดูแล้วว่าการที่คุณทักษิณไม่อยู่นี้ ไม่เกี่ยวกับเวทีการสู้รบในปริมณฑลที่ทางพันธมิตรเขาตั้งเข็มมุ่งไว้ ที่ต้องสู้กับรัฐบาลที่ยังเหนียวแน่นอยู่กับความตั้งใจที่จะแก้รัฐธรรมนูญ
รัฐบาลนั้นกลัวมากกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้
ตอนแรกอ้างง่ามันไม่อาจทำงานได้ แต่ก็เห็นทำงานกันตามปกติ แล้วก็อ้างอีกว่าเป็นรัฐธรรมนูญ ที่มาทำลายพรรคการเมือง คือคนในพรรคในตำแหน่งบริหารไปทำอะไรผิดก็พาให้ยุบพรรคได้
ดังนั้น ที่จะแก้รัฐธรรมนูญ ก็กลัวการยุบพรรคนี่แหละครับ
แล้วก็เตรียมที่ไปหาพรรคกันใหม่อีก
เรื่องแบบนี้ใครๆ ก็ดูออก
ความจริงกรณีคุณทักษิณจะลี้ภัยนี้ ฝั่งพันธมิตรเขาฟันธงกันมานานแล้ว คุณสนธินี่แหละเป็นคนบอก แถมบอกด้วยว่ามีสองสามประเทศที่น่าจะไปลี้ภัย เพราะมันไม่มีกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน
แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่ได้ข่าวแน่ชัดว่าตกลงอดีตนายกฯ ของไทยจะยื่นข้อลี้ภัยที่ประเทศอังกฤษหรือไม่
ไม่ว่าจะลี้ภัยหรือไม่
ปัญหาของประเทศก็ยังคงมีให้คนอื่นเขามาแกไขอยู่ต่อไป
แต่รัฐบาลคุณสมัครนั้น ผมไม่เชื่อว่าจะแก้ไขอะไรได้เลย เพราะตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศนั้น มีแต่จะแก้ปัญหาของพรรคตัวเองทั้งนั้น
เศรษฐกิจราคาคุยก็แก้ไม่ตก น้ำมันราคาแพงทุกวันก็ไม่อาจทำอะไรได้ เงินเฟ้อก็เช่นกัน
การปรับ ครม.แม้บางคนดูดี แต่เมื่อรวมอยู่ในหมู่ ครม.ที่ใช้ไม่ได้ มันก็เหมือนเพชรอยู่ในโคลน
ไม่มีทางที่จะเห็นแสงสว่างครับ
ดังนั้น ประเทศของเรามีทางเลือกน้อยมาก
เป็นเสียอย่างนี้ คนไทยก็เลยฝากความหวังอยู่กับชัยชนะสองสามอย่างในกีฬาโอลิมปิกเป็นเหมือนยาหอม เท่าที่จะพาให้ความสดชื่นและเป็นความภูมิใจพอกระสัยเท่านั้นเอง