คนเราถ้าทำดีก็ต้องชื่นชมเพื่อเป็นกำลังใจให้ทำดีต่อไป แต่หากทำผิดก็ต้องว่าเพื่อให้เกิดการปรับปรุงแก้ไข แต่แปลกที่เดี๋ยวนี้คนที่ทำถูกต้องกลับถูกว่าร้าย อย่างนี้กลับยิ่งทำให้เสียกำลังใจและไม่กล้าทำอะไรได้
โดยเหตุสุดห่วยของคนในรัฐบาลหุ่นเชิด ได้บังเกิดขึ้นกับข้าราชการตำรวจ ต่อกรณีตำรวจนำเอาหมายจับ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา" ออกมาแถลงข่าว จากนั้นมาตำรวจกลับถูกหลายฝ่ายตำหนิ โดยเฉพาะฝ่ายการเมือง ผู้ที่คลั่งไคล้ หลุ่มหลง "ทักษิณ และพจมาน" ต่างออกมาต่อว่าและมองตำรวจในแง่ลบ จนทำให้ตำรวจไม่กล้าออกหน้าในเรื่องนี้ ส่งผลให้คดีนี้ดูล่าช้าไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเพิกถอนพาสปอร์ต หรือการยื่นขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน ...
ที่กล่าวมานี้ไม่ใช่จะแก้ตัวให้กับตำรวจ เพราะหลายคดีที่เกี่ยวกับ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ก็ล่าช้าจริง แต่ในการนำหมายจับออกมาแถลงข่าวนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะเป็นคดีที่คนสนใจและหมายจับก็สามารถเผยแพร่ได้ไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งควรให้กำลังใจตำรวจในจุดนี้ เพราะที่ผ่านมาตำรวจถูกโจมตีในเรื่องการวางตัวเป็นกลาง รวมกับภาพลักษณ์ตำรวจในช่วงปีที่ผ่านมาดูจะมีแต่ภาพลบ
การตัดสินใจของ พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ในฐานะโฆษก ตร. และ พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง โฆษก ตร. ที่นำหมายจับออกมาแถลงจึงมองได้ว่าเป็นการแสดงจุดยืนของตำรวจที่จะติดตามคดีนี้ แต่กลับถูก"รัฐบาล"โจมตีและต่อว่าอย่างรุนแรงจนไม่กล้าทำอะไร
ไม่ว่าจะเป็นการยื่นเรื่องให้อัยการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ตำรวจเองก็ยังไม่กล้าออกหน้า เนื่องจากเป็นคดีที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ทำไว้ เมื่อหมดวาระก็ได้ส่งต่อให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ดำเนินการต่อ โดยสำนวนอยู่ที่อัยการ ซึ่งฝ่ายอัยการออกมาระบุว่าตำรวจซึ่งเป็นผู้ดำเนินการตามหมายจับจะต้องเป็นผู้ยื่นเรื่องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
เข้าใจว่าคดีนี้ต่างจากคดีของ"นายวัฒนา อัศวเหม" ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่สำนวนคดีทั้งหมดตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบตั้งแต่ต้น จึงดำเนินการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนเองทันที แต่คดีของ "พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน" ไม่ได้อยู่ที่ตำรวจ รวมทั้งการที่รัฐบาลเองออกมากดดันการทำงานของตำรวจ จึงทำให้ตำรวจไม่กล้าออกหน้าในเรื่องนี้อีกจนอัยการต้องเป็นผู้ออกมาทวงถาม
อย่างไรก็ตามประชาชนทั้งประเทศยังจับตารอดูการทำงานของตำรวจในคดีนี้ และคดีอื่นๆที่เกี่ยวข้อง จึงขอฝากว่าในสถานการณ์การเมืองเช่นนี้เราอยากเห็นจุดยืนในสิ่งที่ถูกต้องเช่นการที่กล้านำหมายจับออกมาแถลงข่าว และอย่าปล่อยให้การเมืองมากดดันการทำงาน เพราะยังมีประชาชนที่รอดูผลงานและพร้อมที่จะเป็นกำลังใจให้เมื่อทำถูกต้อง โดยเชื่อว่าในที่สุดภาพลักษณ์ของตำรวจก็จะดีขึ้นในสายตาประชาชนอย่างแน่นอน ......