“เปมิกา” ฟ้อง “พี่ชาย-เมียหมอเผ่า” หมิ่นประมาท ใส่ร้ายทำจิตวิทยาหมู่วางยา “หมอเผ่า” ทนายเปมิกายื่นบัญชีพยานที่จะนำสืบจำนวน 5 ปาก เป็นเวลา 2 นัด ขณะที่ทนายพี่ชายและภรรยาหมอเผ่า ยื่นบัญชีพยานที่จะนำสืบจำนวน 11 ปาก เป็นเวลา 4 นัด ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้คู่ความทั้งสองไปตกลงวันนัดสืบพยานที่ศาลอาญาอีกครั้ง ในเวลา 13.00 น.
วันนี้ (8 ธ.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 914 เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีที่อ.1903/2550 ที่นางสาวเปมิกา วีรชัชรักษิต นักศึกษาปริญญาโท จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นพ.ประกิตพันธุ์ ทมทิตชงค์ และนางอลิสา ทมทิตชงค์ พี่ชายและภรรยา นพ.ประกิตเผ่า เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ซึ่งวันนี้ นพ.ประกิตพันธุ์ และนางอลิสา ทมทิตชงค์ จำเลยที่ 1-2 เดินทางมาศาลพร้อมทนายความ ขณะที่ฝ่ายโจทก์มีนายอภิชาติ ศรสาย ทนายความผู้รับมอบอำนาจ
คดีนี้โจทก์ฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 21 เม.ย.50 เวลากลางคืน จำเลยทั้งสองร่วมกันหมิ่นประมาทโจทก์ ด้วยการให้สัมภาษณ์นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการ “จับเข่าคุยกัน” ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ใส่ร้ายโจทก์ว่าเป็นคนวางยา นพ.ประกิตเผ่า น้องชายจำเลยที่ 1 และเป็นสามีจำเลยที่ 2 และยังใส่ร้ายโจทก์ว่าทำจิตวิทยาหมู่กับ นพ.ประกิตเผ่า โดยการให้สัมภาษณ์ของจำเลยทั้งสองมีเจตนาให้บุคคลที่รับชมรายการเข้าใจว่าโจทก์เป็นคนไม่ดี วางยา นพ.ประกิตเผ่า และเป็นคนคดโกงหลอกลวง ทั้งที่ความจริงยังไม่ทราบว่า นพ.ประกิตเผ่าถูกวางยาหรือไม่ การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ต้องเสื่อมเสียงชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตามขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันลงโฆษณาคำพิพากษา ในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ไทยรัฐ และหนังสือพิมพ์รายวันอื่นอีกอย่างน้อย 2 ฉบับ เป็นเวลา 7 วันติดต่อกัน
ศาลได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยทั้งสองฟังแล้ว จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ พร้อมยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ประกันตัว ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าคดีนี้มีอัตราโทษเพียงจำคุกไม่เกิน 3 ปี เชื่อว่าจำเลยไม่หลบหนี จึงอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่ต้องหลักทรัพย์ แต่ให้จำเลยทั้งสองปฏิญาณตนว่าจะเดินทางมาศาลตามคำสั่งหรือหมายเรียกของศาลทุกนัด นอกจากนี้จำเลยได้ยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีลับหลังจำเลยโดยไม่ต้องเดินทางมาฟังการพิจารณาคดีทุกครั้ง ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตเช่นกัน นอกจากนี้ทนายโจทก์ได้ยื่นบัญชีพยานที่จะนำสืบจำนวน 5 ปาก เป็นเวลา 2 นัด ขณะที่ทนายจำเลยขอยื่นบัญชีพยานที่จะนำสืบจำนวน 11 ปาก เป็นเวลา 4 นัด ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้คู่ความทั้งสองไปตกลงวันนัดสืบพยาน ที่ศูนย์นัดคู่ความของศาลอาญาอีกครั้งในเวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าศาลได้นัดสืบพยานโจทก์ 2 นัด วันที่ 4 และ 5 ส.ค.52 สืบพยานจำเลยวันที่ 6,7,18และ19 ส.ค.52
วันนี้ (8 ธ.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 914 เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีที่อ.1903/2550 ที่นางสาวเปมิกา วีรชัชรักษิต นักศึกษาปริญญาโท จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นพ.ประกิตพันธุ์ ทมทิตชงค์ และนางอลิสา ทมทิตชงค์ พี่ชายและภรรยา นพ.ประกิตเผ่า เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ซึ่งวันนี้ นพ.ประกิตพันธุ์ และนางอลิสา ทมทิตชงค์ จำเลยที่ 1-2 เดินทางมาศาลพร้อมทนายความ ขณะที่ฝ่ายโจทก์มีนายอภิชาติ ศรสาย ทนายความผู้รับมอบอำนาจ
คดีนี้โจทก์ฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 21 เม.ย.50 เวลากลางคืน จำเลยทั้งสองร่วมกันหมิ่นประมาทโจทก์ ด้วยการให้สัมภาษณ์นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการ “จับเข่าคุยกัน” ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ใส่ร้ายโจทก์ว่าเป็นคนวางยา นพ.ประกิตเผ่า น้องชายจำเลยที่ 1 และเป็นสามีจำเลยที่ 2 และยังใส่ร้ายโจทก์ว่าทำจิตวิทยาหมู่กับ นพ.ประกิตเผ่า โดยการให้สัมภาษณ์ของจำเลยทั้งสองมีเจตนาให้บุคคลที่รับชมรายการเข้าใจว่าโจทก์เป็นคนไม่ดี วางยา นพ.ประกิตเผ่า และเป็นคนคดโกงหลอกลวง ทั้งที่ความจริงยังไม่ทราบว่า นพ.ประกิตเผ่าถูกวางยาหรือไม่ การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ต้องเสื่อมเสียงชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตามขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันลงโฆษณาคำพิพากษา ในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ไทยรัฐ และหนังสือพิมพ์รายวันอื่นอีกอย่างน้อย 2 ฉบับ เป็นเวลา 7 วันติดต่อกัน
ศาลได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยทั้งสองฟังแล้ว จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ พร้อมยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ประกันตัว ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าคดีนี้มีอัตราโทษเพียงจำคุกไม่เกิน 3 ปี เชื่อว่าจำเลยไม่หลบหนี จึงอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่ต้องหลักทรัพย์ แต่ให้จำเลยทั้งสองปฏิญาณตนว่าจะเดินทางมาศาลตามคำสั่งหรือหมายเรียกของศาลทุกนัด นอกจากนี้จำเลยได้ยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีลับหลังจำเลยโดยไม่ต้องเดินทางมาฟังการพิจารณาคดีทุกครั้ง ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตเช่นกัน นอกจากนี้ทนายโจทก์ได้ยื่นบัญชีพยานที่จะนำสืบจำนวน 5 ปาก เป็นเวลา 2 นัด ขณะที่ทนายจำเลยขอยื่นบัญชีพยานที่จะนำสืบจำนวน 11 ปาก เป็นเวลา 4 นัด ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้คู่ความทั้งสองไปตกลงวันนัดสืบพยาน ที่ศูนย์นัดคู่ความของศาลอาญาอีกครั้งในเวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าศาลได้นัดสืบพยานโจทก์ 2 นัด วันที่ 4 และ 5 ส.ค.52 สืบพยานจำเลยวันที่ 6,7,18และ19 ส.ค.52
