พิธีกรดัง “สรยุทธ” ยันทำดีที่สุดแล้วกรณีสัมภาษณ์ “พระเพชร” ชนพ่อ “ไกรสร” ลั่นเรตติ้งกระฉูดแน่ หากยอมเอาคู่กรณีมาออกอากาศพร้อมกัน ก่อนโต้แทนช่อง 3 เรื่องใช้เงินซื้อคน บอกเป็นเรื่องของโอกาสที่ใครๆ ก็อยากจะได้
ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อยทีเดียว สำหรับผู้ประกาศข่าวคนดัง “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” หลังนำเสนอการสัมภาษณ์ “เพชร สรภพ” ทายาทราชินีลูกทุ่ง “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ต่อเรื่องราวความขัดแย้งกับผู้เป็นบิดา “ไกรสร แสงอนันต์” ที่หลายคนมองว่าทางรายการทำราวกับว่าจะเสี้ยมให้ทั้งสองนั้นทะเลาะกัน
ที่สำคัญ ในขณะนั้นฝ่ายหนึ่งกำลังบวชอยู่อีกต่างหาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามไปยังผู้ประกาศชื่อดัง เจ้าตัวถึงกับถอนหายใจ ก่อนยืนยันว่า การทำรายการในวันดังกล่าวนั้นมีความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งที่สุดแล้ว
“คือ บังเอิญว่า รายการผมที่เชิญพระลูกเพชรมา มันเกิดขึ้นหลังจากที่มันเกิดเหตุที่วัดทับกระดานแล้ว คือ ถ้ามันก่อนจะเกิดเหตุมันก็คงจะเป็นอีกเรื่องนึง แล้วก็อย่างที่บอกว่าการทำข่าวเองครั้งนั้น ผมก็ค่อนข้างที่จะระมัดระวังไม่ถามแบบชนิดที่ คือ ถ้าเป็นการเมืองเละ”
“เพราะการเมืองเป็นเรื่องที่ต้องแสดงความเห็นแตกต่างอย่างสุดทาง เพื่อให้เหตุผลออกมา เขาว่าอย่างนั้นพระว่ายังไง พระว่าอย่างนั้นพ่อว่ายังไง แต่นี้ผมทำพระอย่างระมัดระวังมาก วันนั้นตั้งใจจะให้พูดว่าทำไมพระถึงไปปฏิบัติตัวอย่างนั้นเท่านั้นเอง”
“แล้วพอพ่อไกรสรมา เขาก็มาหา แล้วก็เป็นสิทธิ์ของเขาที่เขาควรจะได้สิทธิ์ที่จะออกมาพูดว่าเขาต้องตัดสินใจฟ้องลูกเขานะ เพราะข่าวมันออกมาว่าเขาไปล่วงละเมิด แต่เขาจะไม่เอาผิดกับลูกก็แค่นั้นเลย ส่วนไอ้เสี้ยมนี่ก็ไม่รู้นะ ไม่หรอกไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้น”
รับกระแสตอบรับค่อนข้างออกมาแล้วดูดี พร้อมคุยหากตนจะจัดให้คู่กรณีมาชนออกอากาศกันจะจะ เชื่อว่า เรตติ้งกระจายแน่นอน...“ฟีดแบ็กก็ดี อย่างน้อยที่แสดงให้เห็นก็คือคนดูก็ดี หรือแม้กระทั้งคู่กรณีหรือใครก็ตาม ดูจากสิ่งที่เขาเคารพ เพราะพอถึงเวลาปุ๊บผมก็จะบอกว่าเบื้องหลังไปคุยกันเอง แล้วแต่นะทุกวันนี้ก็ยังติดต่อทุกฝ่ายอยู่นะ”
“เอาผมพูดตรงๆ อย่างบางเรื่องทั้งสองฝ่ายพร้อมจะมาออกในรายการผมแบบชนิดว่าที่จัดแล้วเรตติ้งกระจาย แต่ด้วยความเป็นผู้ใหญ่ก็บอกว่าไม่เอา ไม่ทำ มีหลายเรื่องเพราะเราก็ชั่งน้ำหนักว่ารายการเช้ามันไม่เหมาะนะ แต่ถ้ามีแบบดึกๆ ถึงลูกถึงคน อย่างนั้นก็ว่ากันอีกที”
ก่อนโต้แทนช่อง 3 กรณีดูดเอาคนที่เริ่มมีชื่อเสียงมาร่วมงาน ว่า เรื่องเงินหาใช่ประเด็นสำคัญ แต่เป็นเรื่องที่อีกฝ่ายต้องการโอกาสมากกว่า
“อันนี้บอกก่อนว่า ผมไม่ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการทั้งหลายเลยนะ อย่าง ไก่ ภาษิต เอง ก็เพิ่งมาทราบทีหลัง อย่างที่บอก คือ อยากให้มองว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอกว่าเงินจะซื้อทุกอย่างได้ แต่ละคนที่เขาอยู่ เขาต้องมีอนาคตโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ๆ เพราะว่าคนข่าวเขาเป็นคนที่มีความคิด เขาก็ต้องคิดว่าเขามาอยู่ที่ไหนแล้วเขามีโอกาสที่จะแสดงศักยภาพ”
“เพราะฉะนั้นบางทีอย่าไปสบประมาทเลย จริงๆ บางคนไปวิจารณ์อะไรมากมาย ถ้าคุณมาดูจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องเงินหรอก แต่มันเป็นเรื่องของโอกาสที่เขาจะได้แสดงศักยภาพหรือความรู้ความสามารถ มันไม่มีหรอก มันมีโรงงานผลิตข่าวเหรอที่จะซื้อทุกคนที่เก่งเอามาไว้รวมกัน แล้วไม่ให้เขาแสดงศักยภาพแล้วเขาจะอยู่ได้”
“มันไม่มีทางเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นมันต้องเป็นความเห็นพ้องต้องกัน แต่แน่นอนคนที่ถูกทาบทามเขาก็ควรจะภูมิใจได้ว่าเขาเป็นคนเก่ง เพราะเขาถูกทาบทาม แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ต้องพิสูจน์ตัวเองในครอบครัวข่าว โดยมีพี่ๆ ที่คอยประคับประคอง แต่ว่าในที่สุดมันก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาด้วยว่าเขาจะผ่านรึเปล่า”
