“สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์” เดินทางให้ปากคำเพิ่มเติมและมอบหลักฐานแฉเปิดโปง “โภคิน” นำความลับลดค่าเงินบาท สมัยเป็น รมต.สำนักนายกฯไปบอก “แม้ว” ได้รับประโยชน์ หลังจาก “โภคิน” ฟ้องหมิ่นประมาทไว้ที่กองปราบฯ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว พร้อมแนะให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมบริหารประเทศควรตั้งรัฐบาลแห่งชาติ หากยังดื้อด้านตั้งนายกรัฐมนตรีอีกปัญหาไม่มีที่สิ้นสุด
วันที่ (2 ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น.ที่กองปราบปราม นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สะอาด การลพ พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมคดีหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา นายโภคิน พลกุล อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และอดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ซึ่งเจ้าตัวได้แจ้งความไว้ที่กองปราบปราม เมื่อวันที่ 28 มี.ค.49 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ นายสมเกียรติ ได้นำบันทึกบทความของ นายเสนาะ เทียนทอง ในหนังสือชื่อ “รู้ทันทักษิณ ๔” ที่มี ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เป็นบรรณาธิการ คำแถลงปิดคดียุบพรรคพรรคพลังประชาชน คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญกรณียุบพรรคไทยรักไทย และหนังสือพิมพ์ต่างๆ อีกหลายฉบับมามอบให้พนักงานสอบสวนเป็นหลักฐาน
นายสมเกียรติ กล่าวว่า ที่เดินทางมาในวันนี้เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม คดีที่นายโภคินได้แจ้งความดำเนินคดีต่อตนในข้อหาหมิ่นประมาท กรณีที่ขึ้นปราศรัยเปิดโปงนายโภคิน บนเวทีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ หน้ากระทรวงศึกษา เมื่อราวต้นเดือนมีนาคม ปี 2549 โดยขณะนั้นนายโภคินดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้นำความลับเรื่องการลดค่าเงินบาท เมื่อวันที่ 26 ก.ย.2540 ไปบอก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ขณะนั้นมีตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีได้รับผลประโยชน์ ซึ่งเรื่องนี้ตนมีหลักฐานเป็นบทความของ นายเสนาะ เทียนทอง เขียนเอาไว้ในหนังสือชื่อ “รู้ทันทักษิณ ๔” ไม่ได้เป็นการนำเรื่องดังกล่าวมาพูดโดยไม่มีหลักฐาน
“ผมยังมีหลักฐานที่เคยเปิดโปงกลุ่มผลประโยชน์ เรื่องการสร้างเขื่อนรุกล้ำเข้าไปในคลองของ บริษัทแห่งหนึ่งซึ่งเป็นของอดีต ส.ส.คนหนึ่ง การครอบครองสัตว์ป่าหวงห้ามประเภทนกและกรณีไข้หวัดนก ซึ่งเรื่องทั้งหมดผมมีหลักฐานยืนยันได้และจะนำมามอบให้กับทางพนักงานสอบสวนเพิ่มเติมต่อไป”
นอกจากนี้ นายสมเกียรติยังได้กล่าวถึงความเห็นกรณีที่มีการยุบพรรคร่วมรัฐบาลว่า อยากเรียกร้องให้มีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ โดยทุกฝ่ายได้มีส่วนร่วมในการเข้ามาบริหารประเทศ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักวิชาการ รวมถึงภาคธุรกิจต่างๆ โดยมีการส่งตัวแทนเข้าร่วมรัฐบาล โดยมีการคานอำนาจกัน ตนเห็นว่าหากกระทำตามแนวคิดดังกล่าวได้ ปัญหาการเมืองในประเทศน่าจะสงบสุข แต่ถ้าหาก ส.ส.พรรคพลังประชาชนยังดื้อดึงที่จะนำคนในพรรคขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี และดำเนินการทางการเมืองต่อไป ปัญหาต่างๆ ที่เป็นอยู่ขณะนี้จะไม่มีวันจบลงได้อย่างแน่นอน
วันที่ (2 ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น.ที่กองปราบปราม นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สะอาด การลพ พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมคดีหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา นายโภคิน พลกุล อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และอดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ซึ่งเจ้าตัวได้แจ้งความไว้ที่กองปราบปราม เมื่อวันที่ 28 มี.ค.49 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ นายสมเกียรติ ได้นำบันทึกบทความของ นายเสนาะ เทียนทอง ในหนังสือชื่อ “รู้ทันทักษิณ ๔” ที่มี ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เป็นบรรณาธิการ คำแถลงปิดคดียุบพรรคพรรคพลังประชาชน คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญกรณียุบพรรคไทยรักไทย และหนังสือพิมพ์ต่างๆ อีกหลายฉบับมามอบให้พนักงานสอบสวนเป็นหลักฐาน
นายสมเกียรติ กล่าวว่า ที่เดินทางมาในวันนี้เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม คดีที่นายโภคินได้แจ้งความดำเนินคดีต่อตนในข้อหาหมิ่นประมาท กรณีที่ขึ้นปราศรัยเปิดโปงนายโภคิน บนเวทีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ หน้ากระทรวงศึกษา เมื่อราวต้นเดือนมีนาคม ปี 2549 โดยขณะนั้นนายโภคินดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้นำความลับเรื่องการลดค่าเงินบาท เมื่อวันที่ 26 ก.ย.2540 ไปบอก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ขณะนั้นมีตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีได้รับผลประโยชน์ ซึ่งเรื่องนี้ตนมีหลักฐานเป็นบทความของ นายเสนาะ เทียนทอง เขียนเอาไว้ในหนังสือชื่อ “รู้ทันทักษิณ ๔” ไม่ได้เป็นการนำเรื่องดังกล่าวมาพูดโดยไม่มีหลักฐาน
“ผมยังมีหลักฐานที่เคยเปิดโปงกลุ่มผลประโยชน์ เรื่องการสร้างเขื่อนรุกล้ำเข้าไปในคลองของ บริษัทแห่งหนึ่งซึ่งเป็นของอดีต ส.ส.คนหนึ่ง การครอบครองสัตว์ป่าหวงห้ามประเภทนกและกรณีไข้หวัดนก ซึ่งเรื่องทั้งหมดผมมีหลักฐานยืนยันได้และจะนำมามอบให้กับทางพนักงานสอบสวนเพิ่มเติมต่อไป”
นอกจากนี้ นายสมเกียรติยังได้กล่าวถึงความเห็นกรณีที่มีการยุบพรรคร่วมรัฐบาลว่า อยากเรียกร้องให้มีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ โดยทุกฝ่ายได้มีส่วนร่วมในการเข้ามาบริหารประเทศ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักวิชาการ รวมถึงภาคธุรกิจต่างๆ โดยมีการส่งตัวแทนเข้าร่วมรัฐบาล โดยมีการคานอำนาจกัน ตนเห็นว่าหากกระทำตามแนวคิดดังกล่าวได้ ปัญหาการเมืองในประเทศน่าจะสงบสุข แต่ถ้าหาก ส.ส.พรรคพลังประชาชนยังดื้อดึงที่จะนำคนในพรรคขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี และดำเนินการทางการเมืองต่อไป ปัญหาต่างๆ ที่เป็นอยู่ขณะนี้จะไม่มีวันจบลงได้อย่างแน่นอน