เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณปากซอยวิภาวดีรังสิต 3 ที่กลุ่มแท็กซี่ นปก.รวมตัวกันแล้ว วิ่งกรูกันออกมากลางถนนวิภาวดีรังสิต ดักตีและหวดไม้ หวดเหล็ก ขว้างหินใส่รถของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่เดินทางไปยังสนามบินดอนเมืองนั้น
ข้อเท็จจริงหากกลุ่มแท็กซี่ นปก.ไม่ไปรวมตัวหรือดักทำร้ายพันธมิตรฯ ที่บริเวณดังกล่าว น้อยคนนักในหมู่พันธมิตรฯ จำนวนมากที่จะรู้ว่า สถานที่นั้นคือที่ตั้งของชมรมคนรักแท็กซี่ นปก. ซึ่งประกาศตัวอย่างชัดเจนว่า อยู่ฝั่งตรงข้ามพันธมิตรฯ มาโดยตลอด โดยเบื้องต้นทราบมาว่าวิทยุชุมชนคนรักแท็กซี่ ป่าวประกาศให้บรรดาโชเฟอร์แท็กซี่มารวมตัวกันปกป้องสถานี โดยอ้างว่าเป็นทางผ่านที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะเดินทางไปสนามบิน กลัวว่าสถานีอาจถูกพันธมิตรฯ บุกเข้าไปทำลายข้าวของและวางเพลิงเผาสถานีได้
บอกให้ก็ได้ว่า ความคิดบ้องตื้นอย่างนี้ ไม่มีอยู่ในหัวพันธมิตรฯ หรอก ถ้าหากจะบุกเผาสถานีวิทยุชุมชนคนรักแท็กซี่จริง ป่านนี้ ราพณาสูรไปแล้ว เมื่อครั้งที่พันธมิตรฯ บุกไปยังอาคารที่ทำการของ ปตท.โน่น! แต่นี่ ยังไม่มีต้นสายปลายเหตุอันใด ที่พันธมิตรฯจะทำเช่นนั้น แต่บรรดาโชเฟอร์แท็กซี่ดังกล่าว กลับรวมพล มาคอยดักรอ ดักทำร้ายกลุ่มพันมิตรฯ และเมื่อฝ่ายเราเป็นผู้ถูกกระทำ ดังนั้นจะให้อยู่เฉยอยู่ได้เช่นใด อย่างน้อยๆก็ต้องป้องกันตัว และปกป้องพันธมิตรฯของเราบ้าง จะให้พวกเราเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างเดียวกระนั้นหรือ
แต่อย่างไรก็ตาม เราคงโทษบรรดาโชเฟอร์แท็กซี่เหล่านั้นได้ไม่มากนัก เพราะแกนสมองของแต่ละคน แตกต่างกันไป ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงอย่างชนิดเลี่ยงไม่ได้ คงหนีไม่พ้น “ตำรวจ” แต่นี่ ตำรวจทำเป็นนิ่งเฉยดูดาย ปล่อยให้เหตุการณ์บานปลาย ทำไม่จึงเป็นเช่นนั้น มาดูคำตอบกัน
สาเหตุที่ตำรวจถือ “อุเบกขา” ด้วยการวางเฉย ก็เพื่อต้องการพิสูจน์ว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ใครเป็นผู้สร้างสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้น และกาลเวลาก็ได้พิสูจน์แล้วว่า การเคลื่อนพลของพันธมิตรฯด้วยจำนวนนับพัน นับหมื่นคนนั้น เป็นไปอย่างสงบ อหิงสา ไม่มีการสูญเสีย ไม่มีใครบาดเจ็บ ซึ่งครั้งนี้ตำรวจปล่อยให้แท็กซี่ นปก.เข้ากลุ้มรุมทำร้ายพันธมิตรฯก่อน แทนที่จะหาทางป้องกัน ห้ามปราม แต่ก็ไม่ทำ ทั้งที่ไม่เกินความสามารถของตำรวจที่จะจัดการกับคนกลุ่มนี้ได้ อย่างนี้ ถ้าไม่ให้ด่าตำรวจแล้วจะให้ไปด่าหมาตัวไหน วานตอบที
สังเกตกันไหมว่า การเริ่มเคลื่อนพลตามยุทธการ “ม้วนเดียวจบ” ของพันธมิตรฯ ไม่ว่าจะไปที่ไหน ตำรวจจะเปิดทางให้ทุกที่ ต่างจากครั้งที่ผ่านๆ มา นอกจากนี้ ตำรวจยังทำหนังสือไปยังคณะกรรมาธิการ นักวิชาการต่างๆ ให้เข้าร่วมสังเกตุการณ์ในการดูแลความสงบในครั้งนี้ด้วย แต่แหม ไม่ทราบว่า มีกรรมาธิการคณะไหน นักวิชาการจากที่ไหน เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วยหรือไม่ และสาเหตุที่พวกเขาเหล่านั้น ไม่เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย ก็เพราะ พวกเขาไม่เชื่อในน้ำยาของตำรวจ ตำรวจจึงต้องการสร้างภาพด้วยการไม่ปะทะ ปล่อยให้กลุ่มผู้ชุมนุมผ่านไปด้วยดี แล้วเอามาหักลบกลบหนี้กับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม
พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ไม่ว่าตำรวจจะถูกกดดัน ถูกว่าร้าย เสียดสี ถูกกระทำเช่นใด “สีทนได้” นั้นจะบอกให้ฟังไว้ซักนิด พล.ต.ต.อำนวย มีดาว มีมงกุฎ และช่อราชพฤกษ์ประบ่า คุณเป็นถึง “นายพล” เป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ยังแต่จะมัวมาพูดติดตลกกระนั้นหรือ หรือว่านี่เป็นนิสัย และสันดานของคุณ ยศ “พล.ต.ต.” ของคุณคงมีค่าไม่ต่างไปจาก"นวย เชิญยิ้ม"นักหรอก
สุดท้าย ตำรวจจะต้องอยู่ในสถานะเช่นใด จึงจะถูกใจทั้งสองฝ่ายนั้นไม่ใช่ข้อสำคัญ เพราะข้อสำคัญ คุณต้องทำให้ “ถูกต้อง” สมกับคำและค่าของความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เพราะนั่น มันคือ “หน้าที่ตามปกติ” ของพวกคุณที่พึงต้องปฏิบัติ มิใช่คอยปฏิบัติและรับใช้ตามคำสั่งนักการเมืองตามกมลสันดานของพวกคุณ!
จดหมาย(เว้นบรรทัด)จากใจถึงตำรวจในเหตุการณ์ 7 ตุลาเลือด!
ข้อเท็จจริงหากกลุ่มแท็กซี่ นปก.ไม่ไปรวมตัวหรือดักทำร้ายพันธมิตรฯ ที่บริเวณดังกล่าว น้อยคนนักในหมู่พันธมิตรฯ จำนวนมากที่จะรู้ว่า สถานที่นั้นคือที่ตั้งของชมรมคนรักแท็กซี่ นปก. ซึ่งประกาศตัวอย่างชัดเจนว่า อยู่ฝั่งตรงข้ามพันธมิตรฯ มาโดยตลอด โดยเบื้องต้นทราบมาว่าวิทยุชุมชนคนรักแท็กซี่ ป่าวประกาศให้บรรดาโชเฟอร์แท็กซี่มารวมตัวกันปกป้องสถานี โดยอ้างว่าเป็นทางผ่านที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะเดินทางไปสนามบิน กลัวว่าสถานีอาจถูกพันธมิตรฯ บุกเข้าไปทำลายข้าวของและวางเพลิงเผาสถานีได้
บอกให้ก็ได้ว่า ความคิดบ้องตื้นอย่างนี้ ไม่มีอยู่ในหัวพันธมิตรฯ หรอก ถ้าหากจะบุกเผาสถานีวิทยุชุมชนคนรักแท็กซี่จริง ป่านนี้ ราพณาสูรไปแล้ว เมื่อครั้งที่พันธมิตรฯ บุกไปยังอาคารที่ทำการของ ปตท.โน่น! แต่นี่ ยังไม่มีต้นสายปลายเหตุอันใด ที่พันธมิตรฯจะทำเช่นนั้น แต่บรรดาโชเฟอร์แท็กซี่ดังกล่าว กลับรวมพล มาคอยดักรอ ดักทำร้ายกลุ่มพันมิตรฯ และเมื่อฝ่ายเราเป็นผู้ถูกกระทำ ดังนั้นจะให้อยู่เฉยอยู่ได้เช่นใด อย่างน้อยๆก็ต้องป้องกันตัว และปกป้องพันธมิตรฯของเราบ้าง จะให้พวกเราเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างเดียวกระนั้นหรือ
แต่อย่างไรก็ตาม เราคงโทษบรรดาโชเฟอร์แท็กซี่เหล่านั้นได้ไม่มากนัก เพราะแกนสมองของแต่ละคน แตกต่างกันไป ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงอย่างชนิดเลี่ยงไม่ได้ คงหนีไม่พ้น “ตำรวจ” แต่นี่ ตำรวจทำเป็นนิ่งเฉยดูดาย ปล่อยให้เหตุการณ์บานปลาย ทำไม่จึงเป็นเช่นนั้น มาดูคำตอบกัน
สาเหตุที่ตำรวจถือ “อุเบกขา” ด้วยการวางเฉย ก็เพื่อต้องการพิสูจน์ว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ใครเป็นผู้สร้างสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้น และกาลเวลาก็ได้พิสูจน์แล้วว่า การเคลื่อนพลของพันธมิตรฯด้วยจำนวนนับพัน นับหมื่นคนนั้น เป็นไปอย่างสงบ อหิงสา ไม่มีการสูญเสีย ไม่มีใครบาดเจ็บ ซึ่งครั้งนี้ตำรวจปล่อยให้แท็กซี่ นปก.เข้ากลุ้มรุมทำร้ายพันธมิตรฯก่อน แทนที่จะหาทางป้องกัน ห้ามปราม แต่ก็ไม่ทำ ทั้งที่ไม่เกินความสามารถของตำรวจที่จะจัดการกับคนกลุ่มนี้ได้ อย่างนี้ ถ้าไม่ให้ด่าตำรวจแล้วจะให้ไปด่าหมาตัวไหน วานตอบที
สังเกตกันไหมว่า การเริ่มเคลื่อนพลตามยุทธการ “ม้วนเดียวจบ” ของพันธมิตรฯ ไม่ว่าจะไปที่ไหน ตำรวจจะเปิดทางให้ทุกที่ ต่างจากครั้งที่ผ่านๆ มา นอกจากนี้ ตำรวจยังทำหนังสือไปยังคณะกรรมาธิการ นักวิชาการต่างๆ ให้เข้าร่วมสังเกตุการณ์ในการดูแลความสงบในครั้งนี้ด้วย แต่แหม ไม่ทราบว่า มีกรรมาธิการคณะไหน นักวิชาการจากที่ไหน เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วยหรือไม่ และสาเหตุที่พวกเขาเหล่านั้น ไม่เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย ก็เพราะ พวกเขาไม่เชื่อในน้ำยาของตำรวจ ตำรวจจึงต้องการสร้างภาพด้วยการไม่ปะทะ ปล่อยให้กลุ่มผู้ชุมนุมผ่านไปด้วยดี แล้วเอามาหักลบกลบหนี้กับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม
พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ไม่ว่าตำรวจจะถูกกดดัน ถูกว่าร้าย เสียดสี ถูกกระทำเช่นใด “สีทนได้” นั้นจะบอกให้ฟังไว้ซักนิด พล.ต.ต.อำนวย มีดาว มีมงกุฎ และช่อราชพฤกษ์ประบ่า คุณเป็นถึง “นายพล” เป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ยังแต่จะมัวมาพูดติดตลกกระนั้นหรือ หรือว่านี่เป็นนิสัย และสันดานของคุณ ยศ “พล.ต.ต.” ของคุณคงมีค่าไม่ต่างไปจาก"นวย เชิญยิ้ม"นักหรอก
สุดท้าย ตำรวจจะต้องอยู่ในสถานะเช่นใด จึงจะถูกใจทั้งสองฝ่ายนั้นไม่ใช่ข้อสำคัญ เพราะข้อสำคัญ คุณต้องทำให้ “ถูกต้อง” สมกับคำและค่าของความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เพราะนั่น มันคือ “หน้าที่ตามปกติ” ของพวกคุณที่พึงต้องปฏิบัติ มิใช่คอยปฏิบัติและรับใช้ตามคำสั่งนักการเมืองตามกมลสันดานของพวกคุณ!
จดหมาย(เว้นบรรทัด)จากใจถึงตำรวจในเหตุการณ์ 7 ตุลาเลือด!