“จงรัก” พร้อมผู้บัญชาการสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ ตรวจอาคาร ก.พ.หลังคาดเป็นจุดยิงถล่มพันธมิตรฯ แต่หลังตรวจสอบระบุอาจจะไม่ใช่ อาคาร ก.พ. เนื่องจากการตรวจสอบพบว่าบนดาดฟ้าก็มีระเบิดขนาด M-79 ตกใส่ เชื่อคนร้ายน่าจะยิงมาจากจุดอื่น
วันนี้ (21 พ.ย.) เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.กำกับดูแล บช.น.เรียกประชุมนายตำรวจระดับผู้บังคับการที่เกี่ยวข้องเหตุคนร้ายยิงระเบิด เอ็ม 79 เข้าใส่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ภายในทำเนียบรัฐบาล โดยหลังประชุม พล.ต.อ.จงรัก พร้อมด้วย พล.ต.ท.ดนัยธร วงศ์ไทย ผบช.สนว.ตร. พล.ต.ต.ภูวดล วุฒฑกนก ผบก.พธ. พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.1 นำอาวุธปืนชนิด M-203 ซึ่งเป็นแบบ M-16 ประกอบเครื่องยิง และปืนยิง M-79 ใช้ยิงด้วยกระสุนขนาด 40 มม. ซึ่งเป็นของกลางในคดีที่ยึดได้ และคาดว่าน่าจะเป็นชนิดเดียวกับปืนที่คนร้ายใช้ยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม มาแสดงต่อสื่อมวลชน
จากนั้น พล.ต.อ.จงรัก ได้นำสื่อมวลชนตรวจสอบบริเวณอาคารสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่คาดว่าคนร้ายจะใช้เป็นจุดยิง ซึ่งชั้นที่ 3 และชั้นที่ 4 อยู่ระหว่างการปรับปรุง นอกจากนี้ พล.ต.อ.จงรัก ได้รับรายงานว่าเมื่อวันที่ 7 พ.ย.บริเวณดาดฟ้าของชั้นที่ 4 มีคนร้ายยิงระเบิด M-79 เข้าใส่ ซึ่งเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุเรียบร้อยแล้ว
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า จากการสันนิษฐานว่าคนร้ายอาจจะใช้ปืนชนิด M-79 เนื่องจากขนาดสั้นกว่า M-203 พกพาซ่อนเร้นได้สะดวกกว่า และมีระยะหวังผลในการยิงแนวระนาบและความแม่นยำที่ 100 เมตร ส่วนการยิงลงพื้นที่ อยู่ที่ระยะ 400 เมตร และในการยิงก็ง่าย คนใช้ไม่จำเป็นต้องได้รับการฝึกฝน
ส่วนการตรวจพื้นที่ จุดที่คาดว่าจะเป็นจุดยิงนั้น อาจจะไม่ใช่อาคาร ก.พ. เนื่องจากการตรวจสอบพบว่าบนดาดฟ้าก็มีระเบิดขนาด M-79 ตกใส่ ซึ่งเชื่อว่าคนร้ายน่าจะยิงมาจากจุดอื่นแต่จำเป็นต้องตรวจสอบอย่างละเอียด และหาวิถีรวมถึงระยะการยิงที่คาดว่าคนร้ายจะใช้เป็นจุดยิงอีกครั้งหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจาก คณะของ พล.ต.อ.จงรัก ตรวจสอบ ที่อาคาร ก.พ. เสร็จเรียบร้อย ได้มีกลุ่มพันธมิตรฯ ประมาณ 20 คนที่ทราบข่าวได้มารวมตัวกัน พร้อมตะโกนขับไล่และตีมือตบใส่จนรถของ พล.ต.อ.จงรัก ขับออกไป
วันนี้ (21 พ.ย.) เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.กำกับดูแล บช.น.เรียกประชุมนายตำรวจระดับผู้บังคับการที่เกี่ยวข้องเหตุคนร้ายยิงระเบิด เอ็ม 79 เข้าใส่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ภายในทำเนียบรัฐบาล โดยหลังประชุม พล.ต.อ.จงรัก พร้อมด้วย พล.ต.ท.ดนัยธร วงศ์ไทย ผบช.สนว.ตร. พล.ต.ต.ภูวดล วุฒฑกนก ผบก.พธ. พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.1 นำอาวุธปืนชนิด M-203 ซึ่งเป็นแบบ M-16 ประกอบเครื่องยิง และปืนยิง M-79 ใช้ยิงด้วยกระสุนขนาด 40 มม. ซึ่งเป็นของกลางในคดีที่ยึดได้ และคาดว่าน่าจะเป็นชนิดเดียวกับปืนที่คนร้ายใช้ยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม มาแสดงต่อสื่อมวลชน
จากนั้น พล.ต.อ.จงรัก ได้นำสื่อมวลชนตรวจสอบบริเวณอาคารสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่คาดว่าคนร้ายจะใช้เป็นจุดยิง ซึ่งชั้นที่ 3 และชั้นที่ 4 อยู่ระหว่างการปรับปรุง นอกจากนี้ พล.ต.อ.จงรัก ได้รับรายงานว่าเมื่อวันที่ 7 พ.ย.บริเวณดาดฟ้าของชั้นที่ 4 มีคนร้ายยิงระเบิด M-79 เข้าใส่ ซึ่งเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุเรียบร้อยแล้ว
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า จากการสันนิษฐานว่าคนร้ายอาจจะใช้ปืนชนิด M-79 เนื่องจากขนาดสั้นกว่า M-203 พกพาซ่อนเร้นได้สะดวกกว่า และมีระยะหวังผลในการยิงแนวระนาบและความแม่นยำที่ 100 เมตร ส่วนการยิงลงพื้นที่ อยู่ที่ระยะ 400 เมตร และในการยิงก็ง่าย คนใช้ไม่จำเป็นต้องได้รับการฝึกฝน
ส่วนการตรวจพื้นที่ จุดที่คาดว่าจะเป็นจุดยิงนั้น อาจจะไม่ใช่อาคาร ก.พ. เนื่องจากการตรวจสอบพบว่าบนดาดฟ้าก็มีระเบิดขนาด M-79 ตกใส่ ซึ่งเชื่อว่าคนร้ายน่าจะยิงมาจากจุดอื่นแต่จำเป็นต้องตรวจสอบอย่างละเอียด และหาวิถีรวมถึงระยะการยิงที่คาดว่าคนร้ายจะใช้เป็นจุดยิงอีกครั้งหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจาก คณะของ พล.ต.อ.จงรัก ตรวจสอบ ที่อาคาร ก.พ. เสร็จเรียบร้อย ได้มีกลุ่มพันธมิตรฯ ประมาณ 20 คนที่ทราบข่าวได้มารวมตัวกัน พร้อมตะโกนขับไล่และตีมือตบใส่จนรถของ พล.ต.อ.จงรัก ขับออกไป
