อดีตศิษย์เก่าโยธินบูรณะ แฉขั้นตอนจ่ายเงินแปะเจี๊ยะก่อนส่งลูกเข้าเรียน ด้านดีเอสไอเตรียมดำเนินคดีโรงเรียนดังโชว์ผู้ปกครองสร้างความมั่นใจว่าเอาจริง
วันนี้ (18 พ.ย.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ อินทรขาว พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยความคืบหน้าคดีการเรียกรับเงินผลประโยชน์จากผู้ปกครองหรือการจ่ายแป๊ะเจี้ยะของโรงเรียนดังว่า วันนี้นายพรพัฒน์ รังสิโย นายพิชิต สว่างวิบูลย์พงศ์ ที่ปรึกษาสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนโยธินบูรณะ ได้เดินทางเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมในรายละเอียดในขั้นตอนการเรียกรับเงินเพื่อนำบุตรหลานเข้าเรียน รวมทั้งนำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับบุคคลหลายฝ่ายของโรงเรียนโยธินบูรณะ ส่วนนายวิชัย รูปขำดี ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน (คพฐ.) โรงเรียนโยธินบูรณะ ได้เข้าให้ข้อมูลในระเบียบและขั้นตอนการทำงานรวมทั้งนโยบายของ ศพฐ. จากนั้นเจ้าหน้าที่จะรวบรวมข้อมูลเอกสารหลักฐานรวมทั้งการร้องเรียนที่เข้ามาในดีเอสไอทั้งหมด และจะรับข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องเพื่อพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ
พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ กล่าวอีกว่า จากข้อมูลของโรงเรียนโยธินบูรณะ พบว่า แต่ละโรงเรียนต้องทำโครงการระดมทรัพยากรเพื่อพัฒนาการศึกษาตามความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาพื้นฐาน (คพฐ.) ซึ่งเป็นโครงการที่สามารถพิจารณารับนักเรียนเพิ่มได้อย่างถูกต้อง โดยจะแบ่งเป็น 2 กรณี คือ นักเรียนที่สอบได้กับนักเรียนที่สอบไม่ได้ หากเป็นนักเรียนที่สอบได้จะจ่ายเงินค่าเทอมตามปกติ ซึ่งคิดค่าใช้จ่าย 35,000 บาทต่อเทอม ส่วนนักเรียนที่สอบไม่ได้ทางโรงเรียนจะเปิดเป็นภาคภาษาอังกฤษที่ต้องจ่ายแพงประมาณ 30,000-50,000 บาท ซึ่งในขั้นตอนนี้ทางโรงเรียนต้องทำโครงการเสนอ คพฐ.ให้อนุมัติ แต่ข้อมูลที่พบมีการเรียกเก็บเงินจากผู้ปกครองในระหว่างการพิจารณาของเด็กที่สอบไม่ได้ โดยให้ตัวแทนผู้ปกครอง 5 คนเขียนจำนวนเงิน หากยอดต่ำกว่า 100,000 บาท ทางโรงเรียนจะไม่พิจารณา หากเขียนมากกว่า 100,000 บาท จึงจะได้รับการพิจารณา จากนั้นอาจารย์จะเรียกผู้ปกครองมาและให้นำเงินใส่ซอง ส่วนเงินพบว่ามีการแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ เข้าสมาคมผู้ปกครอง และผู้บริหารโรงเรียน แต่การได้รับเงินของโรงเรียนไม่มีการออกใบเสร็จรับเงิน และเมื่อเกิดเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบทางโรงเรียนจึงมีการออกใบเสร็จย้อนหลัง
พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ดีเอสไอมีหลักฐานรายชื่อผู้เกี่ยวข้องในทุกขั้นตอนของการพิจารณารับนักเรียนรวมทั้งมีพยานที่เป็นผู้ที่จ่ายเงินพร้อมจะมาเป็นพยานให้ หากพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับบุคคลใดบ้างจะเรียกมาชี้แจงให้ข้อมูล และหากตรวจสอบพบว่าเงินที่ได้รับมามีการนำเข้าบัญชีของผู้บริหารโรงเรียนก็ไม่จำเป็นต้องเรียกมาชี้แจงเพราะผิดระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการอยู่แล้ว
“ขณะนี้ต้องใช้เวลาศึกษาข้อมูล ระเบียบขั้นตอนในการทำงานของโรงเรียนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการเรื่องการพิจารณาคัดเลือกนักเรียน เรื่องงบประมาณและระเบียบการใช้จ่ายงบประมาณของแต่ละโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยข้อมูลบางอย่างต้องใช้ความรอบคอบรัดกุม และอยากให้ประชาชนและผู้ปกครองเข้าให้ข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ให้มากที่สุด” พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ กล่าว
พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ภายหลังที่ดีเอสไอได้ออกข่าวว่าจะมีการเข้าไปตรวจสอบการเรียกรับเงินแปะเจี๊ยะของโรงเรียนต่างทำให้มีผู้ปกครองได้โทรศัพท์มายังดีเอสไอเป็นจำนวนมาก และยืนยันว่าพร้อมจะให้ข้อมูลต่อดีเอสไอ อีกทั้งมีทั้งกระแสตอบรับที่ดี และตั้งข้อสังเกตว่าดีเอสไอจะดำเนินการเรื่องนี้จริงจังหรือไม่ ซึ่งตนยืนยันว่าดีเอสไอ พร้อมที่จะทำคดีนี้อย่างเต็มที่ยิ่งมีข้อมูลมากจะยิ่งได้หลักฐานที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี อย่างน้อยการเริ่มทำคดีนี้ของดีเอสไอ ทำให้สังคมตื่นตัวว่าการจ่ายเงินแปะเจี๊ยะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง
พ.ต.อ.สุชาติ กล่าวอีกว่า การนำเสนอขั้นตอนการเรียกรับเงินครั้งนี้เป็นเพียงหนึ่งในรูปแบบของการจ่ายเงินแปะเจี๊ยะ ซึ่งในทุกโรงเรียนก็จะมีลักษณะคล้ายคลึงกันอาจแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีการจ่ายเงินอีกหลายรูปแบบ เช่น การจ่ายเงินตั้งแต่ก่อนสมัครสอบเข้า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังมีผู้ปกครองบางรายที่ไม่มั่นใจในนโยบายของดีเอสไอ ดังนั้น ตนจึงมอบหมายให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตัวอย่างต่อโรงเรียนที่มีหลักฐานชัดเจนแล้ว และได้เตรียมผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบบัญชีเข้าไปตรวจสอบเส้นทางการเงิน หากพบว่ามีเงินต้องสงสัยจะใช้กฎหมายฟอกเงินเข้าไปยึดอายัดทรัพย์
วันนี้ (18 พ.ย.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ อินทรขาว พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยความคืบหน้าคดีการเรียกรับเงินผลประโยชน์จากผู้ปกครองหรือการจ่ายแป๊ะเจี้ยะของโรงเรียนดังว่า วันนี้นายพรพัฒน์ รังสิโย นายพิชิต สว่างวิบูลย์พงศ์ ที่ปรึกษาสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนโยธินบูรณะ ได้เดินทางเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมในรายละเอียดในขั้นตอนการเรียกรับเงินเพื่อนำบุตรหลานเข้าเรียน รวมทั้งนำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับบุคคลหลายฝ่ายของโรงเรียนโยธินบูรณะ ส่วนนายวิชัย รูปขำดี ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน (คพฐ.) โรงเรียนโยธินบูรณะ ได้เข้าให้ข้อมูลในระเบียบและขั้นตอนการทำงานรวมทั้งนโยบายของ ศพฐ. จากนั้นเจ้าหน้าที่จะรวบรวมข้อมูลเอกสารหลักฐานรวมทั้งการร้องเรียนที่เข้ามาในดีเอสไอทั้งหมด และจะรับข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องเพื่อพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ
พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ กล่าวอีกว่า จากข้อมูลของโรงเรียนโยธินบูรณะ พบว่า แต่ละโรงเรียนต้องทำโครงการระดมทรัพยากรเพื่อพัฒนาการศึกษาตามความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาพื้นฐาน (คพฐ.) ซึ่งเป็นโครงการที่สามารถพิจารณารับนักเรียนเพิ่มได้อย่างถูกต้อง โดยจะแบ่งเป็น 2 กรณี คือ นักเรียนที่สอบได้กับนักเรียนที่สอบไม่ได้ หากเป็นนักเรียนที่สอบได้จะจ่ายเงินค่าเทอมตามปกติ ซึ่งคิดค่าใช้จ่าย 35,000 บาทต่อเทอม ส่วนนักเรียนที่สอบไม่ได้ทางโรงเรียนจะเปิดเป็นภาคภาษาอังกฤษที่ต้องจ่ายแพงประมาณ 30,000-50,000 บาท ซึ่งในขั้นตอนนี้ทางโรงเรียนต้องทำโครงการเสนอ คพฐ.ให้อนุมัติ แต่ข้อมูลที่พบมีการเรียกเก็บเงินจากผู้ปกครองในระหว่างการพิจารณาของเด็กที่สอบไม่ได้ โดยให้ตัวแทนผู้ปกครอง 5 คนเขียนจำนวนเงิน หากยอดต่ำกว่า 100,000 บาท ทางโรงเรียนจะไม่พิจารณา หากเขียนมากกว่า 100,000 บาท จึงจะได้รับการพิจารณา จากนั้นอาจารย์จะเรียกผู้ปกครองมาและให้นำเงินใส่ซอง ส่วนเงินพบว่ามีการแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ เข้าสมาคมผู้ปกครอง และผู้บริหารโรงเรียน แต่การได้รับเงินของโรงเรียนไม่มีการออกใบเสร็จรับเงิน และเมื่อเกิดเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบทางโรงเรียนจึงมีการออกใบเสร็จย้อนหลัง
พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ดีเอสไอมีหลักฐานรายชื่อผู้เกี่ยวข้องในทุกขั้นตอนของการพิจารณารับนักเรียนรวมทั้งมีพยานที่เป็นผู้ที่จ่ายเงินพร้อมจะมาเป็นพยานให้ หากพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับบุคคลใดบ้างจะเรียกมาชี้แจงให้ข้อมูล และหากตรวจสอบพบว่าเงินที่ได้รับมามีการนำเข้าบัญชีของผู้บริหารโรงเรียนก็ไม่จำเป็นต้องเรียกมาชี้แจงเพราะผิดระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการอยู่แล้ว
“ขณะนี้ต้องใช้เวลาศึกษาข้อมูล ระเบียบขั้นตอนในการทำงานของโรงเรียนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการเรื่องการพิจารณาคัดเลือกนักเรียน เรื่องงบประมาณและระเบียบการใช้จ่ายงบประมาณของแต่ละโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยข้อมูลบางอย่างต้องใช้ความรอบคอบรัดกุม และอยากให้ประชาชนและผู้ปกครองเข้าให้ข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ให้มากที่สุด” พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ กล่าว
พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ภายหลังที่ดีเอสไอได้ออกข่าวว่าจะมีการเข้าไปตรวจสอบการเรียกรับเงินแปะเจี๊ยะของโรงเรียนต่างทำให้มีผู้ปกครองได้โทรศัพท์มายังดีเอสไอเป็นจำนวนมาก และยืนยันว่าพร้อมจะให้ข้อมูลต่อดีเอสไอ อีกทั้งมีทั้งกระแสตอบรับที่ดี และตั้งข้อสังเกตว่าดีเอสไอจะดำเนินการเรื่องนี้จริงจังหรือไม่ ซึ่งตนยืนยันว่าดีเอสไอ พร้อมที่จะทำคดีนี้อย่างเต็มที่ยิ่งมีข้อมูลมากจะยิ่งได้หลักฐานที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี อย่างน้อยการเริ่มทำคดีนี้ของดีเอสไอ ทำให้สังคมตื่นตัวว่าการจ่ายเงินแปะเจี๊ยะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง
พ.ต.อ.สุชาติ กล่าวอีกว่า การนำเสนอขั้นตอนการเรียกรับเงินครั้งนี้เป็นเพียงหนึ่งในรูปแบบของการจ่ายเงินแปะเจี๊ยะ ซึ่งในทุกโรงเรียนก็จะมีลักษณะคล้ายคลึงกันอาจแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีการจ่ายเงินอีกหลายรูปแบบ เช่น การจ่ายเงินตั้งแต่ก่อนสมัครสอบเข้า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังมีผู้ปกครองบางรายที่ไม่มั่นใจในนโยบายของดีเอสไอ ดังนั้น ตนจึงมอบหมายให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตัวอย่างต่อโรงเรียนที่มีหลักฐานชัดเจนแล้ว และได้เตรียมผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบบัญชีเข้าไปตรวจสอบเส้นทางการเงิน หากพบว่ามีเงินต้องสงสัยจะใช้กฎหมายฟอกเงินเข้าไปยึดอายัดทรัพย์