xs
xsm
sm
md
lg

เหตุหลักฐานอ่อน! ยกฟ้อง “หมอไพศาล” ฉ้อโกงเหยื่อศัลยกรรม

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ยกฟ้อง “หมอไพศาล” ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส เหตุหลักฐานรับฟังไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการหลอกลวงประชาชน อีกทั้งขั้นตอนการผ่าตัดได้รับการรับรองจากสมาคมศัลยแพทย์ฯ ด้าน “หมอไพศาล” บอกดีใจที่ชนะคดี และรู้สึกได้รับความเป็นธรรม ขอบคุณศาลที่ให้ประกันตัว ทำให้มีโอกาสต่อสู้คดี ส่วนคดีข้อหาจ้างวานฆ่าจะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป

วันนี้ (17 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 703 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลมีคำพิพากษาคดีดำหมายเลขที่ อ.4754/2549 ที่อัยการฝ่ายคดีอาญา 8 โจทก์, นางรวีวรรณ เสตะรัต (เสียชีวิตแล้ว) ผู้เสียหายจากการศัลยกรรมใบหน้า โจทก์ร่วมที่ 1 และ นายเจษฎา วิวัฒนานุกูล บุตรชาย นางรวีวรรณ โจทก์ร่วมที่ 2 ยื่นฟ้อง นพ.ไพศาล หรือ กวีวัธน์ เฮงสวัสดิ์ อายุ 43 ปี เจ้าของสถาบันเสริมความงามไบโอคลินิก ย่านดอนเมือง เป็นจำเลย ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และกระทำการประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส

ฟ้องโจทก์ เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2549 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างเดือน เม.ย.2546 - มี.ค. 2548 จำเลยทุจริตหลอกลวงประชาชนที่มีความประสงค์จะทำศัลยกรรมเสริมความงาม ด้วยวิธีการเทคนิคพิเศษใช้สารไบโอศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า ซึ่งเป็นสารที่ไม่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทั่งทำให้เกิดผลกระทบข้างเคียง และมีผู้หลงเชื่อ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการฉ้อโกงประชาชนและผู้เสียหายเหตุเกิดที่แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300, 341 และ 343 จำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความ และพยานหลักฐานโจทก์ แล้วเห็นว่า เมื่อเดือน เม.ย.46 โจทก์ร่วมที่ 1 ไปพบจำเลย เพื่อทำศัลยกรรมที่บริเวณจมูก และใต้ตา กระทั่งเดือน มี.ค.48 ก็พบอาการผิดปกติที่บริเวณตามีสีคล้ำ ลึกโบ๋ แข็งเป็นไต เมื่อสอบถามจำเลยว่าใช้สารซิลิโคนหรือไม่หากมีการใช้สารซิลิโคนโจทก์ร่วมที่ 1 จะไม่เข้ารับบริการ ซึ่งจำเลยบอกว่า วิธีไบโอเทคนิค เป็นการใช้สารนำเข้าจากต่างประเทศเรียกว่าสารไบโอพลาสติก คุณภาพดีกว่า ซิลิโคนแท่ง หากเกิดปัญหาสามารถแก้ไขได้ แต่เมื่อเดือน มี.ค.48 โจทก์ร่วมได้รับชมรายการ “ถึงลูกถึงคน” ทางโมเดิร์นไนน์ โดยจำเลยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสารไบโอ แตกต่างจากที่บอกให้โจทก์ร่วมที่ 1 ฟังว่าเป็นซิลิโคนเหลว เพราะหากโจทก์ร่วมที่ 1 รู้ก่อนหน้านี้ว่าเป็นสารซิลิโคน ก็จะไม่เข้ารับบริการ

ขณะที่จำเลย ให้การปฏิเสธ ว่า ไม่ได้หลอกลวงโจทก์ร่วมที่ 1 การรักษาไม่มีการทำข้อตกลงกันไว้ และในการทำศัลยกรรมก็แจ้งให้โจทก์ร่วมที่ 1 ทราบว่า การทำไบโอ คือ วิธีการทางเทคนิคที่จะฉีดสารซิลิโคนเม็ดที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยทำเป็นของเหลวแล้วฉีดเข้าได้เลย หากไม่พอใจก็สามารถเอาออกได้

ศาลเห็นว่า โจทก์ร่วมที่ 1 มุ่งประสงค์ที่จะสอบถามเรื่องการใช้ซิลิโคนเพราะเห็นว่ามีราคาที่แตกต่างกันกับวิธีการไบโอ มากกว่าการที่โจทก์ที่ 1 ร่วมจะไม่เข้ารับบริการ หากรู้ว่าใช้ซิลิโคน รูปคดีจึงเชื่อได้ว่าโจทก์ร่วม นำแผ่นพับโฆษณาวิธีการศัลยกรรม มาเพื่อขอปรับลดราคา พยานหลักฐานโจทก์และโจทก์ร่วมที่ 1 ยังไม่มีความน่าเชื่อถือ

ส่วนที่พยานโจทก์และโจทก์ร่วมทื่ 1 ระบุว่า มีการระบุภาพและข้อความในแผ่นพับ ว่า วิธีการใช้สารไบโอฉีดเพื่อศัลยกรรม ได้รับการยอมรับจากสถาบันในอเมริกาและยุโรป ทั้งที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงนั้น พยานจำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สถานบริการจำเลย และผู้รับจ้างพิมพ์แผ่นพับ เบิกความสอดคล้องว่า ครั้งแรกได้มีการพิมพ์แผ่นพับตัวอย่าง 20 ฉบับ แต่ภายหลังเมื่อมีการตรวจสอบแล้ว พบว่า มีการใช้รูปภาพบางรูปที่ไม่เหมาะสมจึงให้มีการแก้ไขและพิมพ์แผ่นพับใหม่จำนวน 10,000 ฉบับ ซึ่งจากคำเบิกความของโจทก์ร่วม ได้ความเพียงว่า โจทก์ร่วมที่ 1 ได้รับแผ่นพับจากที่เข้าไปพบจำเลยที่สถานบริการ แต่ฝ่ายโจทก์ไม่มีพยานอื่นเบิกความสนับสนุนว่า จำเลยได้นำแผ่นพับที่ยังไม่ได้แก้ไขมาแจกจ่ายให้ประชาชนโดยทั่วไป พยานหลักฐานโจทก์และโจทก์ร่วมจึงรับฟังไม่ได้จำเลยกระทำการฉ้อโกงประชาชนโดยปกปิดความจริงที่ควรแจ้งและได้ไปซึ่งทรัพย์สินของโจทก์ร่วมที่ 1 รูปคดีจึงเชื่อได้ตามทางนำสืบของจำเลย

ส่วนความผิดฐานกระทำการประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส เห็นว่า โจทก์ร่วมที่ 1 เบิกความ ระหว่างที่ได้รับบริการฉีดสารไบโอแล้ว ได้เข้ารับการฉีดเลเซอร์รักษาฝ้าที่ รพ.รามาธิบดี ขณะที่พยานโจทก์และโจทก์ร่วมที่ 1 และพยานจำเลย ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการศัลยกรรม เบิกความทำนองเดียวกันว่า ในการศัลยกรรมด้วยการฉีดสารซิลิโคนเหลว หากต้องการแก้ไขแพทย์ต้องขูดซิลิโคนที่ติดเนื้อเยื่อออกซึ่งจะขูดออกปริมาณมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ผู้ให้บริการ ซึ่งหลังจากมีการผ่าตัดแก้ไขการศัลยกรรม 1 สัปดาห์จะเกิดอาการอักเสบบวมได้ ซึ่งการรักษาต้องพักฟื้นนาน 6 เดือนถึง 2 ปี จึงจะเป็นปกติและหลังจากการศัลยกรรมจะผ่าตัดใหม่ได้ต้องพักฟื้นมาก่อน 6 เดือน โดยหลังจากมีการผ่าตัดแก้ไขการศัลยกรรมแล้วหากมีการยิงเลเซอร์ศัลยกรรมอีกจะเป็นการรบกวนเนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าว จนทำให้อักเสบบวม มีสีคล้ำและเนื้อเยื่อแข็งเป็นไตได้ลักษณะคล้ายกับอาการของโจทก์ร่วมที่ 1 ได้

ส่วนจำเลยเบิกความฟังได้ว่า การศัลยกรรมให้โจทก์ร่วมที่ 1 เมื่อต้องการให้แก้ไข จำเลยก็แก้ไขให้โดยนำซิลิโคนที่พบบริเวณเนื้อเยื่อใต้ตาออก แต่โจทก์ร่วมที่ 1 ไม่เคยแจ้งให้ทราบว่าระหว่างแก้ไขได้ฉีดเลเซอร์รักษาฝ้ากับแพทย์ที่อื่นมาก่อน จึงเห็นว่า พยานหลักฐานจำเลยมีเหตุผลน่าเชื่อถือว่าการผ่าตัดของจำเลยน่าจะได้มาตรฐานทางการแพทย์ จึงพิพากษายกฟ้อง

ภายหลังฟังคำพิพากษา นพ.ไพศาล กล่าวว่า ดีใจที่ชนะคดี และขอขอบคุณกระบวนการยุติธรรมที่ให้ความเป็นธรรม ซึ่งตนมั่นใจว่า วิธีการศัลยกรรมที่ทำไปนั้นถูกต้องแล้ว ส่วนคดีที่ตกเป็นผู้ต้องหาจ้างวานฆ่า นางรวิวรรณ นั้นเป็นการถูกจับตามหมายจับซึ่งเจ้าหน้าที่กล่าวหาว่าตนกระทำผิด เนื่องจากมีพยานระบุว่าได้ยิน ตนตะโกนสั่งน้องชายหน้าคลินิคให้ไปยิงนางรวิวรรณ ซึ่งตนขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม สำหรับข้อหาพกอาวุธปืนนั้นเป็นการกล่าวหาผู้ต้องหารายอื่น ส่วนตนขอปฏิเสธว่าไม่ได้ถูกจับในข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ นพ.ไพศาล เดินทางมาฟังคำพิพากษาพร้อมกับญาติฝ่ายหญิง 2 คน และผู้ติดตาม 1 คน ขณะที่เมื่อฟังคำพิพากษาแล้ว นพ.ไพศาล มีสีหน้าที่สดชื่นขึ้นมาทันที แตกต่างจากขณะรอฟังคำพิพากษาที่มีสีหน้าเรียบเฉย เงียบขรึม

ศาลให้ประกัน “หมอไพศาล” สั่งห้ามออกนอกประเทศ-ยุ่งพยาน
“หมอไพศาล” ถึงกรุงแล้ว ตร.แจ้ง 3 ข้อหาหนักไม่ให้ประกัน
ย้อนรอย...ฆาตกรรมต่อเนื่องเหยื่อไบโอคลินิก! จุดจบจับ “หมอไพศาล”
นพ.ไพศาล หรือกวีวัธน์ เฮงสวัสดิ์ ขณะเดินทางมาฟังคำพิพากษา
นพ.ไพศาล หรือกวีวัธน์ เฮงสวัสดิ์ และทนายความขณะเดินออกจากห้องพิจารณาคดี
นพ.ไพศาลให้สัมภาษณ์ ว่าดีใจที่ชนะคดี และรู้สึกว่าได้รับความเป็นธรรมจากศาล และขอบคุณศาลที่ให้ประกันตัว ทำให้ตนมีโอกาสต่อสู้คดี

กำลังโหลดความคิดเห็น