รวบแก๊งต้มตุ๋นอ้างตัวรู้จักนายทหารชั้นผู้ใหญ่ แถมโฆษณาสามารถฝากเด็กเข้าเรียนโรงเรียนนายสิบ ได้เหยื่อ 34 คน หลงเชื่อจ่ายเงินไม่ต่ำกว่าเกือบครึ่งล้าน ผลสุดท้ายสูญเงินเปล่า ด้าน รอง ผอ.กองการศึกษากรมยุทธศึกษาทหารบก บอก กรณีนี้เข้าข่ายทำเป็นขบวนการหลอกลวง จากข้อมูลที่ผู้เสียหายแจ้งเครือข่ายมีกลุ่มคนเป็นข้าราชการทหารระดับสัญญาบัตร ระดับพันโท ร้อยเอก และ จ.ส.อ.อยู่ในแก๊งด้วย
วันนี้ (12 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น. ร.ต.ต.สถิตย์ ไสวงาม หัวหน้าสายตรวจ สน.บางซื่อ รับแจ้งจาก พ.อ.ประภาส ศรีแก้วศรีงาม รอง ผอ.กองการศึกษา กรมยุทธศึกษาทหารบก ว่า ได้ควบคุมตัวผู้ที่อ้างว่าสามารถนำเข้าเรียนในโรงเรียนนายสิบได้ อยู่ที่ จิตรา คาเฟ่ ภายในโรงแรมประดิพัทธ์ เลขที่ 173/1 ถนนประดิพันธ์ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท จึงนำกำลังไปตรวจสอบ
เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึง พบว่า ภายในมีบรรดาเด็กวันรุ่นชายอายุ 19-20 ปี ผู้เสียหาย 34 คน ซึ่งทั้งหมดตัดผมเกรียน สวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว มีกระเป๋าสัมภาระ มีนายทหารจากกรมยุทธศึกษาทหารบกควบคุมตัวชายฉกรรจ์ไว้ ทราบชื่อ นายจีระสิทธิ์ แจ่มศิริพรหม อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116/133 ม.4 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง ในตัวพบบัตรคล้ายบัตรประจำตัวข้าราชการในรูปสวมเครื่องแบบสีขาว ระบุว่าชื่อ จ่าสิบตรี จีรสิทธิ์ แจ่มศิริพรหม ตำแหน่งบอดีการ์ด นอกจากนี้ ยังพบเอกสารใบสมัครเข้าโรงเรียนนายสิบปลอม เอกสารใบโอนเงินของผู้เสียหายจำนวน 34 ชุด จึงนำตัวและเอกสารทั้งหมดส่ง พ.ต.ท.ศักดิ์พัฒน์ เหรียญทอง พงส.(สบ 2) สน.บางซื่อ สอบปากคำ
นายวสันต์ จันทร์ลีเล็ด อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38/3 ม.8 ต.ขุนกระทิง อ.เมือง จ.ชุมพร 1 ในผู้เสียหาย กล่าวว่า เคยเข้าสอบโรงเรียนนายสิบแล้วตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ผลปรากฏว่า สอบไม่ผ่าน หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีผู้ที่อ้างว่าสามารถนำเข้าเรียนได้ เพียงแต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการไม่ต่ำกว่า 350,000 บาท มีการโฆษณาชวนเชื่อต่างๆ ทั้งยังอ้างถึงนายทหารชั้นผู้ใหญ่ จนทำให้ตัวเอง ผู้ปกครอง หลงเชื่อโอนเงินให้ ในลักษณะของการทำสัญญากู้ยืมเงิน มีบุคคลที่คาดว่าน่าจะเป็นนายหน้าเป็นคนเซ็นกู้ยืมจากผู้ปกครองของตน ซึ่งช่วงที่รอคอย ทางกลุ่มผู้แอบอ้างมีการโทรศัพท์ติดต่อให้ความหวังอยู่ตลอดเวลา เมื่อเดือนที่แล้วก็เพิ่งนัดให้มาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ เสียค่าใช้จ่ายไปอีก 5,000 บาท ล่าสุด มีการโทร.นัดให้เดินทางมีที่โรงแรม อ้างว่า จะนำพวกตนไปส่งเข้าโรงเรียน พวกตนก็เดินทางมาที่นัดหมายไว้ กระทั่งมีเจ้าหน้าที่ทหารจากกรมยุทธศึกษามา จึงรู้ว่าถูกหลอก
พ.อ.ประภาส กล่าว่า ตลอดระยะเวลา 6 ปี ที่มารับหน้าที่ดูแลเรื่องการรับสมัครสอบนั้น ได้รับทราบเรื่องการทุจริตในการสอบมาโดยตลอด ซึ่งสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดมาแล้วหลายราย แต่ครั้งนี้ถือว่าเป็นการแอบอ้างหลอกลวงกันอย่างเป็นขบวนการ เพราะก่อนหน้านี้ ทางตนได้รับแจ้งจากผู้ปกครองเด็กหลายราย ว่า มีการนัดให้เด็กเหล่านี้เดินทางมาที่โรงแรม เพื่อจะนำไปมอบตัวเข้าโรงเรียน หลังทราบเรื่องจึงเดินทางมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ก็พบว่ากรณีนี้น่าจะเข้าข่ายการกระทำเป็นขบวนการแก๊งต้มตุ๋นหลอกลวง จากข้อมูลที่เด็กผู้เสียหายให้ทราบว่าขบวนการนี้มีกลุ่มบุคคลที่เป็นข้าราชการทหารระดับสัญญาบัตรระดับพันโท ร้อยเอก และ จ.ส.อ.อยู่ร่วมในขบวนการนี้ด้วย
รอง ผอ.กองการศึกษา กล่าวเพิ่มว่า เหตุการณ์ในลักษณะนี้ไม่น่าเกิดขึ้น เพราะเวลาที่ทางหน่วยออกรับสมัครบุคคลเข้าสอบคัดเลือกเรียนในหน่วยราชการทหารได้มีการประชาสัมพันธ์ให้บรรดาผู้ปกครองทราบให้ระวังกลุ่มมิฉาชีพที่แฝงตัวเข้ามาหลอกว่าสามารถนำบุตรหลานเข้าเรียนได้โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ขออย่าได้หลงเชื่ออีก
ด้าน พ.ต.ท.ศักดิพัฒน์ กล่าวว่า เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้ แล้วจะส่งเรื่องไปให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม เพราะจากการสอบปากคำผู้เสียหาย พบว่าไม่มีการโอนเงินที่เข้าข่ายลักษณะความผิดในท้องที่ สน.บางซื่อ ส่วนใหญ่ผู้เสียหายจะโอนเงินในท้องที่ตามภูมิลำเนาของแต่ละคน อย่างไรก็ตาม จะได้สอบปากคำผู้เสียหายไว้ก่อน จากนั้นจะได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจของแต่ละพื้นที่ที่ผู้เสียหายถูกหลอกลวง เพื่อส่งตัวไปดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (12 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น. ร.ต.ต.สถิตย์ ไสวงาม หัวหน้าสายตรวจ สน.บางซื่อ รับแจ้งจาก พ.อ.ประภาส ศรีแก้วศรีงาม รอง ผอ.กองการศึกษา กรมยุทธศึกษาทหารบก ว่า ได้ควบคุมตัวผู้ที่อ้างว่าสามารถนำเข้าเรียนในโรงเรียนนายสิบได้ อยู่ที่ จิตรา คาเฟ่ ภายในโรงแรมประดิพัทธ์ เลขที่ 173/1 ถนนประดิพันธ์ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท จึงนำกำลังไปตรวจสอบ
เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึง พบว่า ภายในมีบรรดาเด็กวันรุ่นชายอายุ 19-20 ปี ผู้เสียหาย 34 คน ซึ่งทั้งหมดตัดผมเกรียน สวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว มีกระเป๋าสัมภาระ มีนายทหารจากกรมยุทธศึกษาทหารบกควบคุมตัวชายฉกรรจ์ไว้ ทราบชื่อ นายจีระสิทธิ์ แจ่มศิริพรหม อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116/133 ม.4 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง ในตัวพบบัตรคล้ายบัตรประจำตัวข้าราชการในรูปสวมเครื่องแบบสีขาว ระบุว่าชื่อ จ่าสิบตรี จีรสิทธิ์ แจ่มศิริพรหม ตำแหน่งบอดีการ์ด นอกจากนี้ ยังพบเอกสารใบสมัครเข้าโรงเรียนนายสิบปลอม เอกสารใบโอนเงินของผู้เสียหายจำนวน 34 ชุด จึงนำตัวและเอกสารทั้งหมดส่ง พ.ต.ท.ศักดิ์พัฒน์ เหรียญทอง พงส.(สบ 2) สน.บางซื่อ สอบปากคำ
นายวสันต์ จันทร์ลีเล็ด อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38/3 ม.8 ต.ขุนกระทิง อ.เมือง จ.ชุมพร 1 ในผู้เสียหาย กล่าวว่า เคยเข้าสอบโรงเรียนนายสิบแล้วตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ผลปรากฏว่า สอบไม่ผ่าน หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีผู้ที่อ้างว่าสามารถนำเข้าเรียนได้ เพียงแต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการไม่ต่ำกว่า 350,000 บาท มีการโฆษณาชวนเชื่อต่างๆ ทั้งยังอ้างถึงนายทหารชั้นผู้ใหญ่ จนทำให้ตัวเอง ผู้ปกครอง หลงเชื่อโอนเงินให้ ในลักษณะของการทำสัญญากู้ยืมเงิน มีบุคคลที่คาดว่าน่าจะเป็นนายหน้าเป็นคนเซ็นกู้ยืมจากผู้ปกครองของตน ซึ่งช่วงที่รอคอย ทางกลุ่มผู้แอบอ้างมีการโทรศัพท์ติดต่อให้ความหวังอยู่ตลอดเวลา เมื่อเดือนที่แล้วก็เพิ่งนัดให้มาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ เสียค่าใช้จ่ายไปอีก 5,000 บาท ล่าสุด มีการโทร.นัดให้เดินทางมีที่โรงแรม อ้างว่า จะนำพวกตนไปส่งเข้าโรงเรียน พวกตนก็เดินทางมาที่นัดหมายไว้ กระทั่งมีเจ้าหน้าที่ทหารจากกรมยุทธศึกษามา จึงรู้ว่าถูกหลอก
พ.อ.ประภาส กล่าว่า ตลอดระยะเวลา 6 ปี ที่มารับหน้าที่ดูแลเรื่องการรับสมัครสอบนั้น ได้รับทราบเรื่องการทุจริตในการสอบมาโดยตลอด ซึ่งสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดมาแล้วหลายราย แต่ครั้งนี้ถือว่าเป็นการแอบอ้างหลอกลวงกันอย่างเป็นขบวนการ เพราะก่อนหน้านี้ ทางตนได้รับแจ้งจากผู้ปกครองเด็กหลายราย ว่า มีการนัดให้เด็กเหล่านี้เดินทางมาที่โรงแรม เพื่อจะนำไปมอบตัวเข้าโรงเรียน หลังทราบเรื่องจึงเดินทางมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ก็พบว่ากรณีนี้น่าจะเข้าข่ายการกระทำเป็นขบวนการแก๊งต้มตุ๋นหลอกลวง จากข้อมูลที่เด็กผู้เสียหายให้ทราบว่าขบวนการนี้มีกลุ่มบุคคลที่เป็นข้าราชการทหารระดับสัญญาบัตรระดับพันโท ร้อยเอก และ จ.ส.อ.อยู่ร่วมในขบวนการนี้ด้วย
รอง ผอ.กองการศึกษา กล่าวเพิ่มว่า เหตุการณ์ในลักษณะนี้ไม่น่าเกิดขึ้น เพราะเวลาที่ทางหน่วยออกรับสมัครบุคคลเข้าสอบคัดเลือกเรียนในหน่วยราชการทหารได้มีการประชาสัมพันธ์ให้บรรดาผู้ปกครองทราบให้ระวังกลุ่มมิฉาชีพที่แฝงตัวเข้ามาหลอกว่าสามารถนำบุตรหลานเข้าเรียนได้โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ขออย่าได้หลงเชื่ออีก
ด้าน พ.ต.ท.ศักดิพัฒน์ กล่าวว่า เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้ แล้วจะส่งเรื่องไปให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม เพราะจากการสอบปากคำผู้เสียหาย พบว่าไม่มีการโอนเงินที่เข้าข่ายลักษณะความผิดในท้องที่ สน.บางซื่อ ส่วนใหญ่ผู้เสียหายจะโอนเงินในท้องที่ตามภูมิลำเนาของแต่ละคน อย่างไรก็ตาม จะได้สอบปากคำผู้เสียหายไว้ก่อน จากนั้นจะได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจของแต่ละพื้นที่ที่ผู้เสียหายถูกหลอกลวง เพื่อส่งตัวไปดำเนินคดีต่อไป