แนวร่วมพันธมิตรฯ เข้าแจ้งความดำเนินคดี “ปีศาจแม้ว” ออกแถลงการณ์ดูหมิ่นสถาบัน-ศาล-ผู้พิพากษา ตัดสินจำคุก 2 ปี คดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ โดยอ้างถูกกระบวนการยุติธรรมกลั่นแกล้ง และไม่ยอมรับผิดในคำสั่งศาล
วันนี้(6 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น.นายวีระ สมความคิด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน พร้อมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประมาณ 10 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.คมกริช สังข์ทอง พนักงานสอบสวน (สบ.2) บก.ป.เพื่อให้ดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และจำเลยคดีที่ดินรัชดาฯตามความผิด ตามกฏหมาย ปอ. มาตรา ๑๑๒ ผู้ใด หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือ แสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษ จำคุกตั้งแต่ สามปีถึงสิบห้าปี และความผิดตามกฏหมาย ปอ.มาตรา ๑๙๘ ผู้ใด ดูหมิ่น ศาล หรือ ผู้พิพากษา ในการพิจารณา หรือ พิพากษาคดี หรือ กระทำการขัดขวาง การพิจารณา หรือ พิพากษาของศาล ต้องระวางโทษ จำคุกตั้งแต่ หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือ ปรับตั้งแต่ สองพันบาท ถึง หนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ พร้อมนำเอกสารที่ พ.ต.ท.ทักษิณ แถลงการจากลอนดอนประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 22 ต.ค.และโฟนอินในวันที่ 1 พ.ย.หนาประมาณ 100 หน้ามามอบให้เป็นหลักฐาน
นายวีระ กล่าวว่า การแถลงการณ์รวมทั้งการโฟนอินนั้นแสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการนำคดีส่วนตัวมาเชื่อมโยงให้มีผลกับความมั่นคงของชาติ ทำให้เกิดผลกระทบต่อสถาบันต่างๆ และมีความพยายามที่จะสื่อให้เห็นว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเขานั้นล้วนเป็นผลมาจากการเมืองทั้งสิ้น ส่วนการเสนอให้มีการนิรโทษกรรมให้เขานั้นตนเห็นว่าผู้ที่จะขอนิรโทษกรรมนั้นต้องมารับโทษตามขั้นตอนกฎหมายเสียก่อนจึงจะสามารถทำเรื่องขออภัยโทษได้ แต่ทั้งนี้อยากตั้งข้อสังเกตว่า พ.ต.ท.ทักษิณนั้นหนีศาลตั้งแต่การรายงานตัวแสดงให้เห็นว่าเจตนาไม่ต้องการรับโทษ และมีความพยายามจะใช้กระบวนการนิติบัญญัติมาอยู่เหนือกระบวนการยุติธรรมหรืออย่างไร
“กรณีตำรวจสันติบาลที่ระบุว่า การโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมาไม่เข้าข่ายความผิดนั้น ตำรวจสันติบาลคงได้ข้อมูลไม่ครบถ้วน ต้องไปดูคำแถลงการณ์จากประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 22 ต.ค. กล่าวหาว่า กระบวนการยุติธรรมของไทยไม่มีความน่าเชื่อถือ และที่เขาต้องหนีออกนอกประเทศเพราะถูกกลุ่มคนชั้นสูงผู้มิอภิสิทธิอยู่เบื้องหลัง และที่ถูกลงโทษจำคุกในที่ดินรัชดานั้นเพราะกระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือในการลงโทษตัวเอง ซึ่งทั้งแถลงการเมื่อวันที่ 22 ต.ค.และโฟนอินเมื่อวันที่ 1 พ.ย.มีความเชื่อมโยงกัน ซึ่งบุคคลชั้นสูงที่ อดีตนายกฯ ระบุน่าจะไม่ใช้บุคคลธรรมดาแน่นอน”นายวีระ กล่าวว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีข้อเสนอในการสมานฉันท์ด้วยการขอนิรโทษกรรมให้กับกลุ่มพันธมิตรฯด้วยนั้น นายวีระ กล่าวว่า กรณีนี้พันธมิตรฯไม่ขอเกี่ยวข้อง เพราะกลุ่มพันธมิตรฯไม่ต้องการขอนิรโทษกรรมอยู่แล้ว เราไม่ต้องการสิทธิพิเศษใดๆ และหากกลุ่มพันธมิตรฯผิดจริงก็ขอรับโทษตามกฎหมาย อยากถามว่าเมื่ออ้างความสมานฉันท์ ปรองดองแล้วความเป็นธรรมอยู่ตรงไหน
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำนายวีระไว้เป็นหลักฐานก่อนจะประมวลเรื่องเสนอสำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาเนื่องจากกรณีที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำภายนอกราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 ซึ่งจะต้องส่งเรื่องต่อให้อัยการสูงสุดดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ นายวีระ กล่าวว่า ภายหลังแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กองปราบปรามแล้ว ตนจะเดินทางไปยังศาลฎีกา เพื่อยื่นเรื่องขอให้ประธานศาลฎีกา ซึ่งเป็นผู้เสียหายโดยตรง ดำเนินการติดตามตรวจสอบคำแถลงการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ดูหมิ่นกระบวนการยุติธรรมไทย และขอให้มีการดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วย
รายละเอียดหนังสือของนายวีระ สมความคิด
ที่ กพส. ๐๔๗/๒๕๕๑
เรื่อง ขอร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับพวกในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒
เรียน ผู้บังคับการกองปราบปราม
สิ่งที่ส่งมาด้วย ๑. แถลงการณ์ “ทักษิณ” ถึงสื่อต่างประเทศ จากหนังสือพิมพ์มติชนออนไลน์ วันจันทร์ที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๑ จำนวน ๓ แผ่น
๒. สำเนาเอกสารจากหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ ปีที่ ๓๑ ฉบับที่ ๑๑๑๙๔ จำนวน ๓ แผ่น
ตามที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อม.๑/๒๕๕๐ คดีหมายเลขแดงที่ อม. ๑/๒๕๕๐ กรณีคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยาของอดีตนายกรัฐมนตรี(พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) ไปเป็นคู่สัญญาซื้อที่ดินจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. มาตรา ๑๐๐ เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๑ โดยพิพากษาให้จำคุกพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นเวลา ๒ ปี โดยไม่มีการรอลงอาญา นั้น
หลังคำพิพากษาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้แถลงการณ์ “ทักษิณ” ถึงสื่อต่างประเทศ ลงวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๑ โดยในแถลงการณ์ดังกล่าวมีข้อความหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ดังนี้ “Whatever happen to me is a political driven actions collaborated by various group of privileged elites who believe in anything but democracy . I am a threat to them because I represent the principle of liberal democracy which promote hope and pride of the poor of my country” แปลเป็นภาษาไทยว่า “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับผม ล้วนแต่เป็นการกระทำที่เกิดจากแรงขับเคลื่อนทางการเมือง ซึ่งเป็นการสมคบกันของบรรดาชนชั้นสูงที่มีอภิสิทธิ์ทั้งหลาย ผู้เชื่อในทุกสิ่งอย่าง ยกเว้นประชาธิปไตย ผมเป็นภัยคุกคามต่อพวกเขา เพียงเพราะผมเป็นตัวแทนของหลักการแห่งระบอบเสรีประชาธิปไตย ซึ่งส่งเสริมความหวังและความภาคภูมิใจของคนยากจนในประเทศของผม”
นอกจากนี้เมื่อวันเสาร์ที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ ซึ่งมีการจัดรายการ “ความจริงวันนี้” ครั้งที่ ๒ ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน ของบรรดาม็อบเสื้อแดง โดยการนำของนายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธ์ นายณัฐวุฒิ ไสเกื้อ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง ในรายการดังกล่าวช่วงหนึ่งได้มีการโทรศัพท์สายตรงมาจากต่างประเทศ(โฟนอิน) โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีการพูดพาดพิงกระบวนการยุติธรรมของไทยว่า “ผมยังไปไม่ได้ ทั้งที่คิดถึง เพราะเขาสั่งจำคุกผม ๒ ปี อายุความ ๑๐ ปี แสดงว่าเขาอยากให้ผมอยู่ข้างนอก ๑๐ ปี” , “ ผมไม่ใช่หัวหน้าม็อบนะครับ ถึงจะโดนยัดเยียดคุกให้ก็เป็นอดีตนายกฯนะครับ” , “ ไม่ใช่ครับ เขาใช้กระบวนการยุติความเป็นธรรม” และ “ใช่ครับ มันต้องการจัดการกับคนคนเดียว โดยเอากระบวนการยุติธรรมให้ยุติความเป็นธรรมทั้งหมด”
การแถลงการณ์ข้างต้นดังกล่าว ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีข้อความบางวรรคบางตอน ตามที่ยกมาประกอบข้างต้น มีข้อความที่เข้าข่ายเป็นการเจตนา หมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ใช้ข้อความว่า บรรดาชนชั้นสูงที่มีอภิสิทธิ์ทั้งหลาย คำว่า บรรดาชนชั้นสูงที่มีอภิสิทธิ์ทั้งหลาย นั้น สำหรับคนไทยผู้จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่างทราบดีว่า มีความหมายถึง พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ทำให้สถาบันเบื้องสูงได้รับความเสียหาย ทำให้ผู้ที่รับทราบข้อความดังกล่าว เข้าใจว่าสถาบันเบื้องสูงซึ่งเป็นที่เคารพรักของคนไทย ไม่มีความยุติธรรม ไม่มีเหตุผล ทำการสมคบกันกลั่นแกล้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิด ทั้งหมดล้วนเป็นการกระทำที่เกิดจากแรงขับเคลื่อนทางการเมืองซึ่งเป็นการสมคบกันของบรรดาชนชั้นสูงที่มีอภิสิทธิ์ทั้งหลาย เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการให้กระบวนการยุติธรรมยัดเยียดคุกให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อ้างว่าที่ตนต้องถูกลงโทษเพราะตนเป็นภัยคุกคามต่อบรรดาชนชั้นสูงที่มีอภิสิทธิ์ทั้งหลาย ดังนั้น การกระทำดังกล่าวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับพวกจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒
ข้าพเจ้าจึงขอร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุดกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับพวกในฐานความผิดดังกล่าวต่อไป ผลการดำเนินคดีเป็นประการใดขอได้โปรดแจ้งให้ข้าพเจ้าทราบโดยเร็วด้วย จักขอบคุณยิ่ง
ขอแสดงความนับถือ
(นายวีระ สมความคิด)
ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน