xs
xsm
sm
md
lg

ตร.คุมเข้ม สตช.รับมือ “พันธมิตรฯ” ลั่นบุกรุกดำเนินคดี!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

แฟ้มภาพ
ตร.คุมเข้มบ้านตัวเองเต็มที่ สั่งปิดทางเข้าออก ลั่นหาก “พันธมิตรฯ” บุกรุกเข้ามาจะดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมสั่งเตรียมรถน้ำและแก๊สน้ำตาคอยรับมือหากเกิดเหตุปะทะ ด้าน “พัชรวาท” ตั้งคณะทำงานตรวจสอบเหตุ ตร.สลายม็อบ มี “รองอธิการบดีจุฬาฯ” เป็นประธาน คาด 7 วันรู้ผล

วันนี้ (12 ต.ค.) เวลา 11.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ผบช.สตม.ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรฯจะเดินทางบุก สตช.ในวันพรุ่งนี้ (13 ต.ค.) ว่า วันนี้ขอชี้แจงสื่อมวลชน ว่า ตนขอประสานสื่อเพื่อวางแนวทางในการปฏิบัติงานของตำรวจและสื่อมวลชน ในเรื่องที่พันธมิตรฯจะมาปิดถนนหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเรียนว่าตำรวจต้องป้องกันสถานที่ของตนเอง โดยเราจะทำการปิดประตูทางเข้า สำนักงานตำรวจแห่งชาติทุกด้าน เพื่อเป็นการป้องกันเหตุ ห้ามรถเข้าออกตั้งแต่เวลา 06.00 น.ของวันที่ 13 ต.ค.เป็นต้นไป แต่หากกลุ่มพันธมิตรฯมาก่อนนั้น เราก็ต้องปรับเวลาไปตามสถานการณ์ ส่วนรถถ่ายทอดสดของสถานีโทรทัศน์ ขอให้ประสานให้เข้ามาจอดเพื่อรายงานข่าวภายในวันที่ 12 ต.ค.ส่วนคนที่จะเข้าออกในวันพรุ่งนี้ ยังสามารถเข้าออกได้ โดยจะให้เข้าทางประตูด้านถนนอังรีดูนัง และด้านโรงพยาบาลตำรวจ แต่หากมีการบุกรุกเข้ามาเราก็จะปิดทันที

“แต่หากพันธมิตรฯจะพยายามเข้าทางประตูโรงพยาบาลตำรวจ ก็แล้วแต่พันธมิตรฯ ก็แล้วกัน ว่าจะสร้างความวุ่นวายให้กับคนไข้หรือเปล่า แต่เรายืนยันว่า เราจะปกป้องบ้านของเราเต็มที่ ส่วนพันธมิตรฯจะปิดถนนอย่างไรเราก็จะไม่เข้าไปยุ่ง แต่ขอให้ผู้สื่อข่าวที่อยู่ในพื้นที่ช่วยรายงานความเป็นจริงให้ตำรวจด้วย เพราะเราไม่อยากใช้กำลังหรือความรุนแรง ที่ผ่านมา เราก็ถูกต่อว่าตลอดว่าใช้ความรุนแรง แต่หากมีคนบุกรุกเข้ามาหรือพยายามบุกเข้ามา เราก็ต้องประเมินสถานการณ์ว่าเราจะทำอย่างไร” พล.ต.ท.ชัชวาลย์ กล่าว

พล.ต.ท.ชัชวาลย์ กล่าวต่อว่า ส่วนการแถลงข่าวก่อนวันชุมนุมวันพรุ่งนี้ จะไม่มีการแถลงข่าวเรื่องการระดมกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะที่ผ่านมา เมื่อเราบอกไป ก็จะนำข้อมูลไปปลุกเร้าให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมอีก แต่หากมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ตำรวจจะแถลงข่าวทันทีที่ห้องประชุมกองสารนิเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการชี้แจง พล.ต.ท.ชัชวาลย์ ได้แจกเอกสารคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 690/2551 เรื่องแต่งตั้งคณะทำงานงานตรวจสอบข้อเท็จจริง เรื่องตามที่กลุ่มพันธมิตรฯ ได้เคลื่อนย้ายกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมาก ทำการปิดล้อมถนนทุกด้านรอบอาคารรัฐสภา และปิดเส้นทางการจราจรบริเวณถนนหลายสายโดยเฉพาะเส้นทางจากอาคารรัฐสภา ลานพระราชวังดุสิต วังปารุสกวัน และกองบัญชาการตำรวจนครบาล ตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค.2551 ต่อเนื่องถึงวันที่ 7 ต.ค.2551 ทำให้สมาชิกรัฐสภาไม่สามารถเดินทางเข้าไปในอาคารรัฐสภา เพื่อร่วมประชุมรับฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาลได้ ต่อมาจึงได้มีการใช้เครื่องมือในการควบคุมฝูงชนเพื่อเปิดเส้นทางการจราจรและจัดระเบียบพื้นที่ และเกิดเหตุการณ์รุงแรงขึ้นนั้น

เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่าเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นมาจากสาเหตุอะไร และการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชนของเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าวเป็นไปตามกฏหมาย ระเบียบและแนวทางการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร อาศัยอำนาจตามความใน พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 11(4) จึงแต่งตั้งข้าราชการตำรวจและผู้ทรงคุณวุฒิ ในหลายสาขาอาชีพ ร่วมเป็นคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นที่ยอมรับแก่สาธารณชนโดยทั่วไปดังนี้ 1.รศ.นพ.เจษฎา แสงสุพรรณ รองอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นหัวหน้าคณะทำงาน 2 พล.ต.อ.อำนวย เพชรศิริ สมาชิกวุฒิสภา เป็นรองหัวหน้าคณะทำงาน 3 พล.ต.อ.สมชาย มิลินทรางกูร เป็นรองหัวหน้าคณะทำงาน ส่วนคณะทำงานประกอบด้วย พ.ญ.พรทิพย์ โรจนสุนันท์, พล.ท.คำนวณ เธียรประมุข, นายเรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์ รองประธานกรรมการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) นายพนา ทองมีอาคม คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ ม.หัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ, พล.ต.ท.เลี้ยง หุยประเสริฐ, พล.ต.ท.ณรงค์ กุลนิเทศน์, พล.ต.ท.ดนัยธร วงศ์ไทย, พล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์, พล.ต.ต.บุญส่ง จีระเรืองรัตนา, พล.ต.ต.ปัญญา เอ่งฉ้วน, พ.ต.อ.ปรีดี พงศ์เศรษฐสันต์

สำหรับอำนาจหน้าที่ของคณะทำงานชุดนี้ คือ ดำเนินการตรวจสอบข้อเท้จริงและรวบรวมข้อมูล พยานหลักฐานทั้งจากภายในและภายนอก เกี่ยวกับการปฏิบัติในการควบคุมฝูงชนในห้วงวันเวลาดังกล่าวว่าเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบคำสั่งและแผนปฏิบัติการ ที่กำหนดไว้หรือไม่อย่างไร และเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น มาจากสาเหตุอะไร สั่งการให้ทุกหน่วยงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจตลอดจนขอความร่วมมือจากสื่อมวลชน หรือบุคคลภายนอกมาให้ถ้อยคำข้อมูลข่าวสาร หรือจัดส่งเอกสาร พยานหลักฐานใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ได้ ให้หัวหน้าคณะทำงานมีอำนาจแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ หรือผู้ทรงคุณวุฒิเป็นคณะทำงานย่อยหรือเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมตามความเหมาะสม และให้คณะทำงานเร่งรัดการดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็วรายงานผลการดำเนินการให้ทราบภายใน 7 วัน ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค.2551 เป็นต้นไป ลงนามโดย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.

ต่อมา เมื่อเวลา 16.30 น.กลุ่มผู้รักสันติ ประมาณ 20 คน ได้สวมเสื้อคลุมสีขาวมีข้อความว่า “สันติ” เดินทางมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อแสดงจุดยืนขอให้ทุกฝ่ายยุติใช้ความรุนแรง พร้อมกับแจกแถลงการณ์ ที่มีใจความว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างภาครัฐและพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2551 ได้สะท้อนให้สังคมเห็นว่า รูปแบบการแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงนั้นไม่ได้ช่วยให้ความข้ดแย้งคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น แต่กลับส่งผลให้เกิดการสูญเสียกันทุกฝ่าย และกลายเป็นชนวนเหตุในการปลุกอารมณ์ความโกธรแค้นและความเกลียดชังเพิ่มมากขึ้น จนมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงขึ้นอีกได้ ซึ่ง พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ส.พล.ต.ต.วินัย ทองสอง รอง.ผบช.ส.ได้เดินลงมารับมอบหนังสือ และสวมเสื้อคลุมสีขาวที่มีคำว่า สันติ และกล่าวกับกลุ่มผู้มายื่นหนังสือว่า ตำรวจจะใช้ความอดทนอดกลั้นให้มากที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการวางกำลังเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่มีการประสานขอ รถดับเพลิงจากเทศบาลนนทบุรีจำนวน 2 คัน เข้ามาเตรียมพร้อมด้านใน พร้อมกับรถไฟส่องสว่าง เครื่องปั่นไฟฉุกเฉิน และมีการนำสุนัขตำรวจจำนวนหนึ่งมาเตรียมพร้อม ส่วนจุดใดที่ไม่มีแสงสว่างได้นำไฟส่องสว่างมาติดไว้ทุกจุด ซึ่ง พล.ต.ท.ธีระเดช ได้ลงมาตรวจสอบด้วยตนเองทุกจุด

จากนั้นเวลา 17.00 น.พล.ต.ท.ธีระเดช ได้เชิญสื่อมวลชนประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมประชุมหารือแนวทางในการทำงานในวันพรุ่งนี้ โดย ผบช.ส.ระบุว่า สถานการณ์ในวันพรุ่งนี้อาจจะมีความสับสนวุ่นวาย ดังนั้น ตั้งแต่เวลา 22.00 น.วันนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะปิดประตูทางเข้าทั้งหมด สื่อมวลชนที่จะนำรถเข้ามาทำข่าวขอให้มาก่อนเวลา หลังจากนั้น จะไม่ให้รถทุกชนิดเข้ามา ส่วนสื่อมวลชนที่จะมาทำข่าวในวันพรุ่งนี้ให้แสดงบัตรผู้สื่อข่าวอย่างเด่นชัด

ส่วนการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ถ้ามีการปราศัยด้านหน้าบนถนนหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เราก็จะไม่เข้าไปห้าม เราพร้อมรับฟัง แต่หากมีการบุกรุกเข้ามาภายในสำนักงาน เราก็จะทำตามขั้นตอนที่เตรียมไว้ คือ ประกาศเตือนผ่านลำโพงขยายเสียงที่เตรียมไว้ หลังจากนั้น ถ้าสถานการณ์บานปลายอาจจะจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการในการดำเนินการ ส่วนที่พันธมิตรฯอาจจะส่งตัวแทนเข้ามาภายใน 2-3 คน เราก็จะอนุญาต แต่ทั้งหมดคงไม่ได้ ขอเรียนว่า ขณะนี้ตำรวจกลัวหมดแล้ว เห็นชาวบ้านบาดเจ็บเราก็ไม่สบายใจ ไปรบกับโจรใต้ยังดีกว่า ขอให้ประชาชนเห็นใจด้วย ตนกำชับเจ้าหน้าที่ให้ทำเหมือนเป็นญาติลูกหลานของพันธมิตรฯ พรุ่งนี้ตำรวจหญิงจะมีบทบาทมาก ส่วนกำลังพลที่เตรียมไว้เราไม่ขอบอกกลัวจะเป็นการยั่วยุ ส่วนกลุ่ม นปก.ที่จะมาให้กำลังใจตำรวจนั้น ตนก็ขอให้รีบมาแล้วกลับทันทีไม่อยากให้มีการเผชิญหน้า ส่วนกรณี ท่านสล้าง บุนนาค ที่จะมาในวันตำรวจกำลังประสานอยู่ว่าอย่ามาเลย เพราะไม่อยากให้มีการเผชิญหน้า

ส่วนถ้ามีการบุกรุกพื้นที่ เราก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย โดยเรามีการเตรียมอุปกรณ์ภาพไว้และจะขอประสานงานสื่อมวลชนเพื่อขอภาพถ่ายหากมีปัญหาเกิดขึ้น ส่วนแก๊สน้ำตาหาก มีการใช้ในวันพรุ่งนี้ขอเรียนว่าจะมีเพียง 3 ชนิดเท่านั้น ถ้ามีแบบอื่นแปลกปลอมมาไม่ใช่ของตำรวจแน่นอน เป็นของที่ผลิตจะประเทศสหรัฐอเมริกาทั้งหมด และการใช้จะมีการกำกับดูแลจากผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด โดยหากจะใช้จริงๆตนจะเป็นผู้สั่งการ ละรถน้ำเราก็เตรียมไว้แต่ไม่อยากใช้เท่าไหร่ เพราะแรงดันน้ำหากโดนคนจังๆก็อาจบาดเจ็บได้เช่นกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแก๊สน้ำตาที่ ผบช.ส.นำมาแสดง ประกอบด้วย 1.กระสุนแก๊สน้ำแบบ 206-t-40 ขนาด 38 มม.ยี่ห้อ FEDERAL LABORATORY ระยะยิงไกลสุด 150 หลา รัศมีกลุ่มควัน 10 เมตร คุณสมบัติไม่มีการระเบิดของกลุ่มแก๊ส 2.แก๊สน้ำตาแบบขว้าง รุ่น MP-bd2c-cn ยี่ห้อ NONLETHAL THBEHNOLOGIBS ระยะขว้างไกลสุด 30 หลา รัศมีควัน 10 หลา การทำงานจุดตัวเพื่อกระจายสารเคมีผงที่อยู่ภายใน แต่ไม่มีสะเก็ดและไม่มีเสียงดังมาก 3.แก๊สแบบขว้าง กระป๋องอะลูมิเนียม ยี่ห้อ DEFENSE TECHNELOGS ระยะข้างไกลสุด30หลา คุณสมบัติจุดชนวนภายในไม่มีสะเก็ดระเบิดและไม่มีเสียงดังมาก ทั้ง 3 ชนิดผลิตจากประเทศอเมริกา
กำลังโหลดความคิดเห็น