เครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน และตัวแทนศูนย์ทนายความมุสลิม วางพวงหรีดไว้อาลัยหน้า สตช. ไว้อาลัยตำรวจทำร้ายผู้บริสุทธิ์ พร้อมเรียกร้องรัฐบาลและพันธมิตรฯ ยุติความขัดแย้งบนวิถีทางการเมืองที่รุนแรงโดยเร็ว
วันนี้ (10 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 12.00 น. นางสาวจันทร์จิรา จันทร์แผ้ว ผู้ประสานงานเครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน พร้อมด้วยตัวแทนมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม และศูนย์ทนายความมุสลิมประมาณ 10 คน สวมใส่ชุดสีดำไว้ทุกข์ ได้นำพวงหรีดมาวางไว้ที่บริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเป็นการไว้อาลัยต่อเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยพวงหรีดมีใความว่าสิทธิในความเป็นมนุษย์ควรได้รับความเคารพจากทุกฝ่าย พร้อมอ่านจดหมายเปิดผนึกเรื่อง ขอให้ทุกฝ่ายแสดงความรับผิดชอบต่อความสูญเสียในเหตุการณ์ดังกล่าว โดยระบุว่า รัฐบาลมีหน้าที่ต้องเคารพ ปกป้องและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน การจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนจะต้องกระทำไปเท่าที่จำเป็น ตามสมควรแก่เหตุ แต่การเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ตามคำสั่งของรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้นำไปสู่ความรุนแรงเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต แต่ทั้งสองฝ่ายออกมาปฏิสเธความรับผิดชอบทั้งที่ต่างก็มีส่วนร่วมก่อให้เกิดเหตุ
ผู้ประสานงานเครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ยังได้อ่านข้อเรียกร้องให้รัฐบาลปฏิบัติ ดังนี้ 1.ดำเนินการตามคำสั่งคุ้มครองชั่งคราวของศาลปกครองโดยเคร่งครัดเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ 2.ลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ 3.แสวงหาความจริงให้ปรากฏ และเยียวยาผู้เสียหาย 4.หยุดให้ข่าวกับสื่อในทางปฏิเสธความรับผิดชอบโดยโยนความผิดให้ผู้อื่น 5.เคารพการใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ 6.ต้องไม่สั่งหรือนำทหารเข้ามายุ่งเกี่ยวหรือปราบปราบผู้ชุมนุม
ส่วนแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ผู้ประสานงานเครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ได้เรียกร้องให้ 1.อย่าใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของคนบางคนหรือบางกลุ่ม โดยอาศัยความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติและพระมหากษัตริย์ 2.หยุดตอกย้ำความสูญเสียในเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาฯ เนื่องจากจะทำให้เกิดความเกลียดชังมากขึ้นในสังคม ซึ่งอาจนำไปสู่ความรุนแรงยิ่งขึ้นอีกและเพื่อเป็นการลดบรรยาการของการเผชิญหน้า 3.ยึดมั่นในการใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ 4.หยุดดึงสถาบันพระมหากษัตริย์และทหาร มายุ่งเกี่ยวกับการเมืองและความขัดแย้งทางการเมือง
นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้รัฐบาลและแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ หาข้อยุติความขัดแย้งด้วยวิถีทางการเมืองโดยเร็วเพื่อไม่ให้สังคมบอบช้ำมากไปกว่านี้ โดยเฉพาะในช่วงที่ศาลได้กรุณาเปิดโอกาสที่จะหาข้อยุติทางการเมือง โดยศาลปกครองได้ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว และศาลอุทธรณ์ได้เพิกถอนข้อหาฉกรรจ์ในหมายจับที่มีต่อพันธมิตร ที่สำคัญประชาชนต้องร่วมกันปฏิเสธความรุนแรงที่เกิดจากการกระทำของทุกฝ่าย
วันนี้ (10 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 12.00 น. นางสาวจันทร์จิรา จันทร์แผ้ว ผู้ประสานงานเครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน พร้อมด้วยตัวแทนมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม และศูนย์ทนายความมุสลิมประมาณ 10 คน สวมใส่ชุดสีดำไว้ทุกข์ ได้นำพวงหรีดมาวางไว้ที่บริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเป็นการไว้อาลัยต่อเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยพวงหรีดมีใความว่าสิทธิในความเป็นมนุษย์ควรได้รับความเคารพจากทุกฝ่าย พร้อมอ่านจดหมายเปิดผนึกเรื่อง ขอให้ทุกฝ่ายแสดงความรับผิดชอบต่อความสูญเสียในเหตุการณ์ดังกล่าว โดยระบุว่า รัฐบาลมีหน้าที่ต้องเคารพ ปกป้องและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน การจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนจะต้องกระทำไปเท่าที่จำเป็น ตามสมควรแก่เหตุ แต่การเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ตามคำสั่งของรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้นำไปสู่ความรุนแรงเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต แต่ทั้งสองฝ่ายออกมาปฏิสเธความรับผิดชอบทั้งที่ต่างก็มีส่วนร่วมก่อให้เกิดเหตุ
ผู้ประสานงานเครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ยังได้อ่านข้อเรียกร้องให้รัฐบาลปฏิบัติ ดังนี้ 1.ดำเนินการตามคำสั่งคุ้มครองชั่งคราวของศาลปกครองโดยเคร่งครัดเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ 2.ลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ 3.แสวงหาความจริงให้ปรากฏ และเยียวยาผู้เสียหาย 4.หยุดให้ข่าวกับสื่อในทางปฏิเสธความรับผิดชอบโดยโยนความผิดให้ผู้อื่น 5.เคารพการใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ 6.ต้องไม่สั่งหรือนำทหารเข้ามายุ่งเกี่ยวหรือปราบปราบผู้ชุมนุม
ส่วนแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ผู้ประสานงานเครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ได้เรียกร้องให้ 1.อย่าใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของคนบางคนหรือบางกลุ่ม โดยอาศัยความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติและพระมหากษัตริย์ 2.หยุดตอกย้ำความสูญเสียในเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาฯ เนื่องจากจะทำให้เกิดความเกลียดชังมากขึ้นในสังคม ซึ่งอาจนำไปสู่ความรุนแรงยิ่งขึ้นอีกและเพื่อเป็นการลดบรรยาการของการเผชิญหน้า 3.ยึดมั่นในการใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ 4.หยุดดึงสถาบันพระมหากษัตริย์และทหาร มายุ่งเกี่ยวกับการเมืองและความขัดแย้งทางการเมือง
นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้รัฐบาลและแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ หาข้อยุติความขัดแย้งด้วยวิถีทางการเมืองโดยเร็วเพื่อไม่ให้สังคมบอบช้ำมากไปกว่านี้ โดยเฉพาะในช่วงที่ศาลได้กรุณาเปิดโอกาสที่จะหาข้อยุติทางการเมือง โดยศาลปกครองได้ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว และศาลอุทธรณ์ได้เพิกถอนข้อหาฉกรรจ์ในหมายจับที่มีต่อพันธมิตร ที่สำคัญประชาชนต้องร่วมกันปฏิเสธความรุนแรงที่เกิดจากการกระทำของทุกฝ่าย