“สุชาติ” สร้างภาพเดินถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ หลังป่าเถื่อนสั่งลูกน้องกระหน่ำยิงลูกไฟ-แก๊สน้ำตา สลายการชุมนุมรอบรัฐสภา แถมหน้าตายโต้คารมพันธมิตรฯ บอกไม่ใช่ฝีมือตำรวจทำร้ายประชาชน ไขสือจะทำเรื่องให้กระจ่าง ขณะที่ผู้ชุมนุมหมดศรัทธา ทั้งเกลียด-ทั้งกลัว ไล่ส่งมือสังหาร “น้องโบว์” ยันเห็นกับตาถูกยิงแต่เข้าช่วยไม่ได้
วันนี้ (8 ต.ค.) เมื่อเวลา 17.00 น.นายอดิศักดิ์ สายกระสุน อายุ 46 ปี พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมผู้ชุมนุมจำนวน 20 คน เดินทางมาเก็บกวาดขยะบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ถนนศรีอยุธยา ฝั่งกองบัญชาการตำรจนครบาล จุดที่เกิดปะทะกันเป็นเหตุให้ น.ส.อังขณา ประดับปัญญาวุฒิ อายุ 27 ปี เสียชีวิต และมีคนได้รับบาดเจ็บอีกหลายราย ระหว่างนั้น พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.เดินทางมาพบปะและพูดคุย โดยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ของกลุ่มพันธมิตรฯ โดยทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้กล่าวกับ พล.ต.ท.สุชาติ ว่า ทำไมถึงใจร้ายเข่นฆ่าประชาชน ซึ่งทาง ผบช.น.บอกว่า ไม่ใช่ฝีมือของเจ้าหน้าที่และรับปากจะสืบสวนสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อให้ความจริงกระจ่าง ซึ่งทางกลุ่มผู้ชุมนุมยังโชว์หลักฐานที่เป็นหัวกระสุนเหล็ก ขนาดหัวแม่โป้ง หลายนัดและปลอกกระสุนอีกหลายปลอก ให้ พล.ต.ท.สุชาติ ดู โดย พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวกับกลุ่มผู้ชุมนุม ว่า เราเป็นคนไทยด้วยกันพูดจากันได้ ทางผู้ชุมนุมจึงกล่าวตอบไปว่าคงไม่มีทางเพราะหมดศรัทธากับเจ้าหน้าที่แล้ว ชาตินี้คงไม่มีการสมานฉันท์กันอย่างแน่นอน
ด้าน นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อคืนอยู่ในเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม โดยกลุ่ม young pad อยู่แถวหน้า ซึ่งขณะนั้นยังไม่ทันเจรจา เจ้าหน้าที่กลับระดมยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมอย่างบ้าระห่ำ ขณะนั้นตนยืนอยู่ใกล้น้องโบว์ เห็นกระสุนนัดหนึ่งยิงโดนหน้าอกน้องโบว์อย่างจัง จนแผลเหวอะหวะ ระหว่างที่กำลังจะเข้าช่วย กระสุนอีกชุดยิงใส่เข้ามาไม่ขาดสาย ทำให้ไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือน้องเขาได้
“เมื่อน้องโบว์โดนยิง ผมได้ยินเสียงสะท้อนดังอึก ก่อนน้องทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น และขณะกำลังเข้าช่วยเหลือ กลับถูกระดมยิงมาอีก ผมเสียใจจนร้องไห้ ที่ตนเองไม่สามารถช่วยเหลือน้องเขาได้ อย่างไรก็ตาม ขอประณามการกระทำของเจ้าหน้าที่ ว่า ป่าเถื่อนและรุนแรงเกินกว่าเหตุทั้งๆ ที่ประชาชนมาด้วยสองมือเปล่าไม่มีอาวุธแต่อย่างใด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผมเกลียดและกลัวตำรวจเป็นอย่างมาก ไม่อยากคบค้าสมาคมกับตำรวจอีกแล้ว” นายอดิศักดิ์ กล่าวด้วยสีหน้าสลดหดหู่
ในวันเดียวกัน เมื่อเวลา 17.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวถึงเหตุความรุนแรงในการเข้าสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯของตำรวจ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ว่า ขณะนี้มีความชัดเจนว่าผู้บาดเจ็บบางส่วน ซึ่งได้ภาพมาจากสื่อมวลชน พบว่า เป็นอาวุธและเครื่องมือของกลุ่มผู้ชุมนุมเอง เห็นได้ว่ามีภาพหนึ่งมือขวาถูกระเบิดบาดเจ็บแขนขาด ส่วนมือซ้ายยังกำระเบิดไว้ เรียนว่าเราไม่ได้ปรุงแต่งหรือนำข้อมูลเท็จมาเสนอ เป็นข้อเท็จจริงอย่างที่เห็น
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า มีประชาชนบางส่วนได้อ่านหนังสือพิมพ์ตั้งข้อสังเกตว่าส่วนใหญ่บาดเจ็บที่ขา ซึ่งสันนิษฐานได้ว่าเป็นกลุ่มนักรบศรีวิชัย การ์ดด้านหน้า สันนิษฐานว่าอาการบาดเจ็บมักเกิดจากมีอาวุธ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาทำให้อาวุธดังกล่าวระเบิดขึ้น อาจเกิดจากการหิ้วถุงบรรจุสิ่งที่สามารถระเบิดได้ทำให้บุคคลที่ยืนข้างๆบาดเจ็บ ซึ่งทั้งหมดเป็นข้อสันนิษฐานยังไม่ใช่ข้อสรุป เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการหารือกันว่าให้แยกทีมสืบสวนสอบสวนหรือไม่
"ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการพูดคุยกับ พล.ต.ต.ลิขิต กลิ่นอวล รองผบช.น. เห็นควรแยกเป็นอีกคดีไม่รวมกับคดีที่ออกหมายจับไปแล้ว โดยรวบรวมข้อมูลตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค.เป็นต้นมา เป็นเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นและนำไปสู่ผู้บาดเจ็บ มีข้อเท็จจริงอย่างไร ใครต้องรับผิดชอบบ้าง รวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ วัตถุพยานร่องรอยที่ปรากฏ จากตำแหน่งที่พบผู้บาดเจ็บทั้งพื้นถนน ฝาผนัง"รองโฆษกตร.กล่าว
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวต่อไปว่า สำหรับหญิงสาวที่เสียชีวิตนั้นทราบว่าซี่โครงหักทุกซี่ แขนฉีกขาดลักษณะเหมือนหนีบอะไรสักอย่างที่ระเบิดได้ ซึ่งไม่ใช่เครื่องมือที่ตำรวจใช้ เพราะแผลเบิร์นมากกว่าแก๊สน้ำตาที่ใช้
ผู้สื่อข่าวถามว่าระเบิดในมือที่ผู้บาดเจ็บกำไว้ตามภาพถ่ายเป็นระเบิดชนิดไหน พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า กำลังนัดเจ้าหน้าที่กองพลาธิการมาดูว่าเป็นประเภทไหนและอานุภาพเป็นอย่างไร เมื่อถามว่าตามแนวทางการสืบสวนกลุ่มผู้ชุมนุมมีระเบิดปิงปองหรือไม่ พล.ต.ต.สุรพล กล่าวต่อว่า ทราบว่ามีบางส่วน มีการปะทะก็มีการโยนใส่บ้าง แต่ชนิดที่เห็นในภาพยังไม่แน่ใจ ซึ่งกำลังตรวจสอบชื่อของบุคคลในภาพเพื่อให้เกิดความชัดเจน
ต่อข้อถามกรณีรถยนต์จิ๊ปที่เกิดเหตุระเบิด จะต้องเชิญนายการุณ ใสงาม มาสอบปากคำหรือไม่ พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า แม้จะเป็นญาติกัน แต่ไม่ได้หมายความว่านายการุณมีส่วนเกี่ยวข้อง
วันนี้ (8 ต.ค.) เมื่อเวลา 17.00 น.นายอดิศักดิ์ สายกระสุน อายุ 46 ปี พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมผู้ชุมนุมจำนวน 20 คน เดินทางมาเก็บกวาดขยะบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ถนนศรีอยุธยา ฝั่งกองบัญชาการตำรจนครบาล จุดที่เกิดปะทะกันเป็นเหตุให้ น.ส.อังขณา ประดับปัญญาวุฒิ อายุ 27 ปี เสียชีวิต และมีคนได้รับบาดเจ็บอีกหลายราย ระหว่างนั้น พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.เดินทางมาพบปะและพูดคุย โดยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ของกลุ่มพันธมิตรฯ โดยทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้กล่าวกับ พล.ต.ท.สุชาติ ว่า ทำไมถึงใจร้ายเข่นฆ่าประชาชน ซึ่งทาง ผบช.น.บอกว่า ไม่ใช่ฝีมือของเจ้าหน้าที่และรับปากจะสืบสวนสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อให้ความจริงกระจ่าง ซึ่งทางกลุ่มผู้ชุมนุมยังโชว์หลักฐานที่เป็นหัวกระสุนเหล็ก ขนาดหัวแม่โป้ง หลายนัดและปลอกกระสุนอีกหลายปลอก ให้ พล.ต.ท.สุชาติ ดู โดย พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวกับกลุ่มผู้ชุมนุม ว่า เราเป็นคนไทยด้วยกันพูดจากันได้ ทางผู้ชุมนุมจึงกล่าวตอบไปว่าคงไม่มีทางเพราะหมดศรัทธากับเจ้าหน้าที่แล้ว ชาตินี้คงไม่มีการสมานฉันท์กันอย่างแน่นอน
ด้าน นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อคืนอยู่ในเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม โดยกลุ่ม young pad อยู่แถวหน้า ซึ่งขณะนั้นยังไม่ทันเจรจา เจ้าหน้าที่กลับระดมยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมอย่างบ้าระห่ำ ขณะนั้นตนยืนอยู่ใกล้น้องโบว์ เห็นกระสุนนัดหนึ่งยิงโดนหน้าอกน้องโบว์อย่างจัง จนแผลเหวอะหวะ ระหว่างที่กำลังจะเข้าช่วย กระสุนอีกชุดยิงใส่เข้ามาไม่ขาดสาย ทำให้ไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือน้องเขาได้
“เมื่อน้องโบว์โดนยิง ผมได้ยินเสียงสะท้อนดังอึก ก่อนน้องทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น และขณะกำลังเข้าช่วยเหลือ กลับถูกระดมยิงมาอีก ผมเสียใจจนร้องไห้ ที่ตนเองไม่สามารถช่วยเหลือน้องเขาได้ อย่างไรก็ตาม ขอประณามการกระทำของเจ้าหน้าที่ ว่า ป่าเถื่อนและรุนแรงเกินกว่าเหตุทั้งๆ ที่ประชาชนมาด้วยสองมือเปล่าไม่มีอาวุธแต่อย่างใด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผมเกลียดและกลัวตำรวจเป็นอย่างมาก ไม่อยากคบค้าสมาคมกับตำรวจอีกแล้ว” นายอดิศักดิ์ กล่าวด้วยสีหน้าสลดหดหู่
ในวันเดียวกัน เมื่อเวลา 17.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวถึงเหตุความรุนแรงในการเข้าสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯของตำรวจ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ว่า ขณะนี้มีความชัดเจนว่าผู้บาดเจ็บบางส่วน ซึ่งได้ภาพมาจากสื่อมวลชน พบว่า เป็นอาวุธและเครื่องมือของกลุ่มผู้ชุมนุมเอง เห็นได้ว่ามีภาพหนึ่งมือขวาถูกระเบิดบาดเจ็บแขนขาด ส่วนมือซ้ายยังกำระเบิดไว้ เรียนว่าเราไม่ได้ปรุงแต่งหรือนำข้อมูลเท็จมาเสนอ เป็นข้อเท็จจริงอย่างที่เห็น
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า มีประชาชนบางส่วนได้อ่านหนังสือพิมพ์ตั้งข้อสังเกตว่าส่วนใหญ่บาดเจ็บที่ขา ซึ่งสันนิษฐานได้ว่าเป็นกลุ่มนักรบศรีวิชัย การ์ดด้านหน้า สันนิษฐานว่าอาการบาดเจ็บมักเกิดจากมีอาวุธ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาทำให้อาวุธดังกล่าวระเบิดขึ้น อาจเกิดจากการหิ้วถุงบรรจุสิ่งที่สามารถระเบิดได้ทำให้บุคคลที่ยืนข้างๆบาดเจ็บ ซึ่งทั้งหมดเป็นข้อสันนิษฐานยังไม่ใช่ข้อสรุป เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการหารือกันว่าให้แยกทีมสืบสวนสอบสวนหรือไม่
"ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการพูดคุยกับ พล.ต.ต.ลิขิต กลิ่นอวล รองผบช.น. เห็นควรแยกเป็นอีกคดีไม่รวมกับคดีที่ออกหมายจับไปแล้ว โดยรวบรวมข้อมูลตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค.เป็นต้นมา เป็นเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นและนำไปสู่ผู้บาดเจ็บ มีข้อเท็จจริงอย่างไร ใครต้องรับผิดชอบบ้าง รวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ วัตถุพยานร่องรอยที่ปรากฏ จากตำแหน่งที่พบผู้บาดเจ็บทั้งพื้นถนน ฝาผนัง"รองโฆษกตร.กล่าว
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวต่อไปว่า สำหรับหญิงสาวที่เสียชีวิตนั้นทราบว่าซี่โครงหักทุกซี่ แขนฉีกขาดลักษณะเหมือนหนีบอะไรสักอย่างที่ระเบิดได้ ซึ่งไม่ใช่เครื่องมือที่ตำรวจใช้ เพราะแผลเบิร์นมากกว่าแก๊สน้ำตาที่ใช้
ผู้สื่อข่าวถามว่าระเบิดในมือที่ผู้บาดเจ็บกำไว้ตามภาพถ่ายเป็นระเบิดชนิดไหน พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า กำลังนัดเจ้าหน้าที่กองพลาธิการมาดูว่าเป็นประเภทไหนและอานุภาพเป็นอย่างไร เมื่อถามว่าตามแนวทางการสืบสวนกลุ่มผู้ชุมนุมมีระเบิดปิงปองหรือไม่ พล.ต.ต.สุรพล กล่าวต่อว่า ทราบว่ามีบางส่วน มีการปะทะก็มีการโยนใส่บ้าง แต่ชนิดที่เห็นในภาพยังไม่แน่ใจ ซึ่งกำลังตรวจสอบชื่อของบุคคลในภาพเพื่อให้เกิดความชัดเจน
ต่อข้อถามกรณีรถยนต์จิ๊ปที่เกิดเหตุระเบิด จะต้องเชิญนายการุณ ใสงาม มาสอบปากคำหรือไม่ พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า แม้จะเป็นญาติกัน แต่ไม่ได้หมายความว่านายการุณมีส่วนเกี่ยวข้อง