รองอัยการสูงสุด ตรวจสำนวนยุบพรรค พปช.ครั้งที่สอง พร้อมมอบหมาย “เศกสรรค์” ไปตรวจสอบกรณีพรรค พชป.ร้องขอความเป็นธรรมให้เสร็จ ก่อนเร่งสรุปประเด็นเสนอที่ประชุมใหญ่ 7 ต.ค.นี้ บ่ายสอง คาด สัปดาห์หน้าอัยการมีความเห็นได้
วันนี้ (2 ต.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด สนามหลวง เวลา 13.00 น.นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ รองอัยการสูงสุด ประธานคณะทำงานอัยการคดียุบพรรค ได้ประชุมคณะทำงานเพื่อพิจารณาสำนวนคดียุบพรรคพลังประชาชน (พปช.) ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งสำนวนมาให้สำนักงานอัยการสูงสุดเมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา
ภายหลังใช้เวลาประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร คณะทำงาน และโฆษกอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา พรรคพลังประชาชน ได้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่อคณะทำงาน ดังนั้น ที่ประชุมจึงมอบหมายให้ นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ซึ่งเป็นคณะทำงาน ฯตรวจสอบรายละเอียดว่าประเด็นที่พรรคพลังประชาชนร้องขอความเป็นธรรมนั้น เป็นประเด็นซ้ำกับที่ กกต.ได้เคยสอบสวนไปแล้วหรือไม่ รวมทั้งให้ตรวจด้วยว่าข้อร้องเรียนดังกล่าวเป็นสาระเพียงพอที่จะตั้งคณะกรรมการเพื่อหาข้อเท็จจริงและทำให้เอกสารให้สมบูรณ์หรือไม่
“เนื่องจากเขาร้องมาหลายประเด็น เราจึงจำเป็นต้องตรวจสอบให้ครบทุกประเด็น ซึ่งคงใช้เวลาไม่นาน จากนั้นจะนำผลการตรวจสอบเข้าที่ประชุมอีกครั้งในวันที่ 7 ต.ค.นี้” นายธนพิชญ์ โฆษกอัยการ กล่าว
ด้าน นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ กล่าวว่า หลังจากที่ประชุมมอบหมายให้ตนตรวจสอบประเด็นร้องขอความเป็นธรรมแล้ว วันเดียวกันนี้ ตนได้แต่งตั้งคณะทำงานย่อย 6 คนซึ่งมาจากอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 คน และอัยการฝ่ายคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) 2 คนขึ้นมารับผิดชอบ โดย นายจุลสิงห์ ประธานคณะทำงาน กำชับให้ดำเนินการโดยรวดเร็ว ซึ่งตนสั่งการคณะทำงานย่อยดำเนินการตรวจสอบประเด็นร้องขอความเป็นธรรมให้เสร็จภายในวันที่ 6 ต.ค.เพื่อจะนำข้อสรุปของคณะทำงานย่อยมาพิจารณาในการประชุมคณะทำงานอีกครั้งวันที่ 7 ต.ค.นี้ เวลา 14.00 น.สำหรับประเด็นที่พรรค พปช.ร้องขอความเป็นธรรมนั้นมีทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ซึ่งรายละเอียดเป็นอย่างไรต้องรอคณะทำงานย่อยสรุปมาอีกครั้ง
ทั้งนี้ หากพบว่าประเด็นร้องขอความเป็นธรรมซ้ำซ้อนกับสิ่งที่ กกต.ได้ดำเนินการสอบสวนมาแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องดำเนินการสอบสวนตามหนังสือร้องขอความเป็นอีก อย่างไรก็ดี ในการประชุมคณะทำงานครั้งที่ 3 ในวันที่ 7 ต.ค.นี้ เชื่อว่า น่าจะมีความชัดเจนว่าอัยการจะดำเนินการอย่างไร จะเสนอความเห็นให้ นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด หรือสมควรจะต้องตั้งคณะทำงานร่วมกับ กกต.โดยการพิจารณาสำนวนคดียุบพรรค พปช.จะครบกำหนดเวลา 30 วันตามกฎหมายในวันที่ 12 ต.ค.นี้