ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง “อดิศร เพียงเกษ” หมิ่น “ล้วน ปานรศทิพ” คดีบ้าน 3 หลัง ชี้เป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริต
วันนี้ (1 ต.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 611 ศาลอาญา ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีที่ พล.ต.ท.ล้วน ปานรศทิพ อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. โดย พ.ต.ท.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล เป็นโจทก์ฟ้อง นายอดิศร เพียงเกษ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติตามหน้าที่
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.42 จำเลยเป็น ส.ส.ขอนแก่น พรรคความหวังใหม่ ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รมว.มหาดไทยในขณะนั้น กรณีคดีบ้าน 3 หลัง โดยกล่าวพาดพิงโจทก์ซึ่งมีตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางในขณะนั้น ทำนองว่าโจทก์อยู่ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ไปช่วยเหลือแก้ต่างคดีให้กับผู้ต้องหา สมควรให้ปลดออกจากตำแหน่ง ทำให้ประชาชนที่ได้รับฟังเข้าใจว่าโจทก์เป็นคนไม่ดี ให้ความช่วยเหลือผู้ต้องหา ทำให้โจทก์ได้รับความดูหมิ่นเกลียดชัง ขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136, 328 และ 90 คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.47 โจทก์ยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า การอภิปราบไม่ไว้วางใจของจำเลยเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือไม่ เห็นว่าการกระทำของจำเลยในฐานะฝ่ายค้านมีหน้าที่ตรวจสอบการทำบริหารของฝ่ายรัฐบาล และเมื่อพิจารณาเนื้อหาที่จำเลยอภิปรายทั้งหมดแล้ว เป็นเพียงการชี้ให้เห็นว่าการบริหารงานขณะนั้นมีการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งเป็นวิสัยของ ส.ส.ฝ่ายค้านจะกระทำในสภา โดยไม่ปรากฏถ้อยคำใดที่ทำให้เข้าใจได้ว่า โจทก์ปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นกลาง เอนเอียง หรือใช้ดุลพินิจไม่ชอบตามฟ้อง ส่วนการที่จำเลยขอให้ปลดโจทก์ออกจากตำแหน่งนั้น เห็นได้ว่าจำเลยมีเหตุผลว่าโจทก์มีพฤติการณ์เป็นทนายแก้ต่าง เนื่องจากขณะนั้นโจทก์มีการแถลงข่าวเปิดเผยต่อสื่อมวลชนมาโดยตลอดว่ามีความสนิทสนมกับ พล.ต.สนั่นในฐานะผู้บังคับบัญชา การแสดงความเห็นของจำเลยเป็นไปโดยสุจริตใจ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้อง