ศส.บช.น.รวบสาวใหญ่นักฉกเพชรในร้านของ “รัตนา สัจจเทพ” ได้แล้ว ค้นประวัติวนเวียนเข้าออกคุกเป็นว่าเล่น เจ้าตัวสารภาพทำเพราะผัวทิ้งมีภาระเลี้ยงดูลูก ขณะตำรวจนำตัวแถลงข่าวถึงกับลมจับเพราะผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพิ่มอีกกระทง
วันนี้ (18 ก.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.อ.พันธุ์เทพ ธรรมจารี ผกก.ศส.บช.น. และ พ.ต.ท.สุคนธ์ ศรีอรุณ รอง ผกก.ศส.บช.น. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัว นางพิราภรณ์ หรือ “เล็ก” ชื่นบาน อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 297/3 แขวงและเขตบางซื่อ กทม.ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ ตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรีเลขที่ 1415/2551 ลงวันที่ 22 ส.ค.51 พร้อมของกลางตั๋วจำนำโรงรับจำนำประชานุเคราะห์ (สะพานควาย)จำนวน 2 ใบ โดยจับกุมตัวได้ที่ บ้านพักชั่วคราวปากเกร็ด กรมประชาสงเคราะห์ (ศูนย์คนจนเมือง) เลขที่ 78/13 ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
พ.ต.ท.สุคนธ์ กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายเพศหญิงเข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์ภายในร้านณษมาเพชรพลอย ตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้าแฟชั่นไอซ์แลนด์ ย่านรามอินทรา พื้นที่ สน.บางชัน ได้ทรัพย์สินเป็นแหวนเพชร 1 กะรัต ราคา 300,000 บาท จำนวน 1 วง ก่อนหลบหนีไป ซึ่งร้านเพชรดังกล่าวมีนางรัชประภา สัจจนวกุล หรือ “รัตนา สัจจเทพ” ตำนานบ้านสีดำเป็นเจ้าของร้าน จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพคนร้ายเอาไว้ได้อย่างชัดเจน ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า แหวนวงดังกล่าวถูกนางพิราภรณ์ นำไปจำนำไว้ที่โรงรับจำนำประชานุเคราะห์ (สะพานควาย) จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ
พ.ต.ท.สุคนธ์ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบเอกสารบัตรประชาชนของผู้ที่นำแหวนไปจำนำ พบว่า ใบหน้าของนางพิราภรณ์ ตรงกับภาพที่กล้องวงจรปิดภายในร้านบันทึกเอาไว้ได้ นอกจากนี้เมื่อเช็คประวัติจากกองทะเบียนแล้วทราบว่า นางพิราภรณ์ เคยถูกศาลตัดสินจำคุกในข้อหาลักทรัพย์แหวนเพชรตามร้านจิวเวลรี่ ในท้องที่ สน.ปทุมวัน และ สน.บางนา มาแล้วเป็นเวลา 1 ปี 7 เดือนและพ้นโทษออกมาเมื่อประมาณ พ.ศ.2547 ทางฝ่ายสืบสวนจึงรีบติดตามไปจับกุมตัวนางพิราภรณ์ที่บ้านเกิดใน จ.เลย และตามบ้านญาติสนิทอีกหลายคนแต่ก็คลาดกันมาตลอด จนกระทั่งเจ้าตัวย่ามใจคิดว่าเรื่องเงียบแล้วจึงย้อนกลับมาขอพักที่บ้านพักชั่วคราวปากเกร็ด ทำให้ตำรวจติดตามไปจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้ในที่สุด
จากการสอบสวนนางพิราภรณ์ ให้การรับสารภาพว่า หลังออกจากคุกมาก็ไปก่อเหตุลักทรัพย์ตามร้านเพชรมาแล้ว 5 ครั้ง โดยครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 ม.ค.51 ไปก่อเหตุที่บูทขายแหวนเพชรงานส่งเสริมสินค้าส่งออก ถนนรัชดาฯ ได้แหวนเพชรไป 1 วง ขายได้ 28,000 บาท ครั้งที่ 2 ประมาณเดือน เม.ย.51 ไปก่อเหตุที่บูทขายแหวนเพชรห้างดิโอลด์สยาม ได้แหวนเพชรไป 1 วง ขายได้ 80,000 บาท ครั้งที่ 3 ประมาณเดือน พ.ค.51 ไปก่อเหตุที่บูทขายแหวนเพชรห้างดิโอลด์สยาม ได้แหวนเพชรไป 1 วง ขายได้ 20,000 บาท ครั้งที่ 4 ประมาณเดือน ก.ค.51 ไปก่อเหตุที่บูทขายแหวนเพชรห้างเดอะมอลล์บางกะปิ ได้แหวนเพชรไป 2 วง จำนำได้ราคา 30,000 บาท และครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา ไปก่อเหตุที่ร้านณษมาเพชรพลอย ได้แหวนไป 1 วง ขายได้ 63,000 บาท
“สำหรับวิธีการที่ตนใช้ก่อเหตุนั้นจะเข้าไปสำรวจลาดเลาตามร้านขายเพชรก่อน จากนั้นจะแต่งตัวให้ดูภูมิฐาน ก่อนเข้าไปติดต่อกับเจ้าของร้านโดยอ้างว่าจะมาหาเลือกแหวนไปแต่งงาน เมื่อตนขอหยิบขึ้นมาดูจำนวนหลายๆ วงจนเจ้าของร้านเริ่มสับสน แล้วก็จะใช้นิ้วเกี่ยวแหวนหย่อนลงไปในกระเป๋าสะพายที่เตรียมไปด้วย แล้วรีบหลบหนีออกมาส่วนสาเหตุที่ตนต้องทำนั้นเพราะได้หย่าร้างกับสามีไปแล้ว แต่มีภาระต้องเลี้ยงดูลูกชายวัย 13 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ชั้น ป.6 จำนวน 1 คน” นางพิราภรณ์ กล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะได้ส่งตัวนางพิราภรณ์ ให้ พ.ต.ท.วิทยา เรืององอาจ พนักงานสอบสวน (สบ.3) สน.บางชัน ซึ่งเป็นเจ้าของคดีก่อนรวบรวมหลักฐานในการติดต่อไปยังโรงรับจำนำ อีกหลายแห่ง เพื่อติดตามของกลางของผู้เสียหายรายอื่นๆ กลับมาต่อไป
ทั้งนี้ยังมีรายงานด้วยว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังแถลงข่าวอยู่นั้นได้มีผู้เสียหายอีกรายหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของร้านเพชรบุษบง ภายในตลาดบองมาเช่ ย่านประชาชื่น นำหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดมาขออายัดตัวดำเนินคดีเพิ่มด้วย เนื่องจากเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เคยถูกนางพิราภรณ์ลักทรัพย์แหวนเพชรไปจำนวน 1 วง ทำให้นางพิราภรณ์ถึงกับเครียดร้องไห้ไม่หยุดถึงขั้นลมใส่ จนตำรวจและผู้เสียหายต้องช่วยกันปฐมพยาบาลอย่างโกลาหล
วันนี้ (18 ก.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.อ.พันธุ์เทพ ธรรมจารี ผกก.ศส.บช.น. และ พ.ต.ท.สุคนธ์ ศรีอรุณ รอง ผกก.ศส.บช.น. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัว นางพิราภรณ์ หรือ “เล็ก” ชื่นบาน อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 297/3 แขวงและเขตบางซื่อ กทม.ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ ตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรีเลขที่ 1415/2551 ลงวันที่ 22 ส.ค.51 พร้อมของกลางตั๋วจำนำโรงรับจำนำประชานุเคราะห์ (สะพานควาย)จำนวน 2 ใบ โดยจับกุมตัวได้ที่ บ้านพักชั่วคราวปากเกร็ด กรมประชาสงเคราะห์ (ศูนย์คนจนเมือง) เลขที่ 78/13 ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
พ.ต.ท.สุคนธ์ กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายเพศหญิงเข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์ภายในร้านณษมาเพชรพลอย ตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้าแฟชั่นไอซ์แลนด์ ย่านรามอินทรา พื้นที่ สน.บางชัน ได้ทรัพย์สินเป็นแหวนเพชร 1 กะรัต ราคา 300,000 บาท จำนวน 1 วง ก่อนหลบหนีไป ซึ่งร้านเพชรดังกล่าวมีนางรัชประภา สัจจนวกุล หรือ “รัตนา สัจจเทพ” ตำนานบ้านสีดำเป็นเจ้าของร้าน จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพคนร้ายเอาไว้ได้อย่างชัดเจน ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า แหวนวงดังกล่าวถูกนางพิราภรณ์ นำไปจำนำไว้ที่โรงรับจำนำประชานุเคราะห์ (สะพานควาย) จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ
พ.ต.ท.สุคนธ์ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบเอกสารบัตรประชาชนของผู้ที่นำแหวนไปจำนำ พบว่า ใบหน้าของนางพิราภรณ์ ตรงกับภาพที่กล้องวงจรปิดภายในร้านบันทึกเอาไว้ได้ นอกจากนี้เมื่อเช็คประวัติจากกองทะเบียนแล้วทราบว่า นางพิราภรณ์ เคยถูกศาลตัดสินจำคุกในข้อหาลักทรัพย์แหวนเพชรตามร้านจิวเวลรี่ ในท้องที่ สน.ปทุมวัน และ สน.บางนา มาแล้วเป็นเวลา 1 ปี 7 เดือนและพ้นโทษออกมาเมื่อประมาณ พ.ศ.2547 ทางฝ่ายสืบสวนจึงรีบติดตามไปจับกุมตัวนางพิราภรณ์ที่บ้านเกิดใน จ.เลย และตามบ้านญาติสนิทอีกหลายคนแต่ก็คลาดกันมาตลอด จนกระทั่งเจ้าตัวย่ามใจคิดว่าเรื่องเงียบแล้วจึงย้อนกลับมาขอพักที่บ้านพักชั่วคราวปากเกร็ด ทำให้ตำรวจติดตามไปจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้ในที่สุด
จากการสอบสวนนางพิราภรณ์ ให้การรับสารภาพว่า หลังออกจากคุกมาก็ไปก่อเหตุลักทรัพย์ตามร้านเพชรมาแล้ว 5 ครั้ง โดยครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 ม.ค.51 ไปก่อเหตุที่บูทขายแหวนเพชรงานส่งเสริมสินค้าส่งออก ถนนรัชดาฯ ได้แหวนเพชรไป 1 วง ขายได้ 28,000 บาท ครั้งที่ 2 ประมาณเดือน เม.ย.51 ไปก่อเหตุที่บูทขายแหวนเพชรห้างดิโอลด์สยาม ได้แหวนเพชรไป 1 วง ขายได้ 80,000 บาท ครั้งที่ 3 ประมาณเดือน พ.ค.51 ไปก่อเหตุที่บูทขายแหวนเพชรห้างดิโอลด์สยาม ได้แหวนเพชรไป 1 วง ขายได้ 20,000 บาท ครั้งที่ 4 ประมาณเดือน ก.ค.51 ไปก่อเหตุที่บูทขายแหวนเพชรห้างเดอะมอลล์บางกะปิ ได้แหวนเพชรไป 2 วง จำนำได้ราคา 30,000 บาท และครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา ไปก่อเหตุที่ร้านณษมาเพชรพลอย ได้แหวนไป 1 วง ขายได้ 63,000 บาท
“สำหรับวิธีการที่ตนใช้ก่อเหตุนั้นจะเข้าไปสำรวจลาดเลาตามร้านขายเพชรก่อน จากนั้นจะแต่งตัวให้ดูภูมิฐาน ก่อนเข้าไปติดต่อกับเจ้าของร้านโดยอ้างว่าจะมาหาเลือกแหวนไปแต่งงาน เมื่อตนขอหยิบขึ้นมาดูจำนวนหลายๆ วงจนเจ้าของร้านเริ่มสับสน แล้วก็จะใช้นิ้วเกี่ยวแหวนหย่อนลงไปในกระเป๋าสะพายที่เตรียมไปด้วย แล้วรีบหลบหนีออกมาส่วนสาเหตุที่ตนต้องทำนั้นเพราะได้หย่าร้างกับสามีไปแล้ว แต่มีภาระต้องเลี้ยงดูลูกชายวัย 13 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ชั้น ป.6 จำนวน 1 คน” นางพิราภรณ์ กล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะได้ส่งตัวนางพิราภรณ์ ให้ พ.ต.ท.วิทยา เรืององอาจ พนักงานสอบสวน (สบ.3) สน.บางชัน ซึ่งเป็นเจ้าของคดีก่อนรวบรวมหลักฐานในการติดต่อไปยังโรงรับจำนำ อีกหลายแห่ง เพื่อติดตามของกลางของผู้เสียหายรายอื่นๆ กลับมาต่อไป
ทั้งนี้ยังมีรายงานด้วยว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังแถลงข่าวอยู่นั้นได้มีผู้เสียหายอีกรายหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของร้านเพชรบุษบง ภายในตลาดบองมาเช่ ย่านประชาชื่น นำหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดมาขออายัดตัวดำเนินคดีเพิ่มด้วย เนื่องจากเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เคยถูกนางพิราภรณ์ลักทรัพย์แหวนเพชรไปจำนวน 1 วง ทำให้นางพิราภรณ์ถึงกับเครียดร้องไห้ไม่หยุดถึงขั้นลมใส่ จนตำรวจและผู้เสียหายต้องช่วยกันปฐมพยาบาลอย่างโกลาหล
