สมุน มท.1 ไม่หยุดเดินหน้าร้องศาลต่อ ระบุพันธมิตรฯ ไม่ปฏิบัติตาม ชี้อาจซ่องสุมกำลังทำลายทรัพย์สินราชการเสียหาย ปากเสียกล่าวหา “พัลลภ” ร่วมพันธมิตร กรุงเทพฯ อาจเป็นกรือเซะ 2 ด้าน ตร.จัดโชว์อุปกรณ์สลายม็อบ อ้างปืนไม่มีลูกกระสุน ยิงไปไม่ถึงตาย แนะประชาชนหลีกเหลี่ยงเส้นทางที่มีการชุมนุมโดยรอบ
วันนี้ (31 ส.ค.) เมื่อเวลา 15.30 น. ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่มีการประชุมประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯประจำวัน ได้มีนายศุภชัย ใจสมุทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะตัวแทนสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า หลังจากที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ยื่นฟ้องแกนนำทั้ง 6 และต่อมาศาลมีคำสั่งให้ทุเลา ซึ่งในวันพรุ่งนี้ก็จะมีการหารือว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไรเนื่องจากจะต้องทำทุกอย่างให้เป็นไปตามขั้นตอนตามกฏหมาย
โดยในวันพรุ่งนี้ ทนายของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจะไปเป็นโจทก์ยื่นฟ้องถึงเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีเข้าไปติดหมายของศาลแพ่งไม่ได้เป็นการกระทำที่เกินเลยไปและไม่ได้เป็นการเข้าไปสลายการชุมนุม และจะยื่นคำร้องต่อศาลว่าหลังจากที่มีการคุ้มครองชั่วคราวยังไม่เกิดผลอะไร กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงปักหลักต่อไปและคณะรัฐมนตรียังไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ทำให้เกิดผลเสียหายแก่ราชการแผ่นดิน
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ส่วนที่พันธมิตรอ้างว่าชุมนุมเฉพาะในสนามหญ้าในทำเนียบรัฐบาลนั้นไม่เป็นความจริง มีการงัดแงะเข้าไปในตึกไทยคู่ฟ้า และอาคารต่างๆภายในทำเนียบรัฐบาลซึ่งอาจจะมีการทำลายเอกสารของทางราชการซึ่งทนายโจทก์จะเข้าไปยื่นคำร้องอีกครั้งและรายงานให้ศาลทราบพร้อมหารือหลังศาลมีคำสั่งทุเลาให้กลุ่มพันธมิตรชุมนุมต่อว่าจะทำอย่างไรต่อไปเพื่อที่จะบรรเทาความเสียหายต่อราชการแผ่นดิน โดยพื้นที่ในทำเนียบรัฐบาลขณะที่ผู้ชุมนุมก็ไม่มีใครคุมได้ อาจจะมีไปทำร้ายทรัพย์สินของทางราชการ อีกทั้งเกรงว่าจะมีการสะสมอาวุธ ที่สำคัญยังมีกระแสข่าวว่า พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จะเข้ามาดูแลในเรื่องของการชุมนุมและอาจจะขึ้นเวทีปราศรัยและเกรงว่ากรุงเทพฯอาจจะเป็นกรือเซะ เพราะท่านพัลลภเข้ามาบัญชาการเอง
“นอกจากนี้ยังขอฝากถึงประชาชนที่อยู่ต่างจังหวัดที่จะเข้ามาร่วมชุมนุมที่ กทม.ว่าถ้าเข้ามาถือว่ามีความผิดฐานบุกรุกสถานที่ราชการ” นายศุภชัย กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น.กล่าวถึงเรื่องการจราจร ว่า ในวันที่ 1 จะเป็นวันที่ราชการและโรงเรียนเปิดทำการอาจจะมีปัญหาในเรื่องของจราจรซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจะระดมกำลังมาอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน โดยจะขอประชาสัมพันธ์ให้ทราบจะมีการปิดจราจรบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล ถนนพิษณุโลก แยกสวนมิสกวัน แยกนางเลิ้ง ถนนราชดำเนินนอก แยกมัฆวานและแยกลานพระรูปทรงม้า ขอให้ประชาชนหลีกเหลี่ยงเส้นทางดังกล่าว และเผื่อเวลาในการเดินทาง ส่วนการจราจรบนแยกผ่านฟ้าตำรวจจะผ่อนผันให้วิ่งทางบัสเลนได้โดยสามารถวิ่งได้ตั้งแต่ตี 5 ถึงเที่ยงคืน อย่างไรก็ตาม อาจจะมีการแจกเอกสารประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว พ.ต.ท.ภาสกร สถิตยุทธการ รอง ผกก.1 บก.ตปพ.ได้นำอุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมฝูงชนมาสาธิตให้ผู้สื่อข่าวดู เพื่อที่ให้ทราบและเข้าใจขั้นตอนการทำงานในการควบคุมฝูงชนและอยากให้ทราบว่าเครื่องมือมีการใช้อย่างไร เนื่องจากอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมฝูงชนและจะใช้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุมัติจาก ผบ.เหตุการณ์ ซึ่งอุปกรณ์ประกอบด้วยโล่ กระบอง ปืน กระสุนยาง และปืนที่ใช้ไม่ได้มีการบรรจุกระสุนแต่อย่างใด
นอกจากนี้ การใช้อุปกรณ์ดังกล่าวก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ซึ่งสถานที่ 1 ก็จะใช้โล่กับกระบอง สถานการณ์ที่ 2 ใช้รถน้ำฉีดเพื่อควบคุมฝูงชน และถ้าหากไม่สามารถควบคุมได้ก็จะใช้แก๊สน้ำตารวมไปถึงกระสุนยาง โดยอุปกรณ์ที่ใช้ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตเพียงแค่ใช้เพื่อหยุดกลุ่มฝูงชนเท่านั้น ที่สำคัญผู้ที่ใช้อุปกรณ์ดังกล่าวจะได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีทั้งทางร่างกายและจิตใจ เนื่องจากจะต้องมีความอดทนอดกลั้นมีการควบคุมอารมณ์เพราะจะต้องควบคุมฝูงชนจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า จนถึงขณะนี้ยังคงมีประชาชนเดินทางมาให้กำลังใจตำรวจที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลอยู่ตลอดเวลา โดยล่าสุดประชาชนจากจังหวัดอยุธยาประมาณ 20 คนได้นำผลไม้ เช่น กล้วย ส้ม เงาะ ลูกแก้วมังกร ใส่รถบรรทุก 8 ล้อนำมามอบเป็นขวัญกำลังใจตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่
วันนี้ (31 ส.ค.) เมื่อเวลา 15.30 น. ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่มีการประชุมประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯประจำวัน ได้มีนายศุภชัย ใจสมุทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะตัวแทนสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า หลังจากที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ยื่นฟ้องแกนนำทั้ง 6 และต่อมาศาลมีคำสั่งให้ทุเลา ซึ่งในวันพรุ่งนี้ก็จะมีการหารือว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไรเนื่องจากจะต้องทำทุกอย่างให้เป็นไปตามขั้นตอนตามกฏหมาย
โดยในวันพรุ่งนี้ ทนายของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจะไปเป็นโจทก์ยื่นฟ้องถึงเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีเข้าไปติดหมายของศาลแพ่งไม่ได้เป็นการกระทำที่เกินเลยไปและไม่ได้เป็นการเข้าไปสลายการชุมนุม และจะยื่นคำร้องต่อศาลว่าหลังจากที่มีการคุ้มครองชั่วคราวยังไม่เกิดผลอะไร กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงปักหลักต่อไปและคณะรัฐมนตรียังไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ทำให้เกิดผลเสียหายแก่ราชการแผ่นดิน
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ส่วนที่พันธมิตรอ้างว่าชุมนุมเฉพาะในสนามหญ้าในทำเนียบรัฐบาลนั้นไม่เป็นความจริง มีการงัดแงะเข้าไปในตึกไทยคู่ฟ้า และอาคารต่างๆภายในทำเนียบรัฐบาลซึ่งอาจจะมีการทำลายเอกสารของทางราชการซึ่งทนายโจทก์จะเข้าไปยื่นคำร้องอีกครั้งและรายงานให้ศาลทราบพร้อมหารือหลังศาลมีคำสั่งทุเลาให้กลุ่มพันธมิตรชุมนุมต่อว่าจะทำอย่างไรต่อไปเพื่อที่จะบรรเทาความเสียหายต่อราชการแผ่นดิน โดยพื้นที่ในทำเนียบรัฐบาลขณะที่ผู้ชุมนุมก็ไม่มีใครคุมได้ อาจจะมีไปทำร้ายทรัพย์สินของทางราชการ อีกทั้งเกรงว่าจะมีการสะสมอาวุธ ที่สำคัญยังมีกระแสข่าวว่า พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จะเข้ามาดูแลในเรื่องของการชุมนุมและอาจจะขึ้นเวทีปราศรัยและเกรงว่ากรุงเทพฯอาจจะเป็นกรือเซะ เพราะท่านพัลลภเข้ามาบัญชาการเอง
“นอกจากนี้ยังขอฝากถึงประชาชนที่อยู่ต่างจังหวัดที่จะเข้ามาร่วมชุมนุมที่ กทม.ว่าถ้าเข้ามาถือว่ามีความผิดฐานบุกรุกสถานที่ราชการ” นายศุภชัย กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น.กล่าวถึงเรื่องการจราจร ว่า ในวันที่ 1 จะเป็นวันที่ราชการและโรงเรียนเปิดทำการอาจจะมีปัญหาในเรื่องของจราจรซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจะระดมกำลังมาอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน โดยจะขอประชาสัมพันธ์ให้ทราบจะมีการปิดจราจรบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล ถนนพิษณุโลก แยกสวนมิสกวัน แยกนางเลิ้ง ถนนราชดำเนินนอก แยกมัฆวานและแยกลานพระรูปทรงม้า ขอให้ประชาชนหลีกเหลี่ยงเส้นทางดังกล่าว และเผื่อเวลาในการเดินทาง ส่วนการจราจรบนแยกผ่านฟ้าตำรวจจะผ่อนผันให้วิ่งทางบัสเลนได้โดยสามารถวิ่งได้ตั้งแต่ตี 5 ถึงเที่ยงคืน อย่างไรก็ตาม อาจจะมีการแจกเอกสารประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว พ.ต.ท.ภาสกร สถิตยุทธการ รอง ผกก.1 บก.ตปพ.ได้นำอุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมฝูงชนมาสาธิตให้ผู้สื่อข่าวดู เพื่อที่ให้ทราบและเข้าใจขั้นตอนการทำงานในการควบคุมฝูงชนและอยากให้ทราบว่าเครื่องมือมีการใช้อย่างไร เนื่องจากอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมฝูงชนและจะใช้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุมัติจาก ผบ.เหตุการณ์ ซึ่งอุปกรณ์ประกอบด้วยโล่ กระบอง ปืน กระสุนยาง และปืนที่ใช้ไม่ได้มีการบรรจุกระสุนแต่อย่างใด
นอกจากนี้ การใช้อุปกรณ์ดังกล่าวก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ซึ่งสถานที่ 1 ก็จะใช้โล่กับกระบอง สถานการณ์ที่ 2 ใช้รถน้ำฉีดเพื่อควบคุมฝูงชน และถ้าหากไม่สามารถควบคุมได้ก็จะใช้แก๊สน้ำตารวมไปถึงกระสุนยาง โดยอุปกรณ์ที่ใช้ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตเพียงแค่ใช้เพื่อหยุดกลุ่มฝูงชนเท่านั้น ที่สำคัญผู้ที่ใช้อุปกรณ์ดังกล่าวจะได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีทั้งทางร่างกายและจิตใจ เนื่องจากจะต้องมีความอดทนอดกลั้นมีการควบคุมอารมณ์เพราะจะต้องควบคุมฝูงชนจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า จนถึงขณะนี้ยังคงมีประชาชนเดินทางมาให้กำลังใจตำรวจที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลอยู่ตลอดเวลา โดยล่าสุดประชาชนจากจังหวัดอยุธยาประมาณ 20 คนได้นำผลไม้ เช่น กล้วย ส้ม เงาะ ลูกแก้วมังกร ใส่รถบรรทุก 8 ล้อนำมามอบเป็นขวัญกำลังใจตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่
