สถานีเอ็นบีทีพยายามสุดฤทธิ์เร่ร่อนออกอากาศนำเสนอข่าวปลุกระดม กล่าวหาพันธมิตรฯ ขณะที่นครบาลถูกปิดล้อม พนักงานเอ็นบีทีต้องวิ่งหนีกระเจิง ส่วน “โกวิท” ยังถกเครียด เร่งรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดฐานล้มล้างรัฐบาล หรือก่อการกบฏ
วันนี้(26 ส.ค.)ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่สถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที ถูกยึดที่ทำการบริเวณสถานีถนนวิภาวดี-รังสิต และได้มีการลักลอบส่งสัญญาณออกอากาศที่บริเวณกองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมกับพยายาม สัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจ ในลักษณะชี้นำ กล่าวหาการกระทำของกลุ่มพันธมิตร อีกทั้งพยายามถามตำรวจ เกี่ยวกับเรื่องการดำเนินคดี กลุ่มบุคคลที่เข้าไปภายใน สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที
ล่าสุด เวลา 10.05 น.ได้มีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประมาณ 500 คน เดินทางไปปิดล้อมกองบัญชาการตำรวจนครบาล หลังจากทราบข่าวว่า ได้มีการส่งสัญญาณออกอากาศภายในกองบัญชาการตำรวจนครบาล ทำให้เจ้าหน้าที่ เอ็นบีที รีบเก็บอุปกรณ์การถ่ายทอดและออกไปจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลโดยด่วน เนื่องจากเกรงไม่ได้รับความปลอดภัย ส่วนสัญญาณการออกอากาศมีรายงานว่า ได้มีการยิงสัญยาณไปยังสถานีที่ ถนนเพชรบุรี
สำหรับการรักษาความปลอดภัยที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 2 กองร้อย คอยควบคุมสถานการณ์ ขณะที่การชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบ
ขณะเดียวกัน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ และน.ส.ตวงพร อัศววิไล ได้ออกอากาศแจ้งผ่านไปยังหน่วยงานต่างๆของกรมประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะสถานีวิทยุในเครือข่ายว่า นายเผชิญ ขำโพธิ์ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกส่วนเตรียมพร้อมไว้คตลอดเวลา และให้ออกอากาศถ่ายทอดเสียงจากจุดที่นายจิรายุ และน.ส.ตวงพร กำลังดำเนินรายการอยู่เท่านั้น
โดย น.ส.ตวงพร ได้แจ้งข่าวว่า ทางกลุ่มพันธมิตร เตรียมเชื่อมสัญญาณจากสถานีโทรทัศน์ เอเอสทีวี มาออกอากาศทางสถานี เอ็นบีที โดยอ้างการให้สัมภาษณ์ของนายสุริยะใส กะตะศิลา ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรฯว่าเหตุผลการยึดสถานี เอ็นบีที เนื่องจากเป็นสถานีที่รับใช้รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และนำเสนอข่าวไม่เป็นกลาง
นอกจากนั้น ยังปลุกระดมว่า กลุ่มพันธมิตรได้เดินทางไปปิดล้อมบริเวณหน้าบ้านของนายกิตติ สิงหาปัต ผู้ดำเนินรายการสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 โดยที่ น.ส.ตวงพร ได้พยายามเสนอข่าว โจมตีพันธมิตรอยู่ตลอดเวลา โดยแจ้งว่า หากกลุ่มพันธมิตร พบเห็นว่ามีใครติดบัตรประจำตัว เจ้าหน้าที่เอ็นบีที ก็จะทำการจับตัวไว้เป็นตัวประกัน โดยเฉพาะผู้หญิง ทั้งๆที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ซึ่งถือเป็นการนำเสนอข่าว คลาดเคลื่อน เพื่อต้องการให้ประชาชน เข้าใจผิด และลงโทษการกระทำของพันธมิตร
ส่วนการประชุมของ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร.พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.และ พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก สตช.และนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุม ท่ามกลางข่าวลือว่า มีการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเตรียมดำเนินคดีกับแกนนำผู้ชุมนุมนั้น ล่าสุด เมื่อเวลา 10.20 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุม ก็ยังไม่เสร็จสิ้น
พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้าไปยังสถานีโทรทัศ เอ็นบีทีเมื่อช่วงเวลา 05.00 น. ว่า ทาง พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.วัจนนท์ ถิรวัฒน์ รอง ผบช.น.เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน นำตัวผู้ที่กระทำผิดทั้งหมดจำนวน 80 คน ประกอบไปด้วย ผู้ชายจำนวน 78 คน ผู้หญิง จำนวน 2 คน ไปควบคุมตัวอยู่ที่ตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยแจ้งข้อหา จำนวน 4 ข้อหา ได้แก่ มีอาวุธไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มียาเสพติดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และทำให้เสียทรัพย์ โทษจำคุก ไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365 ขณะนี้ข้อกล่าวหาชัดเจน และต้องรอพยานหลักฐานจากส่วนต่าง ๆ เข้าประกอบ ต่อความผิดที่ได้กระทำในวันนี้ ที่เข้าข่ายการล้มล้างรัฐบาล หรือก่อการกบฎ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไม่ได้ดำเนินคดีกับทุกคนที่เข้าไปในรั้วเอ็นบีที แต่เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับกลุ่มคนที่เข้าไปในอาคารสถานที่ทำลายสิงกีดกั้น สั่งการให้เจ้าหน้าที่เอ็นบีทีหยุดออกอากาศ คุกคามการทำงานสื่อมวลชน และพยายามยึดสถานีเพื่อจะทำการสื่อสารถึงประชาชนเพื่อประกาศสิ่งหนึ่งสิ่งใด เหมือนกับที่เคยมีการปฏิวัติในอดีต
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวต่อว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทราบว่าการสั่งการมีการเชื่อมโยงกันกลุ่มบุคคลภายในจะแทรกแซงเข้าไปยาก นอกจากนี้การสั่งการของกลุ่มแกนนำที่สั่งให้มีการปิดสถานที่ราชการเข้าข่ายล้มล้างรัฐบาล ถือว่าเข้าองค์ประกอบล้มล้างรัฐบาล โดยเจ้าหน้าที่ได้รับคำสั่งจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนายกรัฐมนตรี จะไม่ใช้กำลังสกัดกั้น จะไม่ใช้กำลังจนนำไปสู้ความรุนแรง
“สำหรับกำลังพล เจ้าหน้าที่มีความพร้อมในการสกัดกั้นหากมีการเข้าข่ายบุกรุกทำลายสถานที่ราชการ พร้อมที่จะเคลื่อนที่ทันทีหากมีการได้รับคำสั่ง ตนเชื่อว่าแกนนำให้สัญญาว่าจะไม่ใช้ความรุนแรง จะไม่บุกรุกเข้าไปในสถานที่ราชการ และไม่ทำให้ทรัพย์สินทางราชการเสียหาย แกนนำยังยืนยันอยู่ ณ เวลานี้ ผมเชื่อในความเป็นผู้ใหญ่ และความมีชื่อเสียงของกลุ่มแกนนำ เชื่อในแนวทางในกิจกรรมทางการเมือง” พล.ต.ต.สุรพล กล่าว
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ไม่ประมาทหากมีการดำเนินการผิดกฎหมายก็จะทำการจับกุมโดยทันที ขณะนี้ใช้ภาพนิ่ง และภาพโทรทัศน์วงจรปิดของกลุ่มพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง หากมีการทำผิดกฎหมายก็จะนำภาพดังกล่าวมาใช้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินคดี จากติดตามด้านการข่าวพบว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มที่บุกเข้าไปในเอ็นบีที มีการรวมตัวกันที่ไหนอย่าไร ในกานสืบสวนชัดเจนว่าทางกลุ่มที่เข้าไปเป็นกลุ่มเดียวกับพันธิมิตร เจ้าหน้าที่ไม่ได้ปักปลำ ขณะนี้จะทำการดำเนินคดีเฉพาะผู้บุกรุก เข้าไปทำลายทรัพย์สินของราชการ และเข้าไปคุกคามการทำงานของสื่อมวลชน
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวอีกว่า เป็นความชัดเจนแล้วว่าสิ่งที่แกนนำบอกว่าจะไม่ทำลายทรัพย์สินของราชการ ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่สถานีเอ็นบีทีได้รับบาดเจ็บหลายคน มีการคุกคามการทำงานของสื่อมวลชน พฤติกรรมที่ผ่านมาไปเป็นตามที่ประกาศไว้ เข้าข่ายการก่อการกบฏ ล้มล้างรัฐบาล ขณะนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานโดยเหตุการณ์วันนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการรวบรวมพยานหลักฐานในการดำเนินคดี ขณะนี้กำลังของเราพร้อมที่จะบุกยึดสถานที่คืน แต่เราต้องพยายามไม่ขยายผลไปสู่ความวุ่นวายของบ้านเมือง รอฟังคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา เราต้องประคับประคองสถานการณ์ไปก่อนไม่พยายามให้เกิดการแตกหัก เพราะมิฉะนั้นอาจจะเป็นข้ออ้างในการลุกฮือทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายของประชาชน ตำรวจพยายามดูแลความปลอดภัยของพนักงานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เชื่อว่าเป็นความพยายามยั่วยุแล้วนำมาปลุกระดมเพื่อให้เกิดการลุกฮือเพื่อสร้างสถานการณ์ให้รุนแรงขึ้นตามที่เขาต้องการ
ส่วนบรรยากาศภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าค่อนข้างเงียบเหงามีตำรวจเดินทางมาทำงานค่อนข้างบางตา หลังจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ใช้ยุทธวิธีเข้ายึดสถานที่ราชการสำคัญหลายจุด ทั้งนี้ยังมีการปิดประตูทุกด้านโดยมีตำรวจสันติบาลคอยดูแลรักษาการณ์คอยตรวจตราผู้ที่เดินทางเข้าออก
ล่าสุดมีรายงานว่าหลังจากที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีและผู้นำเหล่าทัพแล้ว ได้มีการเรียกประชุมระดับ รอง ผบ.ตร. เพื่อหารือแนวทางการดำเนินการตอบโต้การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯที่สำนักงาน ผบ.ตร. ชั้น 7 โดยขณะนี้มี พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนฑ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร.และโฆษก ตร. และนายตำรวจส่วนหนึ่งมารอร่วมประชุมหารือในครั้งนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่กองปราบปรามเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า ทาง พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบก.ป.ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 10 กองกำกับการ เตรียมกำลังพร้อมอุปกรณ์สลายม็อบ เช่นโล่ ไม้กระบอง ในที่ตั้ง ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประกาศนัดชุมนุมใหญ่ทั่ว กทม.ในวันนี้ อย่างไรก็ตามต้องรอคำสั่งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้ง