รอง ผบช.น.เดินหน้าคลี่คลายคดีนักธุรกิจหุ้นออนไลน์ชาวญี่ปุ่นเสียชีวิต รู้ตัวมือฆ่าแล้ว เชื่อน่าเป็นคนญี่ปุ่นด้วยกันเองที่ขัดแย้งทางธุรกิจ ยันไม่เอี่ยวแก๊งยากูซ่า ส่วนศพชาวเอเชียที่พบถูกฆ่าหมกเขาใหญ่ ต้องรอผลดีเอ็นเอ ยัน เป็น “ทานาฮาชิ ทาคาฮิเดะ” หรือไม่
วันนี้ (18 ส.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 15.00 น.พล.ต.ต.สุชาติ เหมือนแก้ว รอง ผบช.น.ในฐานะหัวหน้าคณะทำงาน เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีการหายตัวไปของ นายทานาฮาชิ ทาคาฮิเดะ (TANAHASHI TAKAHIDE) อายุ 33 ปี ชาวญี่ปุ่น เพื่อวางแนวทางการสืบสวน โดยมี พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 พ.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบก.จร.ในฐานะหัวหน้าสำนักงาน ผบช.น.พ.ต.อ.ประภาส ปิยะมงคล ผกก.สส.น.1 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.สส.น.1 ชุดสืบสวน สน.ห้วยขวาง และชุดสืบสวน สภ.หมูสี จ.นครราชสีมา เข้าร่วมการประชุม ซึ่งใช้เวลาการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมงท่ามกลางนักข่าวจากสำนักข่าวของประเทศญี่ปุ่นมารอทำข่าวจำนวนมาก
ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก น.ส.ราตรี นิลเพชร อายุ 23 ปี เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ต.ณรงค์ ม่วงทอง พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.ห้วยขวาง ว่า นายทานาฮาชิ ทาคาฮิเดะ (TANAHASHI TAKAHIDE) อายุ 33 ปี ชาวญี่ปุ่น แฟนหนุ่มหายไปจาก ห้องพักเลขที่ 238/61 ชั้นที่ 6 อาคารศรีวราแมนชั่น 2 ซอยนาทอง ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตดินแดง ไปตั้งแต่วันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมา พ.ต.ต.ณรงค์ ได้รับการประสานจาก ร.ต.ท.ทัศนัย นคราวนากุล พนักงานสอบสวน (สบ 1) สภ.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ว่า พบศพชายชาวเอเชีย ที่บริเวณ กม.27 บนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ สภาพศพเริ่มเน่า มีใบตองคลุมศพอยู่ จึงนำศพให้สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ทำการชันสูตร แต่ยังไม่เรียบร้อย เนื่องจากต้องรอดีเอ็นเอของพ่อแม่นายทานาฮาชิ จากประเทศญี่ปุ่น เปรียบเทียบ ดีเอ็นเอจากผู้ตายว่าตรงกันหรือไม่ จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเจ้าหน้าที่พบชาย ซึ่งคาดว่าจะเป็นคนร้าย แต่งกายสวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว นุ่งกางเกงขาสั้น 5 ส่วน สีน้ำตาลอ่อน สวมหมวกแก๊ปสีขาวปิดบังใบหน้า ขึ้นลิฟต์มาที่ชั้น 6 เดินตรงมาที่ห้องของ นายทานาฮาชิ แล้วสวมถุงมือก่อนไขกุญแจเข้าไปในห้อง และกลับออกไป ซึ่งเจ้าหน้าที่พอจะทราบตัวบุคคลที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดแล้ว
พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นจากการประชุม ว่า จากแนวทางการสืบสวนทราบว่า นายทานาฮาชิ เป็นนักลงทุนผ่านเครือข่ายออนไลน์ หรือการซื้อขายหุ้นผ่านระบบออนไลน์ และมีฐานะทางการเงินค่อนข้างดี และจากวันที่ นายทานาฮาชิ หายตัวไปจากการตรวจสอบภาพที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดพบชายชาวญี่ปุ่น 2 คน เข้าไปในห้องของนายทานาฮาชิ และนำคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของผู้ตายไปด้วย เชื่อว่า ในโน้ตบุ๊กต้องมีข้อมูลสำคัญในการทำธุรกิจซื้อขายหุ้นออนไลน์อย่างแน่นอน หลังจากที่เจ้าตัวออกจากห้องและเดินเข้าลิฟต์ไปคนเดียว และไม่ได้กลับเข้ามาอีก และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย จนกระทั่งมีคนพบถุงขยะบรรจุของใช้ส่วนตัวและเสื้อผ้าของ นายทานาฮาชิ ในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในพื้นที่ สภ.วังน้อย วันที่ 6 สิงหาคม ที่ผ่านมา ส่วนศพชายนิรนามที่พบในท้องที่ สภ.หมูสี จ.นครราชสีมา นั้นได้ตรวจสอบแล้ว แต่พบว่า ศพเน่าเละยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นนายทานาฮาชิ หรือไม่ต้องให้ทางนิติเวชตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอยืนยันอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวต่อว่า ตำรวจนครบาลได้เชิญ พ.ต.อ.พงษ์เดช พรหมมิจิต รอง ผบก.นครราชสีมา พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน สภ.หมูสี ร่วมชี้แจงคดีพบศพในพื้นที่ด้วย ซึ่งจากการตรวจสอบและผลพิสูจน์ของกองพิสูจน์หลักฐานน่าจะเป็นคนเดียวกันแต่ต้องรอผลอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เบื้องต้นแนวทางการสืบสวนน่าเชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นชาวญี่ปุ่นด้วยกันอย่างน้อย 2 คนเข้าไปในห้องพร้อมถุงมือและใช้เวลา 10 นาที อยู่ในห้องจากนั้นได้แบกถุงเป้ออกมา ขณะนี้ได้ประสานตำรวจสากล และตำรวจญี่ปุ่นร่วมตรวจสอบแล้วหนึ่งในคนร้ายน่าจะเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจที่อาจประสงค์ต่อทรัพย์หรือต้องการเอาเงินของผู้ตาย โดยหลังเกิดเหตุมีการนำบัตรเอทีเอ็มของผู้ตายไปกดในประเทศญี่ปุ่นและเมืองไทยรวมประมาณ 2 แสนกว่าบาท ขณะนี้ทราบชื่อแล้ว 1 ราย อายุประมาณ 30 ปี แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ ส่วนอีกคนนั้นขณะนี้กำลังประสานกับทางประเทศญี่ปุ่นเพื่อยืนยันอีกครั้ง เบื้องต้นยืนยันได้ว่ามีผู้ต้องหามากกว่า 2 คนแน่นอน เพราะการนำศพไปทิ้งที่เขาใหญ่นั้นน่าจะมีผู้ร่วมกระทำการด้วย
“แม้ผู้ต้องหาจะเป็นคนญี่ปุ่นก็ตาม และกลับประเทศแล้ว ทางการของญี่ปุ่นสามารถดำเนินคดีได้ทันที เพราะถือว่าเป็นการกระทำความผิดหากรวบรวมหลักฐานจนออกหมายจับก็จะประสานทำการจับกุมต่อไป ยืนยันเป็นความขัดแย้งของนักธุรกิจสองกลุ่มเล็กๆ ไม่ได้เป็นการกระทำของแก๊งค์ยากูซ่าแต่อย่างใด” ผบช.น.กล่าว
