xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนรอย “แม้ว-อ้อ” หนีติดคุกตลอดชีวิต

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

เป็นข่าวดังครึกโครมไปทั่วโลก หลังภริยาอดีตนายกรัฐมนตรี “ทักษิณ ชินวัตร” แอบซุกหุ้น แม้ว่าศาลจะตัดสินจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา “เมียแม้ว” คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ในคดีเลี่ยงภาษีหุ้นชินคอร์ป เมื่อ 31 ก.ค.51 ว่ารวยเพราะโกงไปแล้ว แต่ยังมีคดีที่ “ครอบครัวจันทร์ส่องหล้า”มีคดีความในชั้นศาลจ่อคอหอย ให้ต้องลุ้นคุกอยู่อีก 3 คดี โดยเฉพาะตัวหัวหน้าครอบครัว ซึ่ง 28 ก.ค. 51 ศาลฎีกาประทับรับฟ้องคดีหวยบนดิน ที่ คตส.ยื่นฟ้อง “ทักษิณ ชินวัตร” กับพวกอดีต ครม. และ จนท.กองสลาก รวมทั้ง “หมอเลี้ยบ-ป้าอุ-อนุรักษ์” 3 รมต.จำเลยรัฐบาล “สมัคร” หุ่นเชิด พร้อมอนุญาตให้ ป.ป.ช.เป็นโจทก์แทน คตส.ที่หมดวาระ นัดพิจารณาครั้งแรก 26 ก.ย.นี้ 10.00 น.


โดยบทลงโทษคดีหวยบนดิน ที่ ครม.ชุดที่มี “ทักษิณ” เป็นแกนนำพากันโกงชาติ ต้องถูกจำคุกตามกฎหมายอาญา ป.อาญา 157 ป.อาญา ม.157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น มีโทษจำคุก 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท


คดีที่มีความเกี่ยวพันกับ “ทักษิณ-พจมาน” อีกคดี ที่จำเลยทั้ง 2 คนจะต้องขึ้นเบิกความ 2 ปากสุดท้าย 22 ส.ค.นี้ เป็นคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาฯ โดยเมื่อวันที่ 29 ก.ค. 51 อัยการนำพยานปากสำคัญ “อุดม-หม่อมอุ๋ย” เบิกความพยานโจทก์นัดสุดท้ายคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ ไปแล้ว

คดีดังกล่าวศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้ไต่สวนโจทก์ตามที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง “ทักษิณ-พจมาน” เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานทุจริตซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษก มูลค่า 772 ล้านบาท ตามประมวลกฎหมายอาญา และ พ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ.ศ.2542

ดังนั้น เมื่อกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯเป็นหน่วยงานของรัฐและนายกรัฐมนตรีมีอำนาจกำกับดูแลและในการซื้อขายที่ดินแปลงนี้ พ.ต.ท.ทักษิณได้ทำหนังสือยินยอมให้คุณหญิงพจมานเข้าทำสัญญาซื้อขายกับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ พ.ต.ท.ทักษิณจึงกระทำการฝ่าฝืน พ.ร.บ. ป.ป.ช.มาตรา 100 และมาตรา 122 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 และมาตรา 157 ส่วนคุณหญิงพจมานฝ่าฝืน พ.ร.บ. ป.ป.ช.มาตรา 100 มาตรา 122 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 มาตรา 152 และมาตรา 157

การฝ่าฝืน พ.ร.บ. ป.ป.ช.มาตรา 100 มีโทษตามมาตรา 122 ซึ่งบัญญัติว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 100 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น มีโทษจำคุก 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท

ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ มีโทษจำคุก 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

คดีที่ 3 เมื่อวันที่ 30 ก.ค.51 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สั่งรับฟ้องคดี “ทักษิณ” ปล่อยกู้พม่า 4,000 ล้าน เอื้อประโยชน์ชินคอร์ป โดยศาลนัดพิจารณาคดีครั้งแรก 16 ก.ย.51

คดีนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นจำเลยต่อศาลฯ ในความผิดฐานใช้อำนาจหน้าที่กระทำผิด กรณีเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเอง หรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น และผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 และ 157 ที่เห็นชอบให้เอ็กซิมแบงก์อนุมัติปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับรัฐบาลพม่าวงเงิน 4,000 ล้านบาท ในโครงการพัฒนาระบบโทรคมนาคมของพม่า เพื่อหวังประโยชน์ในธุรกิจดาวเทียมที่มีการสั่งซื้ออุปกรณ์ จากบริษัทชินแซทเทิลไลท์ บริษัทในเครือชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ของตระกูลชินวัตร

สำหรับคำฟ้องของ คตส. ขอให้ศาลฯ พิพากษาลงโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยให้นับโทษต่อจากคดีทุจริตซื้อ-ขายที่ดินรัชดาภิเษก

คดีนี้ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น มีโทษจำคุก 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท

ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ มีโทษจำคุก 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

คดีการแปลงสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นภาษีสรรพสามิตเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่อัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 11 ก.ค.และศาลฎีกาฯนัดฟังคำสั่งจะรับฟ้องหรือไม่ ในวันที่ 3 ก.ย.นี้ เวลา 10.00 น.

นอกจากนั้น ยังมีคดีความที่รอการพิจารณาส่งฟ้องศาลอีกหลายคดี เริ่มจากคดีที่ “ทักษิณ-พจมาน” และพวกตกเป็นผู้ต้องหา คือคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่มี บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น เข้ามาเกี่ยวข้อง ฐานกระทำผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535

คดีทุจริตจัดซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ คดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำนวน 76,000 ล้านบาท คดีแอมเพิลริช คดีท่อร้อยสายไฟ คดีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ให้เครือกฤษฎามหานคร และคดีบ้านเอื้ออาทร

ซึ่งจากคดีความทั้งหมดที่ “ทักษิณ-พจมาน” และพวก ร่วมกันกระทำความผิด หากคำตอบสุดท้าย เฉพาะ 3 คดีที่ศาลประทับรับฟ้องแล้ว คือ ที่ดินรัชดาฯ หวยบนดิน และ ปล่อยกู้พม่า ศาลตัดสินว่ากระทำความผิดจริง เมื่อนำอัตราโทษ มาบวกลบคูณหารกันแล้ว พบว่ามีโทษสถานหนักมากถึง 63 ปี แต่หากนับรวมกับคดีความที่รอส่งฟ้องอีกหลายคดี ถือว่ามีอัตราโท กว่า 100 ปีทีเดียวที่ “ทักษิณ” จะต้องชดใช้กรรมในคุก


ขณะที่วันนี้ เป็นที่แน่นอนแล้วว่า “ทักษิณ และ พจมาน” มีพฤติกรรมหลบหนีคำสั่งศาลที่จะต้องมารายงานตัว อีกทั้ง ฝ่าฝืนคำสั่งศาลที่ยังไม่อนุญาตให้เขาเดินทางไปยังประเทศอังกฤษ ส่วนเขาจะมีเหตุผลอะไร มาอ้างต่อศาล คงเป็นดุลพินิจของศาลว่าท่านจะรับฟังหรือไม่

จากบทลงโทษ ของคดีความทั้งหมดดังกล่าวมา นั่นน่าจะเป็นเหตุผลสำคัญที่จำเลย “ทักษิณ” ตัดสินใจพา “เมียและลูก” หนีคุก เพื่อขอลี้ภัยในต่างแดน และเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เขาหลุดพ้นจากการจองจำในคุกตลอดชีวิตได้...

วันที่เกี่ยวก้อยกัน ไปฟังคำพิพากษาคดีเลี่ยงภาษี
แห่ไปทั้งครอบครัว เพื่อฟังศาลสั่งให้จำคุก พจมาน
เดินออกมาจากศาล หลังคำพิพากษาจำคุก หญิงอ้อ 3 ปี คดีซุกหุ้น
เดินหน้าเครียด หลังศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา เลี่ยงภาษีหุ้นชินฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น