xs
xsm
sm
md
lg

ศาลนัดฟังคำสั่งลูกน้อง “สมชาย” ฟ้องขับไล่สั่งพันธมิตรฯ พรุ่งนี้

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ข้าราชการ ลูกจ้าง ก.ศึกษา สุดกลั้น ฟ้องขับไล่พันธมิตร รื้อเวที เปิดถนน ทนายพันธมิตรยื่นคัดค้าน ยันฟ้องลื้อเวทีขัดรัฐธรรมนูญ ส่วนให้ปิดเครื่องขยายเสียต้องไปฟ้องศาลปกครอง ศาลนัดฟังคำสั่งเปิดไต่สวนหรือไม่ 30 ก.ค.นี้ 09.00 น.

วันนี้ ( 19 ก.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นายสุรินทร์ หิรัญ , นายอนุวัฒน์ รัตนกุล , นายเปี่ยม ไชยมูล , นายวรวิทย์ สุระโครต , นายดำรงค์ มั่นการ และ นายวุฒิ เกตุสิน ซึ่งเป็นกลุ่มข้าราชการ และลูกจ้างประจำกระทรวงศึกษาธิการ ได้ร่วมกันเป็นโจทก์ที่1 - 6 ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง , นายสนธิ ลิ้มทองกุล , นายสมศักดิ์ โกศัยสุข , นายพิภพ ธงไชย , นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์และ นายสุริยะใส กตะศิลา แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-6 เรื่องละเมิด ขับไล่รื้อถอนเวทีปราศรัยของกลุ่มพันธมิตรฯ

คำฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 51 เวลากลางคืน กลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเดิมทำการประท้วงด้วยการปิด ถ.พระราม 5 บริเวณแยกวัดเบญจมบพิตร ถ.พิษณุโลก ตั้งแต่แยกนางเลิ้งจนถึงแยกพาณิชยการ ซึ่งเป็นทางสาธารณะ ต่อมากลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย ถูกกลุ่มข้าราชการกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นอาจารย์ของโรงเรียนราชวินิตมัธยมศึกษา ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งข้อหาละเมิด จึงให้รื้อถอนเวทีปราศรัย รวมทั้งขนย้ายสิ่งกีดขวางใดใดที่ ปิดกั้น ถ.พระราม 5 และ ถ.พิษณุโลก ซึ่งศาลแพ่งมีคำสั่งให้เปิดผิวการจราจร บนถนนดังกล่าว และยังห้ามไม่ให้กลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย ใช้เครื่องขยายเสียงในลักษณะที่เป็นการรบกวนการเรียนการสอนของโรงเรียนราชวินิตมัธยมอีกด้วย ต่อมา กลุ่มพันธมิตรฯ ได้เคลื่อนย้ายเวทีปราศรัย มาชุมนุมยัง ถ.ราชดำเนินนอก และทำการปิดถนนตั้งแต่สะพานมัฆวานจนถึงแยกสวนมิสกวัน ด้านหน้ากระทรวงศึกษาธิการ ปิดถนนลูกหลวง ด้านกระทรวงศึกษาธิการตั้งแต่แยกมัฆวาน ระยะทางประมาณ 200 เมตร จากนั้นได้เรียกร้องให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง โดยมีการประท้วง ปราศรัยใช้เครื่องขยายเสียงขับไล่รัฐบาลด้วยถ้อยคำหยาบคาย จนเกิดเสียงดังรบกวนการทำงานของข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการ นอกจากนี้การชุมนุมยังทำให้เกิดขยะมูลฝอยจำนวนมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ในกระทรวงฯต้องทนทำงานในที่มีกลิ่นเหม็น เสียสุขภาพอนามัยเป็นอย่างยิ่ง

โจทก์ทั้งหก ซึ่งต้องประกอบกิจวัตรประจำวันดังกล่าว ต้องเดินทางไปและกลับบ้าน มาทำงานที่กระทรวงฯ ต้องเสื่อมความสะดวก เสื่อมสิทธิตามปกติ เพราะกลุ่มพันธมิตรฯมาปิดกั้นถนน จึงต้องเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งที่ปกติสามารถเดินทางได้โดยสะดวก นอกจากนี้ยังทำให้โจทก์ทั้งหกต้องออกจากที่พักเร็วกว่ากำหนดไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถเข้ามาทำงานได้ทันตามที่กำหนด ซึ่งโจทก์ต้องทำตามระเบียบทางราชการ อันเป็นหน้าที่ของโจทก์ โจทก์จึงขอให้ศาลมีคำสั่งบังคับให้จำเลยทั้งหก เปิดพื้นที่ผิวจราจรบน ถ.ราชดำเนินนอก ตั้งแต่แยกสะพานมัฆวานจนถึง แยกมิสกวันและบริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการ และ ถ.ลูกหลวงด้านหน้ากระทรวงศึกษาธิการตั้งแต่สะพานมัฆวาน เป็นระยะทางประมาณ 200-300 เมตร ห้ามจำเลยทั้ง6ไม่ให้ใช้เครื่องกระจายเสียง หรือ ปราศรัย หรือ จัดรายการ ระหว่างเวลาปฏิบัติงานของโจทก์ ให้จำเลยที่ 1-6ชำระค่าธรรมเนียมและค่าทนายแทนโจทก์ทุกคนด้วย

โดยโจทก์ ขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน ซึ่งวันนี้นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของแกนนำพันธมิตร ฯ ยื่นคัดค้านว่า หากศาลแพ่งจะนำวิธีการคุ้มครองชั่วคราว ตามประมวลกฎหมายวิธีความแพ่ง มาตรา 254 มาบังคับใช้จะขัด รธน. และความผิดเกี่ยวกับเครื่องขยายเสียงผู้เสียหายคือ กทม.ซึ่งคอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาศาลปกครอง

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์ใช้สิทธิ์ฟ้องคดีตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ศาลแพ่งจึงมีอำนาจพิพากษาและโจทก์ใช้ในฐานะประชาชนโดยสุจริต คดีไม่จำต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย นอกจากนี้ตาม รธน. มาตรา 211 ยังให้อำนาจศาลพิจารณาคดีต่อไปได้ เพียงแต่รอการพิพากษา ถ้ามีประเด็นต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ส่วนประเด็นเขตอำนาจศาลเห็นว่า พ.ร.บ.ชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล มาตรา 10 ก็กำหนดให้ศาลรับฟ้องและรอการพิจารณาไว้ชั่วคราวระหว่างจัดทำความเห็นไปยังศาลที่คู่ความร้องว่าคดีนั้นอยู่ในเขตอำนาจโดยเร็ว ดังนั้นศาลจึงต้องวินิจฉัยก่อนว่า เห็นควรจะให้มีการไต่สวนคำร้องคุ้มครองชั่วคราวของโจทก์ทั้งหกหรือไม่ก่อน ซึ่งเห็นควรรอการไต่สวนในวันนี้ โดยให้คู่ความรอฟังคำสั่งในวันที่ 30 ก.ค.นี้ เวลา 09.00 น.

สำหรับกระทรวงศึกษาธิการ มีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการอยู่ในขณะนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น