พิพากษายกฟ้อง 2 ผู้ต้องหายิงตำรวจบางเขนดับ ขณะตั้งด่านตรวจ ศาลชี้พยานหลักฐานโจทก์อ่อน ขัดแย้งกันเอง ไม่น่าเชื่อถือ ขณะที่ญาติตำรวจเตรียมยื่นอุทธรณ์
วันนี้ (28 ก.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการและนางวรรณา พุทธิขันธ์ ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายชัยณรงค์ คำแก้ว และนายธรรมรัตน์ ปุระสุวรรณ ทั้งสองอายุ 25 ปี เท่ากัน ร่วมกันเป็นจำเลย ที่ 1-2 ในความผิดฐานฆ่า และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน และ กระทำผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน
โจทก์ฟ้องระบุความผิดจำเลยสรปุว่าเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2550 เวลากลางคืน จำเลยร่วมกันซ้อนรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นโนวา ไปตามถนนทาวน์อินทาวน์ 23 แขวงอนุสาวรีย์ เขตดอนเมือง กทม.แล้วใช้อาวุธปืนลูกซองยิง จ.ส.ต.วิมล เวชกุล กับ จ.ส.ต.สุริยันต์ พุทธขันธ์ ขณะตั้งด่านสกัดจับคนร้ายเสียชีวิตทั้งสองคนแล้วหลบหนีไป ต่อมาตำรวจจับกุมได้จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดจริงหรือไม่ ฝ่ายโจทก์เป็นคนขับรถแท็กซี่เบิกความว่า ตระเวนรับผู้โดยสารย่านอนุสาวรีย์บางเขน และจอดหน้าห้างบิ๊กซี กับห้างโลตัส สังเกตเห็นคนร้ายสองคนพยายามจะชิงทรัพย์หญิงสาวที่ยืนรอรถ พยานจึงขับรถจ่อท้ายและเปิดไฟสูง คนร้ายได้ขี่รถหนี ซึ่งพยานเห็นใบหน้าคนร้ายและขับรถติดตามแต่คลาดกัน จึงวิทยุแจ้งอาสาสมัครและตำรวจสายตรวจ สน.บางเขน แล้วได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด จนทราบว่าคนร้ายก่อเหตุยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานโจทก์ปากนี้เห็นหน้าคนร้านเพียงด้านข้าง เมื่อตำรวจสเกตช์ภาพคนร้ายก็ได้นำเอาภาพประวัติคนร้ายมาให้ดูก่อน พยานจึงให้การรูปพรรณคนร้ายจนได้ตามภาพสเกตช์ นอกจากนี้ พยานโจทก์ที่เป็นสายลับปลอมตัวเป็นผู้ต้องขังปะปนในห้องขังร่วมกับจำเลยเบิกความว่า จำเลยยอมรับว่าเป็นคนยิงตำรวจนั้นไม่น่าเชื่อถือ ส่วนคำรับสารภาพของจำเลยก็กลับไปกลับมาขัดแย้งกันเอง พยานโจทก์ไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนร้าย พิพากษายกฟ้อง
หลังฟังคำพิพากษา ญาติของจำเลยเผยว่าจะร้องเรียนตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนที่ซ้อมผู้ต้องหาด้วยการเอาไฟฟ้าช็อตจนนิ้วก้อยด้วน และจะฟ้องเรียกค่าเสียหาย ส่วนญาติตำรวจที่เสียชีวิตเผยว่าจะอุทธรณ์คำพิพากษาต่อไป
