โฆษกตำรวจชี้ให้ประกันตัว “สนธิ ลิ้มทองกุล” เป็นไปตามสิทธิ ขู่หากทำผิดซ้ำตำรวจมีสิทธิ์ถอนประกันได้
วันนี้ (25 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษก ตร.กล่าวถึงเรื่องการให้ประกันตัว นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่าเป็นอำนาจของตำรวจนครบาล ซึ่งพนักงานสอบสวนมีอำนาจโดยตรงตามขั้นตอนทางกฎหมาย เนื่องจากนายสนธิแสดงตนเองด้วยการมอบตัวไม่ได้หลบหนี
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการยื่นข้อเสนอต่อรองในการประตัวหรือไม่ โฆษก ตร.กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ามีหรือไม่ แต่การให้ประกันเป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่แสดงเจตนาไม่หลบหนีเข้ามอบตัว และยืนยันว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับมวลชนที่มาชุมนุมรอบ บช.น.เมื่อวานนี้ เพราะเจ้าหน้าที่จะทำอะไรต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ว่าเป็นไปตามครรลองที่ถูกต้อง โดยเฉพาะในภาวะที่สังคมสนใจ หากตำรวจทำไม่ถูกก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ แต่หากนายสนธิกระทำผิดซ้ำจะอาจถูกถอนประกันได้
ด้าน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1( ผบก.น.1 )เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่ปราศรัยหมิ่นเบื้องสูงบนเวทีใดในพื้นที่นครบาล ตำรวจยืนยันออกหมายจับกุมดำเนินคดีเฉียบขาดทั้งหมดไม่มีละเว้น เพราะเรายอมไม่ได้ที่จะปล่อยให้ใครมาก้าวล่วงสถาบันพระมหาษัติรย์ซึ่งเป็นสถาบันสูงสุด ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานยืนยันการกระทำความผิดทั้งหมด โดยมีการบันทึกเทปการปราศรัยบนเวทีการชุมนุมทุกวันทั้งสองเวทีทั้งเวทีพันธมิตรฯและเวทีกลุ่มต่อต้านที่ท้องสนามหลวง และมีการถอดเทปทุกวัน แต่อาจล่าช้าไปบ้างเพราะขั้นตอนกระบวนการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นทำในรูปแบบของคณะกรรมการระดับ บช.น.โดยมี พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.เป็นประธาน เมื่อถอดเทปเสร็จวันต่อวันก็นำรายงานเสนอคณะกรรมการบอร์ดพิจารณาในข้อกฎหมายว่าเข้าข่ายความผิดหรือไม่รวมถึงการเผยแพร่ในลักษณะต่างๆด้วย
“การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯดำเนินมาร่วม 60 วันแล้ว ต้องยอมรับว่าขั้นตอนการตรวจสอบของตำรวจล่าช้าอยู่บ้างเพราะเราทำในรูปแบบคณะกรรมการต้องมีการประชุมพิจารณากรั่นกรองคำพูดของแต่ละคนอย่างละเอียด แต่ขอให้เชื่อมั่นว่าทุกอย่างโปร่งใสและมีหลักฐานอยุ่แล้ว เพียงแต่รอการตรวจสอบเท่านั้น ขณะนี้ตรวจสอบการปราศรัยไปได้เป็นวันที่ 17 –18 แล้ว เพราะการปราศรัยแต่ละวันมีคนพูดหลายคน แต่หากประชาชนท่านใดหรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเห็นว่าตำรวจทำงานล่าช้าไม่ทันใจก็สามารถหาหลักฐานการกระทำความผิดข้อหาดังกล่าวมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีได้ในทันที จะพิจารณาตรวจสอบเป็นกรณีเร่งด่วนไป นับเป็นการดีเสียอีกที่หลายฝ่ายจะช่วยกันตรวจสอบในจุดนี้ ผมขอยืนยันเลยว่าตำรวจดำเนิคดีอย่างแน่นอนไม่ต้องกลัวว่าจะละเว้นเพราะเป็นคดีความผิดที่คนไทยทุกคนยอมไม่ได้ “รอง ผบก.น 1