xs
xsm
sm
md
lg

“แก๊งเนกไท” ฉกเพชรแอฟริกา 315 ล้าน ซิ่ง จยย.เผ่นลอยนวล

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ตำรวจสอบปากคำนายจักรพันธ์ ประมวลสุข (เสื้อขาว) เจ้าของเพชรที่หายถูกคนร้ายฉกไป
ผู้เฒ่าวัย 71 นำเพชรแอฟริกา 2 ก้อน มูลค่าเกือบ 500 ล้าน มาให้สาวใหญ่เจ้าของบริษัทจัดหางาน เป็นนายหน้าจัดหาลูกค้าให้ ก่อนมีจะมีโจรใส่สูท-ผูกเนกไท อ้างเป็นลูกน้องนักการเมือง ทำทีเข้ามาติดต่อขอซื้อเพชร แล้วอาศัยจังหวะที่เผลอคว้าก้อน 2,100 กะรัต ราคา 315 ล้าน ขึ้น จยย.เผ่นหนีลอยนวล

เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ (24 ก.ค.) พ.ต.ท.วิโรจน์ มาสง พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.ดอนเมือง ได้รับแจ้งมีเหตุวิ่งราวทรัพย์ ที่บริษัทจัดหางาน ซาป้า อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์วิส จำกัด เลขที่ 161/414-411 ภายในซอยวิภาวดี 76 ถนนวิภาวดี แขวงสีกัน เขตดอนเมือง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร ผบก.น.2 พ.ต.อ.พัลลภ สุวรรณบัตร รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.พีรพงษ์ วงษ์สมาน รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.สรรค์หกิจ บำรุงสุขสวัสดิ์ ผกก.สส.บก.น.2 พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ พรหมสวัสดิ์ ผกก.สน.ดอนเมือง เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์จำนวน 2 คูหา สูง 4 ชั้น ภายในบริษัทเจ้าหน้าที่พบ นางรินทร์ลภัส ปุณยจิรพัฒน์ อายุ 58 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทดังกล่าว อยู่บ้านเลขที่ 249/24 ถนนลาดพร้าว ซอยลาดพร้าว 93 แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กทม.และ นายจักรพันธ์ ประมวลสุข อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94/1 หมู่ 1 ต.ทรายขาว อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ยืนรอพบเจ้าหน้าที่อยู่ในที่เกิดเหตุ

จากการสอบสวน นางรินทร์ลภัส ได้ให้การว่า ตนเป็นเจ้าของบริษัทดังกล่าว และมีอาชีพเป็นนายหน้าติดต่อซื้อขายเพชรให้กับลูกค้า ซึ่งก่อนหน้านี้ นายจักรพันธ์ ได้ติดต่อมาที่ตนว่าต้องการขายเพชร จำนวน 2 ก้อน ก้อนแรกมีน้ำหนัก 2,100 กะรัต ส่วนก้อนที่สองมีน้ำหนัก 1,750 กะรัต ให้ช่วยหาลูกค้าให้ ตนจึงได้ติดต่อหาลูกค้าให้ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา มีลูกค้าเป็นเศรษฐีชาวดูไบต้องเพชรดังกล่าว ตนจึงนัดให้มาดูเพชรที่บริษัทตน เนื่องจากเกรงว่า นำไปให้ดูที่อื่นแล้วจะไม่ปลอดภัย เพราะทุกครั้งที่จะตกลงซื้อขายเพชรจะนัดให้มาที่บริษัททุกครั้ง

นางรินทร์ลภัส กล่าวต่อว่า หลังจากที่ลูกค้าชาวดูไบมาดูเพชรแล้วก็ตอบตกลงซื้อเพชรทั้ง 2 ก้อนในราคา 500 ล้านบาท แต่จะขอวางมัดจำไว้ก่อนจำนวน 30% เนื่องจากเงินยังไม่พอ ซึ่งตนได้นัดให้มาตกลงกันในวันที่ 25 ก.ค.แต่เมื่อวานนี้ (23 ก.ค.) มีชาย 2 คน รูปร่างสูงใหญ่ คนแรกเป็นชายผิวขาวคล้ายคนจีน ส่วนอีกคนเป็นชายไทยผิวคล้ำ อายุประมาณ 50 ทั้งคู่ เดินทางมาที่บริษัท พร้อมกับบอกว่า เป็นคนสนิทของนักการเมืองท่านหนึ่ง ที่ต้องการเพชรดังกล่าว จึงได้ให้มาขอดูของ โดยได้ให้ดูสมุดบัญชีเงินฝาก พบว่า มีเงินอยู่ประมาณร้อยล้านบาท ตนจึงเชื่อใจและนัดให้ทั้ง 2 คนมาดูของในวันนี้

“วันนี้ชายทั้ง 2 คน ก็เดินทางมาดูเพชรตามที่นัดหมาย โดยชายผิวคล้ำสวมสูทสีดำ ผูกเนกไทสีแดง ส่วนอีกคนสวมเสื้อเชิ้ตสีเหลือง กางเกงสีกรมท่า ซึ่งขณะนั้น นายจักรพันธ์ เจ้าของเพชรก็อยู่ที่บริษัทด้วย จากนั้นฉันก็ได้พา นายจักรพันธ์ และชายผิวดำขึ้นไปดูเพชรที่ชั้น 2 ส่วนคนที่มากับชายผิวดำรออยู่ในรถเก๋ง สีครีม ไม่ทราบรุ่นและทะเบียน ระหว่างที่ดูเพชรชายผิวดำก็อ้างว่า มองไม่ค่อยเห็น ฉันจึงพาลงมาดูข้างล่าง ขณะที่ดูเพชรกันอยู่ฉันสังเกตเห็นว่ามีคนขับ รถ จยย.ผ่านหน้าบริษัทหลายรอบ แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร จนกระทั่งจังหวะที่ตนเผลอจู่ๆ ชายผิวดำก็หยิบเพชรที่ส่องอยู่ 1 ก้อน ซึ่งเป็นเพชรแอฟริกา น้ำหนัก 420 กรัม 2,100 กะรัต มูลค่าประมาณ 315 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถ จยย.หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ส่วนคนที่มากับชายผิวดำฉันก็ไม่รู้ว่าขับรถเก๋งออกไปตอนไหน ฉันจึงรีบโทรศัพท์แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ” นางรินทร์ลภัส กล่าว

ด้าน นายจักรพันธ์ กล่าวว่า เพชรดังกล่าว ตนซื้อต่อมาจากเพื่อนที่ไปเที่ยวประเทศแอฟริกามา จำนวน 2 ก้อน ในราคาก้อนละ 500,000 บาท เมื่อ 15 ปีก่อน โดยลูกสาวตนเห็นว่า ซื้อมาแล้วก็วางไว้เฉยๆ จึงให้ตนนำมาขาย เผื่อว่าจะมีราคาบ้าง ซึ่งเพชรดังกล่าว ตนเพิ่งให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ และขอใบรับรองเพชรแท้แล้วเมื่อ 5 ปีก่อน ซึ่งก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับตน

ทางด้าน พ.ต.อ.เจริญ กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น พบว่า คนร้ายได้ทิ้งกระเป๋าเอกสารไว้ 1 ใบ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้นำไปตรวจสอบ โดยหลังจากนี้ จะทำการสอบปากคำพยานแวดล้ม และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดของร้าน ว่า สามารถจับภาพคนร้ายได้หรือไม่ ทั้งนี้ เชื่อว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ต้องมีคนในมีส่วนรู้เห็น เพราะปกติแล้ว นางรินทร์ลภัส จะติดต่อซื้อขายเพชรผ่านเจ้าหน้าที่ตำรวจท่านหนึ่งเพียงคนเดียว ส่วนคนร้ายน่าจะเป็นคนที่รู้การเคลื่อนไหวและมีความรู้เรื่องวงการเพชรพลอยเป็นอย่างดี

ด้าน พ.ต.อ.สรรค์หกิจ กล่าวว่า จากการสอบปากคำ นางรินทร์ลภัส พบว่า ยังให้การวกวนและมีพิรุธผิดกับที่ให้การในครั้งแรก ตนจึงยังไม่เชื่อในคำให้การของ นางรินทร์ลภัส หลังจากนี้ ตนจะได้เร่งสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นทราบเพียงว่า คนร้ายแก๊งนี้เป็นที่รู้จักกันในวงแคบของวงการเพชรย่านสีลมว่า “แก๊งเนกไท” เพราะจะแต่งตัวดีดูมีฐานะ และน่าจะมีกระบวนการอยู่เบื้องหลัง หลังจากนี้ จะได้เร่งรวบรวมข้อมูลเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
เพชรอีกก้อนที่ยังเหลืออยู่
กำลังโหลดความคิดเห็น