“กำนันชัยวัฒน์” พยานปากเอกคดี “ยุทธ ใบแดง” นำเอกสารคำพิพากษาศาลฎีกาให้พนักงานสอบไว้เป็นหลักฐานลบล้างคดี “ยุทธ ใบแดง” ฟ้องหมิ่น พร้อมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ลั่นไม่ถือโทษโกรธ ต้องการให้เรื่องยุติโดยเร็ว ที่สำคัญไม่คิดแจ้งความกลับ แม้ครอบครัวถูกคุกคามตลอด โวยจนป่านนี้ไม่เคยเห็นหัว ตร.มาคุ้มกัน ทั้งที่ทำเพื่อชาติ
วันนี้ (16 ก.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.30 น. นายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ อายุ 52 ปี กำนัน ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย พยานสำคัญคดีใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ส.ส.ระบบสัดส่วน และกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน พร้อมด้วย น.ส.รัศมี เพ็ญสุข ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สวิก นุชเจริญผล พนักงานสอบสวน ฝป.6 บก.ป.เพื่อให้การเพิ่มเติมในคดี นายพิชิต ชื่นบาน ทนายความของนายยงยุทธ เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อนายชัยวัฒน์ในข้อหาแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน โดยนำเอกสารคำพิพากษาศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้งมามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาคดี
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ตนยังยืนยันปฏิเสธข้อกล่าวหา เนื่องจากไม่เคยเข้าแจ้งความกับตำรวจ เพราะไม่ใช่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส่วนกรณีการให้ข้อเท็จจริงกับพนักงานสอบสวนนั้น ทาง ด.ร.พิจิตร ยอดสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย พรรคชาติไทย ซึ่งเป็นผู้ยื่นคำร้องกับทาง กกต.ให้ตรวจสอบการทุจริตการเลือกตั้งใน จ.เชียงราย และเป็นผู้ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน หลังจากตนเข้าเบิกความต่อศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้ง ในฐานะพยานเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2551 ซึ่งต่อมาศาลได้มีคำพิพากษาให้ใบแดงแก่นายยงยุทธไปแล้วนั้นสิ่งที่ตนได้ให้การไว้กับ กกต.รวมทั้งที่เบิกความต่อศาลฎีกาย่อมเป็นความจริง ตนจึงนำคำเบิกความมาเป็นหลักฐานเพื่อลบล้างคดีที่นายยงยุทธแจ้งว่าตนหมิ่นประมาท
“ผมอยากให้เรื่องนี้จบได้แล้วและไม่ถือโทษโกรธนายยงยุทธ หรือคิดแจ้งความกลับ เพราะครอบครัว ได้รับผลกระทบอย่างมาก ต้องอยู่อย่างหวาดผวานอกจากนี้ก็มีคนมาข่มขู่คุกคามตนตลอดเวลา อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยไหนเข้าดูแลความปลอดภัยให้ตนและครอบครัวแต่อย่างใด ซึ่งต้องให้ญาติพี่น้องดูแลกันเอง ทั้งๆ ที่ตนได้ทำหน้าที่เสียสละเพื่อชาติ” นายชัยวัฒน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายชัยวัฒน์กำลังเดินขึ้นบันไดกองปราบปรามเพื่อเข้าพบพนักงานสอบสวนนั้น ปรากฏว่ามีกลุ่มคนประมาณ 5 คนเข้ามาต่อว่า และด่าทอเสียๆ หายๆ แต่นายชัยวัฒน์ไม่ได้ตอบโต้กับกลุ่มบุคคลดังกล่าวแต่อย่างใด
สำหรับคดีที่นายชัยวัฒน์ถูกแจ้งความดำเนินคดีมีทั้งหมด 7 คดี เป็นคดีที่กองบังคับการปราบปราม 4 คดี โดยนอกเหนือจากคดีแจ้งความเท็จแล้วยังมีคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาโดยคดีนี้นายเกรียงไกร ฉางข้าวคำ อายุ 30 ปี บุตรชายของนายชัยวัฒน์ ถูกแจ้งความดำเนินคดีด้วย คดีเบิกความเท็จต่อศาลฎีกา และคดีพยายามฆ่าซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่จัน จ.เชียงราย กำลังโอนย้ายคดีมายังกองปราบปราม
สำหรับคดีความผิดต่อเสรีภาพ ซึ่งนายบุญธรรม คำค้า และนายพัฒน์ ก้างอ่อน 2 ใน 10 กำนันในพื้นที่ จ.เชียงราย แจ้งความดำเนินคดีไว้รวม 2 คดี ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาที่ศาลจังหวัดเชียงราย และคดีหมิ่นประมาท ซึ่ง ด.ต.เทพรัตน์ เขื่อนขุนนา ตำรวจ สภ.แม่ปิง จ.เชียงราย แจ้งความดำเนินคดีไว้อีกด้วย
วันนี้ (16 ก.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.30 น. นายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ อายุ 52 ปี กำนัน ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย พยานสำคัญคดีใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ส.ส.ระบบสัดส่วน และกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน พร้อมด้วย น.ส.รัศมี เพ็ญสุข ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สวิก นุชเจริญผล พนักงานสอบสวน ฝป.6 บก.ป.เพื่อให้การเพิ่มเติมในคดี นายพิชิต ชื่นบาน ทนายความของนายยงยุทธ เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อนายชัยวัฒน์ในข้อหาแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน โดยนำเอกสารคำพิพากษาศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้งมามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาคดี
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ตนยังยืนยันปฏิเสธข้อกล่าวหา เนื่องจากไม่เคยเข้าแจ้งความกับตำรวจ เพราะไม่ใช่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส่วนกรณีการให้ข้อเท็จจริงกับพนักงานสอบสวนนั้น ทาง ด.ร.พิจิตร ยอดสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย พรรคชาติไทย ซึ่งเป็นผู้ยื่นคำร้องกับทาง กกต.ให้ตรวจสอบการทุจริตการเลือกตั้งใน จ.เชียงราย และเป็นผู้ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน หลังจากตนเข้าเบิกความต่อศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้ง ในฐานะพยานเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2551 ซึ่งต่อมาศาลได้มีคำพิพากษาให้ใบแดงแก่นายยงยุทธไปแล้วนั้นสิ่งที่ตนได้ให้การไว้กับ กกต.รวมทั้งที่เบิกความต่อศาลฎีกาย่อมเป็นความจริง ตนจึงนำคำเบิกความมาเป็นหลักฐานเพื่อลบล้างคดีที่นายยงยุทธแจ้งว่าตนหมิ่นประมาท
“ผมอยากให้เรื่องนี้จบได้แล้วและไม่ถือโทษโกรธนายยงยุทธ หรือคิดแจ้งความกลับ เพราะครอบครัว ได้รับผลกระทบอย่างมาก ต้องอยู่อย่างหวาดผวานอกจากนี้ก็มีคนมาข่มขู่คุกคามตนตลอดเวลา อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยไหนเข้าดูแลความปลอดภัยให้ตนและครอบครัวแต่อย่างใด ซึ่งต้องให้ญาติพี่น้องดูแลกันเอง ทั้งๆ ที่ตนได้ทำหน้าที่เสียสละเพื่อชาติ” นายชัยวัฒน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายชัยวัฒน์กำลังเดินขึ้นบันไดกองปราบปรามเพื่อเข้าพบพนักงานสอบสวนนั้น ปรากฏว่ามีกลุ่มคนประมาณ 5 คนเข้ามาต่อว่า และด่าทอเสียๆ หายๆ แต่นายชัยวัฒน์ไม่ได้ตอบโต้กับกลุ่มบุคคลดังกล่าวแต่อย่างใด
สำหรับคดีที่นายชัยวัฒน์ถูกแจ้งความดำเนินคดีมีทั้งหมด 7 คดี เป็นคดีที่กองบังคับการปราบปราม 4 คดี โดยนอกเหนือจากคดีแจ้งความเท็จแล้วยังมีคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาโดยคดีนี้นายเกรียงไกร ฉางข้าวคำ อายุ 30 ปี บุตรชายของนายชัยวัฒน์ ถูกแจ้งความดำเนินคดีด้วย คดีเบิกความเท็จต่อศาลฎีกา และคดีพยายามฆ่าซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่จัน จ.เชียงราย กำลังโอนย้ายคดีมายังกองปราบปราม
สำหรับคดีความผิดต่อเสรีภาพ ซึ่งนายบุญธรรม คำค้า และนายพัฒน์ ก้างอ่อน 2 ใน 10 กำนันในพื้นที่ จ.เชียงราย แจ้งความดำเนินคดีไว้รวม 2 คดี ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาที่ศาลจังหวัดเชียงราย และคดีหมิ่นประมาท ซึ่ง ด.ต.เทพรัตน์ เขื่อนขุนนา ตำรวจ สภ.แม่ปิง จ.เชียงราย แจ้งความดำเนินคดีไว้อีกด้วย