“จงรัก” เตรียมประสาน “พล.ต.ซก เพียบ” นายทหารกัมพูชา หารือนำตัว “วัฒนา” กลับไทยฟังคำพิพากษา พูดเป็นนัยโอกาสเอาตัวกลับมามีน้อย เนื่องจากนายวัฒนามีความสัมพันธ์อันดีกับกัมพูชา
วันนี้ (14 ก.ค. ) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.(ปป.3) กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัวนายวัฒนา อัศวเหม ซึ่งหลบหนีไปอยู่ที่ประเทศกัมพูชาว่า เนื่องจากความผิดที่นายวัฒนาถูกออกหมายจับ เป็นความผิดฐานหลีกเลี่ยงหรือจงใจไม่มาฟังคำพิพากษาเท่านั้น ไม่ใช่ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการที่มีการทุจริตโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียที่ จ.สมุทรปราการ จึงไม่สามารถร้องขอให้ทางประเทศกัมพูชาส่งตัวนายวัฒนา ในความผิดฐานดังกล่าวตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ เนื่องจากหากเป็นกรณีที่เข้าข่ายการส่งผู้ร้ายข้ามแดน จะต้องเป็นความผิดที่มีคำพิพากษาแล้ว และจะต้องเป็นความผิดเหมือนกันของทั้งสองประเทศ โดยต้องมีโทษถึงจำคุกไม่น้อยกว่า 1 ปีขึ้นไป และจะต้องตรวจสอบเงื่อนไขอื่นๆอีกหลายประการ
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวต่อว่า ขณะนี้ทราบว่านายวัฒนายังคงพำนักอยู่ในประเทศกัมพูชา ส่วนจะเดินทางไปประเทศที่ 3 อื่นอีกหรือไม่ ยังไม่ได้รับรายงาน อย่างไรก็ตาม ในชั้นนี้แม้จะยังไม่มีคำพิพากษาลงโทษนายวัฒนา เพราะต้องรอไปจนถึงวันที่ 18 ส.ค. แต่ศาลก็ได้ออกหมายจับนายวัฒนา ในความผิดฐานหลบหนีหรือจงใจไม่มาฟังคำพิพากษาแล้ว ซึ่งตนก็ได้ประสานงานไปยัง พล.ต.ซก เพียบ นายทหารกัมพูชา ซึ่งมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายประสานงานชายแดนระหว่างกับกัมพูชากับไทย ซึ่งตนรู้จักดี เพราะเคยประสานงานกับตนมาตลอด ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่งเป็น ผบช.ภ.2 เพื่อมาร่วมปรึกษาหารือกัน ในเรื่องการนำตัวนายวัฒนามาฟังคำพิพากษาว่าจะมีโอกาสมากน้อยเพียงใด โดยจะมีการเจรจากันในวันที่ 16 ก.ค.นี้ ที่โรงแรมอินโดจีน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เวลา 11.00 น. ที่สำคัญการเจรจาครั้งนี้ ทางฝ่ายกงสุลกัมพูชา ที่ ต.ปอยเปต จะมาร่วมเจรจาเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันด้วย
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า ตนจะได้หารือกับ พล.ต.ซก เพียบ ว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง ซึ่งคงเป็นการพูดคุยในฐานะคนคุ้นเคยกัน อย่างไรก็ตาม ก็ต้องดูวันที่ 18 ส.ค.นี้ ว่าศาลจะมีคำพิพากษาอย่างไร จะพิพากษาลงโทษ หรือจะยกฟ้อง ซึ่งตรงนี้ยังไม่มีความชัดเจน เนื่องจากยังไม่มีการอ่านคำพิพากษา ซึ่งหากศาลพิพากษาลงโทษก็จะมีความอายุความ 20 ปี หากศาลยกฟ้อง นายวัฒนาก็สามารถกลับเข้ามาได้ โดยไม่มีความผิดฐานขัดหมายศาล เพราะหมายจับกรณีไม่มาฟังคำพิพากษาจะหมดอายุความเมื่อศาลมีคำพิพากษา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการพูดคุยจะมีการร้องขอให้ส่งตัวนายวัฒนามาให้หรือไม่ พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า ก็ต้องคุยกันดูว่าทำได้มากแค่น้อยแค่ไหน แต่การที่นายวัฒนาหลบหนีไปอยู่ประเทศกัมพูชาแสดงว่ามีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศนี้ และต้องมีความมั่นใจว่านี้จะไม่ถูกส่งตัวกลับ ขณะเดียวกันทราบว่านายวัฒนามีบ่อนกาสิโนอยู่ที่นั่น มูลค่า 700 ล้าน จำนวน 2-3 แห่ง ซึ่งจะสร้างบ่อนกาสิโนได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นหากจะหวังว่ากัมพูชาจะส่งตัวกลับมาให้นั้นคงจะยาก
เมื่อถามว่า กรณีนี้เป็นไปได้หรือไม่ที่ตำรวจจะมีการชุดพิเศษเข้าไปตามประกบนายวัฒนา พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า เนื่องจากกัมพูชาอยู่นอกราชอาณาจักรไทย ตำรวจคงเข้าไปดำเนินการอะไรไม่ได้
