xs
xsm
sm
md
lg

อดีตผู้รับเหมาก่อคดีขโมยรถ-พยายามฆ่า สำนึกผิดมอบตัวกลาง “ตีสิบ”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายจักรพันธ์ ตั้งสวัสดิ์เมือง อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นติดต่อเข้าให้สัมภาษณ์และมอบตัวในรายการตีสิบ
ผู้ต้องหาคดีพยายามฆ่าติดต่อขอมอบตัวกลางรายการตีสิบ หลังเมื่อปี 48 ทำงานเป็นกรรมกรก่อสร้าง แล้วขโมยรถกระบะของผู้รับเหมา ก่อนไปเป็นตั้งตัวเป็นผู้รับเหมารับงานจากเถ้าแก่ที่เมืองชล แต่ก็มาถูกโกงค่าจ้างอีก พอคู่เขยรู้เรื่องเดือดจัด ขุดอาก้าที่ฝังดินอยู่ย้อนกลับไปยิงถล่มลูกน้องเถ้าแก่ปางตาย สุดท้ายสำนึกผิดติดต่อขอมอบตัวผ่านรายการ

วันนี้ (30 มิ.ย.) เมื่อเวลา 17.00 น. พ.ต.อ.ชาญ แก้วท่าไม้ ผกก.สน.ท่าข้าม และ ร.ต.ท.พูลศักดิ์ ชุมพล ร้อยเวร สน.ท่าข้าม นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เดินทางไปที่สตูดิโออัดรายการตีสิบ ตั้งอยู่ที่พระราม 2 ฮอลล์ ชั้นที่ 4 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาพระราม 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน เพื่อจับกุมตัว นายจักรพันธ์ ตั้งสวัสดิ์เมือง อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 90 หมู่ 8 ต.ท่ากระดาน อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี ผู้ต้องหาตามหมายศาลจังหวัดชลบุรี เลขที่ จ.378/2549 ลงวันที่ 3 เมษายน 2549 ในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร เหตุเกิดในท้องที่ สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อต้นปี 2549 ที่ผ่านมา หลังได้รับการติดต่อจากนายวิทวัส สุนทรวิเนตร์ ผู้ดำเนินรายการตีสิบว่า นายจักรพันธ์ติดต่อไปที่รายการตีสิบเพื่อให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และขอมอบตัวผ่านทางรายการ โดยจะออกอากาศในช่วงสนทนา

ในระหว่างที่กำลังอัดรายการอยู่นั้น นายจักรพันธ์ เปิดเผยว่า ตนหลบหนีความผิดคดีอาญาอยู่ถึง 2 คดี คดีแรกเกิดขึ้นเมื่อต้นปี 2548 ขณะที่ตนเดินทางไปรับจ้างเป็นกรรมกรก่อสร้างอยู่ที่ จ.ภูเก็ต ได้ก่อเหตุขโมยรถกระบะอีซูซุ รุ่นดีแมคซ์ สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน บฉ-7276 ภูเก็ต ซึ่งเป็นของ นายยุ่น เจือกโว้น เถ้าแก่ผู้รับเหมาที่ตนทำงานด้วย สาเหตุที่ตนตัดสินใจขโมยรถเพียงเพราะเห็นว่าค่าแรงที่ได้รับวันละ 180 บาทนั้นไม่พอยังชีพ โดยวันเกิดเหตุก็ไม่มีคนอยู่ตนจึงขับรถของเถ้าแก่ออกมา โดยหลังจากที่ตนขโมยรถมาได้แล้วก็ขับเข้ามาใน กทม. เพื่อทำงานเก็บเงิน ซึ่งตนได้เปลี่ยนชื่อเล่นจากเดิมชื่อ “จักร” เปลี่ยนเป็น “หมู” ส่วนนามสกุลเดิมชื่อว่า “ไกรทอง” ก็เปลี่ยนเป็น “ตั้งสวัสดิ์เมือง” ก่อนตั้งตัวเป็นผู้รับเหมาหาลูกน้องมาเป็นลูกมือ รับงานก่อสร้างเล็กๆน้อยๆ ในเมืองกรุงได้เพียง 3-4 งาน ก็เริ่มท้อใจ เพราะตัวเองหนีคดีอยู่จึงต้องใช้ชีวิตอย่างหลบๆ ซ่อนๆ ไม่สามารถรับงานใหญ่ได้เนื่องจากต้องใช้เอกสารสำคัญหลายอย่าง กลัวถูกตำรวจตามมาจับ ทำให้รายได้ไม่พอใช้จ่ายในการทำงานและใช้ชีวิต เพราะรับทำแต่งานง่ายค่าตอบแทนต่ำ จึงตัดสินใจย้ายไปหาเหมางานในพื้นที่ จ.นครปฐม ได้สักระยะก่อนเดินทางต่อไปหากินต่อในพื้นที่ จ.ชลบุรี

นายจักรพันธ์ กล่าวต่อว่า เมื่อเดินทางมาที่ จ.ชลบุรี ก็ได้มาพบรักกับภรรยาซึ่งเป็นชาว จ.บุรีรัมย์ จากนั้นตนก็ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดสมัยที่เคยก่อเหตุขโมยรถนายจ้างให้ฟัง ทางภรรยาก็เข้าใจช่วยติดตามญาติพี่น้องมาเป็นคนงานให้ และช่วยกันปกปิดความลับมาโดยตลอด ระหว่างนั้นตนก็ใช้ชื่อภรรยาออกหน้าเป็นผู้รับเหมางานแทนทั้งหมด จนกระทั่งได้ไปรับงานต่อจากผู้รับเหมารายใหญ่กว่าชื่อ บริษัท ร้อยเรือน จำกัด แต่เมื่อทำงานไปได้สักระยะ เมื่อช่วงต้นปี 2549 ตนก็ต้องก่อคดีร้ายแรงติดตัวเป็นคดีที่ 2 เพราะถูกเถ้าแก่บริษัทแม่เบี้ยวเงินค่าจ้าง แทนที่จะได้รับเงินงวดต่องวด กลับโดนผัดผ่อนให้ไปรับเงินทีเดียวในงวดที่ 4 แม้เที่ยวแรกที่ตนไปทวงเงินจะบอกเหตุผลไปแล้วว่าลูกน้องไม่มีข้าวกินกำลังจะอดตาย แต่เถ้าแก่ก็ไม่ยอมจ่าย จึงตัดสินใจพาลูกน้องเดินทางไปทวงเงินอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับต้องไปเจอกับลูกน้องของเถ้าแก่นับ 10 คน บางคนก็พกปืนขนาด .38 มม.โชว์ให้เห็น และไม่ยอมให้ใครเข้าไปคุยกับเถ้าแก่ยกเว้นแค่ตนคนเดียว โดยเถ้าแก่ยื่นข้อเสนอว่าจะให้เงิน 4 งวด เพียง 30,000 บาท จากยอดจริงกว่า 70,000 บาท ซึ่งตนบอกกับเถ้าแก่ว่าไม่พอเพราะตนต้องจ่ายค่าแรงให้ลูกน้องตั้ง 16 คน ตนจึงตัดสินใจตะคอกขู่ไปว่าถ้ามีระเบิดสัก 5 ลูก จะถอดสลักแล้ววางเอาไว้บนโต๊ะตัวนี้ ก่อนจะเดินกลับไปที่รถเร่งเครื่องขับวนอยู่อย่างนั้นคล้ายกับคนบ้าจนเถ้าแก่เรียกเข้าไปคุยอีกครั้ง

นายจักรพันธ์ กล่าวอีกว่า คราวนี้เถ้าแก่ยื่นข้อเสนอเพิ่มเงินให้อีกไม่กี่พันบาท ตนก็ไม่รู้จะอย่างไรจึงต้องยอมเซ็นสัญญารับเงินจำนวน 3 หมื่นกว่าบาทมาหมุนให้ลูกน้อง ก่อนเดินร้องไห้น้ำตาไหลออกไป ท่ามกลางสายตาของลูกน้องเถ้าแก่ที่มองกันอย่างเหยียดหยามเมื่อตนขับรถไปถึงบ้านพักก็ได้ไปเล่าเรื่องให้ภรรยาฟัง แล้วตัดสินใจพากันย้อนกลับเข้าไปที่แคมป์คนงานเพื่อขนลูกน้อง และข้าวของออกมาทั้งหมด แต่พอขนถึงรอบสุดท้ายก็ถูกเถ้าแก่พาพวกมาขวางไม่ให้ตนขับรถออกจากแคมป์คนงานจนเกือบจะมีเรื่องกัน ซึ่งตอนนั้นตนได้เข้าไปแจ้งความกับร้อยเวร สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี ท้องที่ที่เกิดเหตุเพื่อเรียกร้องให้เถ้าแก่จ่ายเงินที่เหลือทั้งหมด แต่ร้อยเวรแนะนำคงจะไม่คุ้มกับการที่เราจะต้องเสียเงินแสนไปเป็นค่าฟ้องร้องทวงคืนเงินแค่หลักหมื่น ตนจึงต้องหนีกลับไปตั้งหลักในบ้านเกิดของภรรยาที่ จ.บุรีรัมย์ พอญาติๆ ภรรยาทราบข่าวก็ไม่มีใครยอม โดยเฉพาะคู่เขยกันที่ชื่อ นายทอง (ไม่ทราบนามสกุล) อายุประมาณ 40 ปี ซึ่งเป็นอดีตผู้ต้องขังคดีค้าอาวุธสงครามนานถึง 18 ปี ได้พาตนไปขุดเอาอาวุธปืนอาก้าพร้อมเครื่องกระสุนจากกลางป่าขึ้นมาล้างทำความสะอาด และวางแผนชักชวนกันขับรถกระบะขนอาวุธปืนเดินทางย้อนกลับไปล้างแค้นที่ จ.ชลบุรี อีกครั้ง

นายจักรพันธ์ กล่าวต่อไปว่า เมื่อเดินทางไปถึง จ.ชลบุรี ตนพร้อมกับนายทองก็นำอาวุธปืนไปฝังดินเอาไว้ ก่อนจะเดินทางไปเช่ารถจักรยานยนต์มาใช้ แล้วรอจนพลบค่ำจึงพากันไปขุดปืนขึ้นมา โดยตนทำหน้าที่ขับจักรยานยนต์พานายทองซ้อนท้ายไปหาเถ้าแก่ที่สำนักงาน แต่ปรากฏว่าไฟปิดหมด จึงลองขับไปที่แคมป์พักของพวกโฟร์แมน เห็นไฟเปิดอยู่และมีคนเดินออกมา ตนจำได้ว่าคนคนนั้นคือนายอนันต์ ฐานสินเพิ่ม ซึ่งเป็น 1 ในกลุ่มสมุนของเถ้าแก่ที่คอยยืนคุมเชิงตนอยู่ในวันนั้น จึงได้ทำการชี้เป้าให้นายทองนำอาวุธปืนอาก้าที่ซุกอยู่ในเสื้อคลุมออกมาลั่นไกยิงใส่นายอนันต์ทันทีจำนวน 4 นัด ขณะนั้นตนเห็นนายอนันต์หงายท้องลงไปแล้วพยามยามคว่ำตัวคลานหนีตาย จึงตัดสินใจลากตัวนายทองขึ้นรถแล้วเร่งเครื่องหลบหนีออกมาจากที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทราบว่าเหยื่อกระสุนเสียชีวิตหรือไม่ จากนั้นจึงได้พากันหลบหนีกลับไปกบดานใน จ.บุรีรัมย์ เป็นเวลานานหลายเดือน

“ช่วงที่ผมหลบหนีคดีอยู่นั้นรู้สึกคิดถึงแม่ที่ไม่ได้เจอหน้ากันมากว่า 2 ปี และคิดถึงแผ่นดินบ้านเกิดใน จ.สุราษฎร์ธานี มาก ครั้นจะเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก็กลัวจะถูกอิทธิพลมืดคุกคาม และกลัวจะโดนซ้อม จึงได้โทร.หา 1133 เพื่อขอเบอร์ฝ่ายรายการตีสิบ และโทร.เข้ามาแจ้งความประสงค์ขอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจผ่านทางรายการตั้งแต่เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว โดยอยากให้ทุกคนรู้ว่าผมไม่ได้เป็นคนโหดร้าย ที่ทำไปเพราะความโกรธที่ถูกข่มเหงเท่านั้น” นายจักรพันธ์ กล่าว

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัว นางลัดดา ไกรทอง อายุ 65 ปี มารดาของนายจักรพันธ์เข้ามาในสตูดิโอขณะกำลังถ่ายทำรายการอยู่ ในทันทีที่แม่ลูกพบหน้ากัน นายจักรพันธ์ได้ก้มตัวลงกราบเท้าและเข้าไปสวมกอดผู้เป็นแม่ด้วยความดีใจ โดยนางลัดดา กล่าวว่า เพิ่งจะรู้วันนี้เหมือนกันว่าลูกชายไปก่อเหตุยิงคนมา ซึ่งก่อนหน้านี้ทราบเพียงว่าลูกชายหนีคดีขโมยรถเท่านั้น อย่างไรก็ตาม รู้สึกดีใจที่ลูกชายจะเข้ามอบตัวชดใช้กรรมที่ก่อขึ้น จะได้กลับตัวกลับใจออกมาเป็นคนดี และมีโอกาสกลับไปอยู่กับแม่ที่บ้านเหมือนเดิม

ด้าน พ.ต.อ.ชาญ กล่าวว่า หลังจากเดินทางมารับตัวนายจักรพันธ์ ผู้ต้องหาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตนก็จะนำไปควบคุมที่ห้องขัง สน.ท่าข้าม ก่อนเป็นเวลา 1 คืน และจะประสานพนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี มารับตัวไปดำเนินคดีในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ (1 ก.ค.) สำหรับโทษที่นายจักรพันธ์จะได้รับนั้นยังเบากว่าความผิดฐานฆ่าคนตายเจ้าตัวยังมีโอกาสกลับตัวกลับใจไม่ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ อีกแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนถือว่าเจตนาของผู้ต้องหาที่ติดต่อขอเข้ามอบตัวผ่านรายการโทรทัศน์เป็นเรื่องที่ดี เพราะถือเป็นแบบอย่างที่ดีต่อผู้กระทำผิดรายอื่นด้วย
นางลัดดา ไกรทอง อายุ 65 ปี มารดา ของนายจักรพันธ์เข้าพบลูกในรายการ

พ.ต.อ.ชาญ แก้วทาไม้ ผกก.สน.ท่าข้ามพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่รายการตีสิบเพื่อควบคุมตัวผู้ต้องหา
เจ้าหน้าที่ตำรวจคสบคุมตัวนายจักรพันธ์ไปที่ สน.ท่าข้าม
กำลังโหลดความคิดเห็น