“สุรพล” ได้ยกพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ “สุจินดา-จำลอง” เมื่อ 20 พ.ค.2535 นำก่อนการแถลงข่าวประเมินสถานการณ์การชุมนุมพันธมิตรฯ พร้อมยันไม่สลายการชุมนุม แต่จะปกป้องทำเนียบรัฐบาลสุดความสามารถ ห้ามบุกรุกเด็ดขาด และจับตากลุ่มมือที่ 3 แทรกแซง
วันนี้ (21 มิ.ย.) เมื่อเวลา 12.30 น. พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก ตร. แถลงภายหลังพล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 ร่วมหารือประเมินสถานการณ์พร้อมปรับเปลี่ยนแผนรักษาความสงบเรียบร้อยการชุมนุม หลังกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเคลื่อนขบวนมาปักหลักบริเวณ หน้าทำเนียบรัฐบาล พร้อมวางมาตรการดูแลความปลอดภัยจัดกำลังตำรวจทุกหน่วยตรึงกำลังดูแลเต็มที่ห้ามไม่ให้มีการบุกรุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลและป้องกันมือที่สามเข้ามาแทรกแซงก่อความไม่สงบเรียบร้อย
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า หลังจากผ่านความตรึงเครียดของกลุ่มผู้ชุมนุมตั้งแต่ช่วงเวลา 12.00-16.00 น.ท่ามกลางความโล่งใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สื่อมวลชน ประชาชนที่เฝ้าติดตามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะนำไปสู่วิกฤตของชาติอีกครั้งหนึ่งหรือไม่ แต่จากการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการกำชับจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ให้ใช้คามละมุนละม่อมในการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งเหตุการณ์ผ่านไปได้ด้วยดี แต่ก็ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ คือ ส.ต.ต.หญิง พรพิรุณ โตกำจร ผบ.หมู่ บก.สอ.บช.ตชด. ค่ายนเรศวร แขนขวาหัก จ.ส.ต.พจนา แก้วเกษศรี ผบ.หมู่ บก.สอ.บช.ตชด. ค่ายนเรศวร ข้อศอกซ้ายแตก จ.ส.ต.คมสัน ศรีคำ ผบ.หมู่ ป. สน.บางนา และ จ.ส.ต.ศราวุธ เลิศพร ผบ.หมู่ ป. สน.ลุมพินี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย รวมถึงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอีกจำนวนหนึ่งซึ่งส่วนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว จากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบันทึกไว้เองและนักข่าวบันทึกไว้ รวมถึงสอบปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งหลังจากรวบรวมพยานหลักฐานพร้อมสมบูรณ์จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวต่อว่า ส่วนการจราจรนั้นว่า เส้นผ่านจากผ่านฟ้าได้เปิดการจราจรแล้วตั้งแต่ 08.30 น. ส่วนแยกยมราชนั้น ขาเข้าปิดทั้งหมด ส่วนขาออกวิ่งมาจากนครสวรรค์มาแยกนางเลิ้งออกไปยมราชได้ สำหรับถนนราชดำเนินนอก จากแยก จรป.วิ่งมาถึงแยกพระบรมรูปได้ตั้งแต่ 3 ทุ่มเศษคืนวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ส่วนถนนพระราม 5 นั้น ปิดตั้งแต่แยกวัดเบญจมบพิตร ถึงแยกพาณิชยการ แต่หากการชุมนุมยืดเยื้อไปถึงวันที่ 23 มิ.ย.นี้ จะมีผลกระทบต่อโรงเรียนราชวินิตมัธยม และวิทยาเขตพาณิชยการพระนคร นักเรียนจะเดินทางไม่สะดวกเพราะกลุ่มผู้ชุมนุมปิดอยู่ และการจราจรจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างได้ เพราะรถที่ลงด่วนยมราชมาจะตรงไปแยกนางเลิ้งไม่ได้ ซึ่งในส่วนนี้ได้มีความพยายามในการเจรจากับแกนนำเพื่อเปิดการจราจรบางส่วน
รองโฆษก ตร.ยังกล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้ทางกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ตั้งเวทีเพียงเวทีเดียวที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ มีการหันป้ายเข้าหาทำเนียบรัฐบาลแต่หันเวทีมาทางแยกมิสกวัน ซึ่งจริงๆ แล้วผิดกฎหมายเพราะสิทธิการชุมนุมต้องไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ที่ผ่านมาด้วยความห่วงใยไม่อยากที่จะให้กลุ่มผู้ชุมนุมมาอยู่หน้าทำเนียบฯ เนื่องจากเป็นหน้าตาของประเทศ ไม่ใช่เพียงหน้าตาของรัฐบาลอย่างเดียว ซึ่งแม้แกนนำจะมีการประกาศว่าจะไม่มีการรุกล้ำเข้าไปในทำเนียบฯ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่วางใจได้มีการวางกำลังพร้อมอาวุธทุกอย่างที่มีในสาระบบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฉะนั้นหากมีการฝ่าฝืนเข้าไปเป็นการผิดกฎหมายชัดเจนเจ้าหน้าที่ปกปักรักษาทำเนียบฯ ซึ่งเป็นทรัพย์สินของประเทศจะดูแลความสงบเรียบร้อยอย่างสุดความสามารถ
พล.ต.ต.สุรพล ยังกล่าวต่อว่า ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่นั้นขณะนี้ไม่มีความจำเป็นที่ต้องสกัดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุมมายังทำเนียบฯ จึงได้มีการปรับลดกำลังลงครึ่งหนึ่ง และยืนยันว่าจะไม่มีการสลายการชุมนุมอย่างเด็ดขาด แต่ สิ่งที่ตำรวจห่วงใยตั้งแต่ต้นที่มีการสกัดกั้นไปยังทำเนียบ คือไม่อยากให้มีการกระทำใดๆ ให้เป็นการรบกวนหรือขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ราชการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตั้งด่านตรวจรถเพราะว่าเป็นการละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคลซึ่งถือว่าเป็นสิทธิต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือขอความกรุณาอย่าใช้ลำโพงหรือชี้หน้าต่อว่าข้าราชการผู้หนึ่งผู้ผู้ใดในทำเนียบรัฐบาล อย่างเช่นเดียวกับที่กระทำที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อนข้าราชการก็เป็นมนุษย์มีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ และได้รับรองตามรัฐธรรมนูญทุกคน การที่ท่านเอาลำโพงหันเข้าและนิ้วชี้ไปที่บุคคลนั้นแล้วไล่ประหนึ่งเขาไม่ใช่มนุษย์ เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำและไม่อยากให้เกิดขึ้นซ้ำอีก
“ผมรับมาได้หลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นการพูดว่าใครด่าใคร แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อข้าราชการกระทรวงต่างประเทศซึ่งผมก็ไม่รู้จักว่าเขาเป็นใครและผมคิดว่าคนที่ทำก็ไม่รู้จักว่าเขาเหล่านั้นเป็นใคร ซึ่งเขาอาจเป็นข้าราชการซึ่งอาจมาทำหน้าที่ของเขาและไม่ได้มีความเคียดแค้นต่อกันมา เพราะฉะนั้นต้องให้เกียรติเขาในฐานะมนุษย์คนหนึ่งเช่นกัน อีกทั้งการนำภาพดังกล่าวมาฉายซ้ำบนเวทีผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่พึงกระทำเป็นอย่างยิ่งเพราะเขาก็เป็นคนหนึ่งและไม่ได้เข้ามาล่วงล้ำการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ แต่อย่างใด”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการแถลงข่าว พล.ต.ต.สุรพล ได้นำพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแก่ พล.อ.สุจินดา คราประยูร และ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2535 ความตอนหนึ่งว่า ประเทศของเรา ไม่ใช่ประเทศของหนึ่งคนสองคน เป็นประเทศของทุกคน เข้าหากันไม่เผชิญหน้ากันแก้ไขปัญหา เพราะปัญหามีอยู่ที่เวลาเกิดจะใช้คำว่าบ้าเลือด เวลาคนมีการปฏิบัติรุนแรงมันลืมตัว ลงท้ายเขาไม่รู้ว่าตีกันเพราะอะไร แล้วก็จะแก้ปัญหาอะไร เพียงแต่ว่าจะต้องเอาชนะ แล้วก็ใครจะชนะ ไม่มีทาง อันตรายทั้งนั้น มีแต่แพ้ คือต่างคนต่างแพ้ ผู้ที่เผชิญหน้าก็แพ้ แล้วที่แพ้ที่สุดก็คือประเทศชาติ ประชาชนจะเป็นประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่ประชาชน เฉพาะในกรุงเทพมหานคร ถ้าสมมติว่า เฉพาะในกรุงเทพมหานครเสียหายไป ประเทศก็เสียหายไปทั้งหมด แล้วก็จะมีประโยชน์อะไรที่จะทะนงตัวว่าชนะ เวลาอยู่บนกองซากปรักหักพัง
วันนี้ (21 มิ.ย.) เมื่อเวลา 12.30 น. พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก ตร. แถลงภายหลังพล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 ร่วมหารือประเมินสถานการณ์พร้อมปรับเปลี่ยนแผนรักษาความสงบเรียบร้อยการชุมนุม หลังกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเคลื่อนขบวนมาปักหลักบริเวณ หน้าทำเนียบรัฐบาล พร้อมวางมาตรการดูแลความปลอดภัยจัดกำลังตำรวจทุกหน่วยตรึงกำลังดูแลเต็มที่ห้ามไม่ให้มีการบุกรุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลและป้องกันมือที่สามเข้ามาแทรกแซงก่อความไม่สงบเรียบร้อย
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า หลังจากผ่านความตรึงเครียดของกลุ่มผู้ชุมนุมตั้งแต่ช่วงเวลา 12.00-16.00 น.ท่ามกลางความโล่งใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สื่อมวลชน ประชาชนที่เฝ้าติดตามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะนำไปสู่วิกฤตของชาติอีกครั้งหนึ่งหรือไม่ แต่จากการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการกำชับจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ให้ใช้คามละมุนละม่อมในการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งเหตุการณ์ผ่านไปได้ด้วยดี แต่ก็ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ คือ ส.ต.ต.หญิง พรพิรุณ โตกำจร ผบ.หมู่ บก.สอ.บช.ตชด. ค่ายนเรศวร แขนขวาหัก จ.ส.ต.พจนา แก้วเกษศรี ผบ.หมู่ บก.สอ.บช.ตชด. ค่ายนเรศวร ข้อศอกซ้ายแตก จ.ส.ต.คมสัน ศรีคำ ผบ.หมู่ ป. สน.บางนา และ จ.ส.ต.ศราวุธ เลิศพร ผบ.หมู่ ป. สน.ลุมพินี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย รวมถึงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอีกจำนวนหนึ่งซึ่งส่วนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว จากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบันทึกไว้เองและนักข่าวบันทึกไว้ รวมถึงสอบปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งหลังจากรวบรวมพยานหลักฐานพร้อมสมบูรณ์จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวต่อว่า ส่วนการจราจรนั้นว่า เส้นผ่านจากผ่านฟ้าได้เปิดการจราจรแล้วตั้งแต่ 08.30 น. ส่วนแยกยมราชนั้น ขาเข้าปิดทั้งหมด ส่วนขาออกวิ่งมาจากนครสวรรค์มาแยกนางเลิ้งออกไปยมราชได้ สำหรับถนนราชดำเนินนอก จากแยก จรป.วิ่งมาถึงแยกพระบรมรูปได้ตั้งแต่ 3 ทุ่มเศษคืนวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ส่วนถนนพระราม 5 นั้น ปิดตั้งแต่แยกวัดเบญจมบพิตร ถึงแยกพาณิชยการ แต่หากการชุมนุมยืดเยื้อไปถึงวันที่ 23 มิ.ย.นี้ จะมีผลกระทบต่อโรงเรียนราชวินิตมัธยม และวิทยาเขตพาณิชยการพระนคร นักเรียนจะเดินทางไม่สะดวกเพราะกลุ่มผู้ชุมนุมปิดอยู่ และการจราจรจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างได้ เพราะรถที่ลงด่วนยมราชมาจะตรงไปแยกนางเลิ้งไม่ได้ ซึ่งในส่วนนี้ได้มีความพยายามในการเจรจากับแกนนำเพื่อเปิดการจราจรบางส่วน
รองโฆษก ตร.ยังกล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้ทางกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ตั้งเวทีเพียงเวทีเดียวที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ มีการหันป้ายเข้าหาทำเนียบรัฐบาลแต่หันเวทีมาทางแยกมิสกวัน ซึ่งจริงๆ แล้วผิดกฎหมายเพราะสิทธิการชุมนุมต้องไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ที่ผ่านมาด้วยความห่วงใยไม่อยากที่จะให้กลุ่มผู้ชุมนุมมาอยู่หน้าทำเนียบฯ เนื่องจากเป็นหน้าตาของประเทศ ไม่ใช่เพียงหน้าตาของรัฐบาลอย่างเดียว ซึ่งแม้แกนนำจะมีการประกาศว่าจะไม่มีการรุกล้ำเข้าไปในทำเนียบฯ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่วางใจได้มีการวางกำลังพร้อมอาวุธทุกอย่างที่มีในสาระบบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฉะนั้นหากมีการฝ่าฝืนเข้าไปเป็นการผิดกฎหมายชัดเจนเจ้าหน้าที่ปกปักรักษาทำเนียบฯ ซึ่งเป็นทรัพย์สินของประเทศจะดูแลความสงบเรียบร้อยอย่างสุดความสามารถ
พล.ต.ต.สุรพล ยังกล่าวต่อว่า ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่นั้นขณะนี้ไม่มีความจำเป็นที่ต้องสกัดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุมมายังทำเนียบฯ จึงได้มีการปรับลดกำลังลงครึ่งหนึ่ง และยืนยันว่าจะไม่มีการสลายการชุมนุมอย่างเด็ดขาด แต่ สิ่งที่ตำรวจห่วงใยตั้งแต่ต้นที่มีการสกัดกั้นไปยังทำเนียบ คือไม่อยากให้มีการกระทำใดๆ ให้เป็นการรบกวนหรือขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ราชการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตั้งด่านตรวจรถเพราะว่าเป็นการละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคลซึ่งถือว่าเป็นสิทธิต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือขอความกรุณาอย่าใช้ลำโพงหรือชี้หน้าต่อว่าข้าราชการผู้หนึ่งผู้ผู้ใดในทำเนียบรัฐบาล อย่างเช่นเดียวกับที่กระทำที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อนข้าราชการก็เป็นมนุษย์มีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ และได้รับรองตามรัฐธรรมนูญทุกคน การที่ท่านเอาลำโพงหันเข้าและนิ้วชี้ไปที่บุคคลนั้นแล้วไล่ประหนึ่งเขาไม่ใช่มนุษย์ เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำและไม่อยากให้เกิดขึ้นซ้ำอีก
“ผมรับมาได้หลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นการพูดว่าใครด่าใคร แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อข้าราชการกระทรวงต่างประเทศซึ่งผมก็ไม่รู้จักว่าเขาเป็นใครและผมคิดว่าคนที่ทำก็ไม่รู้จักว่าเขาเหล่านั้นเป็นใคร ซึ่งเขาอาจเป็นข้าราชการซึ่งอาจมาทำหน้าที่ของเขาและไม่ได้มีความเคียดแค้นต่อกันมา เพราะฉะนั้นต้องให้เกียรติเขาในฐานะมนุษย์คนหนึ่งเช่นกัน อีกทั้งการนำภาพดังกล่าวมาฉายซ้ำบนเวทีผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่พึงกระทำเป็นอย่างยิ่งเพราะเขาก็เป็นคนหนึ่งและไม่ได้เข้ามาล่วงล้ำการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ แต่อย่างใด”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการแถลงข่าว พล.ต.ต.สุรพล ได้นำพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแก่ พล.อ.สุจินดา คราประยูร และ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2535 ความตอนหนึ่งว่า ประเทศของเรา ไม่ใช่ประเทศของหนึ่งคนสองคน เป็นประเทศของทุกคน เข้าหากันไม่เผชิญหน้ากันแก้ไขปัญหา เพราะปัญหามีอยู่ที่เวลาเกิดจะใช้คำว่าบ้าเลือด เวลาคนมีการปฏิบัติรุนแรงมันลืมตัว ลงท้ายเขาไม่รู้ว่าตีกันเพราะอะไร แล้วก็จะแก้ปัญหาอะไร เพียงแต่ว่าจะต้องเอาชนะ แล้วก็ใครจะชนะ ไม่มีทาง อันตรายทั้งนั้น มีแต่แพ้ คือต่างคนต่างแพ้ ผู้ที่เผชิญหน้าก็แพ้ แล้วที่แพ้ที่สุดก็คือประเทศชาติ ประชาชนจะเป็นประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่ประชาชน เฉพาะในกรุงเทพมหานคร ถ้าสมมติว่า เฉพาะในกรุงเทพมหานครเสียหายไป ประเทศก็เสียหายไปทั้งหมด แล้วก็จะมีประโยชน์อะไรที่จะทะนงตัวว่าชนะ เวลาอยู่บนกองซากปรักหักพัง