“พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” ยืนยันจะไม่ใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม พร้อมกำชับตำรวจให้อดทน อย่าอ่อนไหวต่อสิ่งยั่วยุ ขณะที่ “อัศวิน” พูดชัด ว่าจะไม่มีการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม แต่หากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้นก็เป็นหน้าที่ของแกนนำทั้ง 5 คนที่จะเข้าสลายการชุมนุมกันเอง
วันนี้ (20 มิ.ย.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศยุทธการ 9 ทัพบุกทำเนียบรัฐบาล เวลา 13.00 น.วันนี้ว่า ได้กำชับไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายว่า ไม่ให้ใช้กำลังในการปราบปรามหรือสลายการชุมนุมโดยเด็ดขาด ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทนอดกลั้น อย่าอ่อนไหวต่อสิ่งยั่วยุต่างๆ อันจะนำไปสู่ความรุนแรง
ทั้งนี้ เบื้องต้นกลุ่มผู้ชุมนุมมีสิทธิชุมนุมชอบด้วยกฎหมาย โดยปราศจากอาวุธ และชุมนุมอย่างสงบ แต่ผู้ชุมนุมก็ต้องระมัดระวังในเรื่องละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทำหน้าที่คุ้มครองเสรีภาพของประชาชนให้พ้นจากการล่วงละเมิด หากพบกลุ่มผู้ชุมนุมล่วงละเมิดก็จะต้องถูกนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องปิดการจราจรบริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล ซึ่งอาจจะกระทบต่อการเดินทางของประชาชนที่จะใช้เส้นทางดังกล่าว เพื่อป้องกันปัญหาที่จะบานปลายออกไป
ด้าน พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้สื่อข่าวรายงานช่วงเช้า ได้เดินทางมายังศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า สะพานมัฆวานรังสรรค์ เพื่อดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันจะไม่มีการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม และหากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น ก็เป็นหน้าที่ของแกนนำทั้ง 5 คน ที่จะเข้าสลายการชุมนุมกันเอง
อย่างไรก็ตาม ได้วิงวอนกลุ่มผู้ชุมนุมว่า บ้านเมืองประเทศไทยนั้นบอบช้ำมามากพอแล้ว และเสียหายมามากพอ ปัญหาการเมืองควรจะแก้ไขกันที่สภา ไม่ใช่ข้างถนน
พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดเตรียมกำลังซักซ้อมรองรับสถานการณ์ความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างการเคลื่อนขบวนของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่จะไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ อาทิ การชุมนุมยืดเยื้อและเกิดไฟดับ รวมทั้งความรุนแรงที่เกิดขึ้นหากมีการปาระเบิดน้ำมันก๊าดขว้างใส่กัน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่ประมาทโดดเด็ดขาด และก็เป็นไปตามนโยบายของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงขึ้น
ทั้งนี้ มีรายงานว่าชุดสืบสวนหาข่าวกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ได้มีการกระจายกำลังกันลงพื้นที่แฝงตัวปะปนอยู่กับผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มต่อต้าน รวมทั้งจุดอื่นๆ เพื่อเฝ้าระวังติดตามข่าวด้านมวลชน ที่เดินทางเข้าร่วมกับทั้งสองกลุ่ม และเฝ้าระวังมือที่ 3 ที่อาจฉกฉวยโอกาสสร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้น
นอกจากนั้น เมื่อเวลา 06.00 น.พระสงฆ์จำนวน 20 รูป จากวัดเบญจมบพิตร ได้เดินทางมาขอบิณฑบาตจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้สันติ และใช้ความอดทนอดกลั้นในการดูแลรักษาความปลอดภัยการชุมนุมในวันนี้
ส่วนบรรยากาศบริเวณทำเนียบรัฐบาล เจ้าหน้าที่คุมเข้ม ซึ่งมีการตั้งแผงเหล็กกั้นตั้งแต่แยกยมราช โดยอนุญาตให้รถสามารถผ่านเข้ามาได้ แต่เมื่อถึงแยกนางเลิ้ง รถทุกประเภทไม่สามารถมุ่งหน้าสู่ถนนพิษณุโลกได้ ส่วนอีกฝั่งมีการปิดถนนตั้งแต่แยกอู่ทอง ซึ่งการรักษาความปลอดภัยครั้งนี้ตำรวจใช้กำลัง 12 กองร้อย หรือประมาณ 1,800 นาย ตั้งด่านสกัด 9 จุด มีตำรวจระดับรองผู้บังคับการควบคุมทุกจุด
ขณะเดียวกัน มีการระดมกำลังตำรวจ ตชด. คอมมานโด สันติบาล และตำรวจจากทั่วประเทศสลับสับเปลี่ยน มีคำสั่งให้ตำรวจทุกนายปลดเครื่องหมายยศ ขณะที่กรุงเทพมหานคร จัดรถดับเพลิง จำนวน 5 คัน ทั้งยังมีรถส่งตัวผู้ต้องขัง เพื่อใช้ลำเลียงตำรวจ และผู้ต้องหากว่า 60 คัน และมีคำสั่งให้ตำรวจทุกนายในทำเนียบรัฐบาลใส่เครื่องแบบปฏิบัติงาน
ส่วนบรรยากาศภายในทำเนียบรัฐบาลค่อนข้างเงียบเหงา มีข้าราชการบางคนมาเซ็นชื่อแล้วเดินทางกลับบ้าน ขณะที่ ธนาคาร ไปรษณีย์ ที่อยู่ภายในทำเนียบ ปิดครึ่งวัน
วันนี้ (20 มิ.ย.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศยุทธการ 9 ทัพบุกทำเนียบรัฐบาล เวลา 13.00 น.วันนี้ว่า ได้กำชับไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายว่า ไม่ให้ใช้กำลังในการปราบปรามหรือสลายการชุมนุมโดยเด็ดขาด ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทนอดกลั้น อย่าอ่อนไหวต่อสิ่งยั่วยุต่างๆ อันจะนำไปสู่ความรุนแรง
ทั้งนี้ เบื้องต้นกลุ่มผู้ชุมนุมมีสิทธิชุมนุมชอบด้วยกฎหมาย โดยปราศจากอาวุธ และชุมนุมอย่างสงบ แต่ผู้ชุมนุมก็ต้องระมัดระวังในเรื่องละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทำหน้าที่คุ้มครองเสรีภาพของประชาชนให้พ้นจากการล่วงละเมิด หากพบกลุ่มผู้ชุมนุมล่วงละเมิดก็จะต้องถูกนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องปิดการจราจรบริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล ซึ่งอาจจะกระทบต่อการเดินทางของประชาชนที่จะใช้เส้นทางดังกล่าว เพื่อป้องกันปัญหาที่จะบานปลายออกไป
ด้าน พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้สื่อข่าวรายงานช่วงเช้า ได้เดินทางมายังศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า สะพานมัฆวานรังสรรค์ เพื่อดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันจะไม่มีการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม และหากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น ก็เป็นหน้าที่ของแกนนำทั้ง 5 คน ที่จะเข้าสลายการชุมนุมกันเอง
อย่างไรก็ตาม ได้วิงวอนกลุ่มผู้ชุมนุมว่า บ้านเมืองประเทศไทยนั้นบอบช้ำมามากพอแล้ว และเสียหายมามากพอ ปัญหาการเมืองควรจะแก้ไขกันที่สภา ไม่ใช่ข้างถนน
พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดเตรียมกำลังซักซ้อมรองรับสถานการณ์ความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างการเคลื่อนขบวนของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่จะไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ อาทิ การชุมนุมยืดเยื้อและเกิดไฟดับ รวมทั้งความรุนแรงที่เกิดขึ้นหากมีการปาระเบิดน้ำมันก๊าดขว้างใส่กัน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่ประมาทโดดเด็ดขาด และก็เป็นไปตามนโยบายของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงขึ้น
ทั้งนี้ มีรายงานว่าชุดสืบสวนหาข่าวกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ได้มีการกระจายกำลังกันลงพื้นที่แฝงตัวปะปนอยู่กับผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มต่อต้าน รวมทั้งจุดอื่นๆ เพื่อเฝ้าระวังติดตามข่าวด้านมวลชน ที่เดินทางเข้าร่วมกับทั้งสองกลุ่ม และเฝ้าระวังมือที่ 3 ที่อาจฉกฉวยโอกาสสร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้น
นอกจากนั้น เมื่อเวลา 06.00 น.พระสงฆ์จำนวน 20 รูป จากวัดเบญจมบพิตร ได้เดินทางมาขอบิณฑบาตจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้สันติ และใช้ความอดทนอดกลั้นในการดูแลรักษาความปลอดภัยการชุมนุมในวันนี้
ส่วนบรรยากาศบริเวณทำเนียบรัฐบาล เจ้าหน้าที่คุมเข้ม ซึ่งมีการตั้งแผงเหล็กกั้นตั้งแต่แยกยมราช โดยอนุญาตให้รถสามารถผ่านเข้ามาได้ แต่เมื่อถึงแยกนางเลิ้ง รถทุกประเภทไม่สามารถมุ่งหน้าสู่ถนนพิษณุโลกได้ ส่วนอีกฝั่งมีการปิดถนนตั้งแต่แยกอู่ทอง ซึ่งการรักษาความปลอดภัยครั้งนี้ตำรวจใช้กำลัง 12 กองร้อย หรือประมาณ 1,800 นาย ตั้งด่านสกัด 9 จุด มีตำรวจระดับรองผู้บังคับการควบคุมทุกจุด
ขณะเดียวกัน มีการระดมกำลังตำรวจ ตชด. คอมมานโด สันติบาล และตำรวจจากทั่วประเทศสลับสับเปลี่ยน มีคำสั่งให้ตำรวจทุกนายปลดเครื่องหมายยศ ขณะที่กรุงเทพมหานคร จัดรถดับเพลิง จำนวน 5 คัน ทั้งยังมีรถส่งตัวผู้ต้องขัง เพื่อใช้ลำเลียงตำรวจ และผู้ต้องหากว่า 60 คัน และมีคำสั่งให้ตำรวจทุกนายในทำเนียบรัฐบาลใส่เครื่องแบบปฏิบัติงาน
ส่วนบรรยากาศภายในทำเนียบรัฐบาลค่อนข้างเงียบเหงา มีข้าราชการบางคนมาเซ็นชื่อแล้วเดินทางกลับบ้าน ขณะที่ ธนาคาร ไปรษณีย์ ที่อยู่ภายในทำเนียบ ปิดครึ่งวัน
