คณะกรรมการติดตามการชุมนุมพันธมิตรฯ ประโคมข่าว “จำลอง” กำลังจะพาคนไปตายรอบ 2 งัดสารพัดตำราหวังสลายพันธมิตรฯ ให้ได้ ประกาศแตกหักหากบุกทำเนียบเจอดีแน่ จวก “หมอประเวศ” สร้างวัฒนธรรมที่ผิด ฐานกล่าวหา “แม้ว” เป็นภัยต่อชาติ
วันนี้ (18 มิ.ย.) ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง พร้อมด้วย นายสุนัย จุลพงศธร และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ คณะกรรมการติดตามและวิเคราะห์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ของพรรคพลังประชาชน แถลงถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรฯ ประกาศบุกทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 20 มิ.ย.โดย นายสุทิน กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ใช้ชาวบ้านเป็นเหยื่อของสถานการณ์ โดยยอมให้มีการเลือดตกยางออกสัก 2-3 คนแล้ว ก็ใช้เป็นเงื่อนไขในการขยายผลต่อ คำพูดที่เคยพูดกันว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ พาคนไปตายนั้น วันนี้ก็อาจจะมีการนำวิธีการดังกล่าวกลับมาใช้อีก
ด้าน นายจตุพร กล่าวว่า การประกาศจุดแตกหักของกลุ่มพันธมิตรฯ ในวันที่ 20 มิ.ย.นั้น ที่ผ่านมากลุ่มพันธมิตรฯใช้วิธีการซักซ้อมโดยเคลื่อนไหวไปจุดต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมในการบุกยึดทำเนียบรัฐบาล หากกลุ่มพันธมิตรฯ ใช้วิธีการให้ประชาชนของกลุ่มพันธมิตรฯมาชุมนุมกันโดยต่างคนต่างมา ระดมกันมา แล้วจากนั้นไปรวมกันที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนที่จะไหลไปรวมกันที่สะพานมัฆวาน เท่ากับเป็นการทลายด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สะพานมัฆวานทันทีอย่างง่ายดาย
นายจตุพร กล่าวต่อว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมาหากปล่อยให้กลุ่มพันธมิตรฯ ดำเนินการดังกล่าวได้โดยง่าย รัฐบาลจะป้องกันทำเนียบเอาไว้ไม่ได้ และจะทำให้ไม่สามารถบริหารงานต่อไปได้ เท่ากับเป็นจุดจบของรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจและรัฐบาลต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อรองรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น เพราะทุกวันนี้คนที่มาร่วมชุมนุมน้อยลงทุกวัน การที่จะเพิ่มจำนวนผู้มาชุมนุมได้ ก็คือ การปะทะ ซึ่งตนมองว่ากระบวนการต่างๆ ของกลุ่มพันธมิตรฯน่าจะเริ่มตั้งแต่คืนวันที่ 19 มิ.ย.ด้วยซ้ำ
“เราคงไม่เรียกร้องไปที่กลุ่มพันธมิตรฯ แต่ขอเรียกร้องไปที่รัฐบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจว่า หากปล่อยให้ปิดทำเนียบได้ นั่นคือ จุดจบของรัฐบาลทันที จึงต้องใช้ทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้ง ที่ผ่านมาเราถอยสุดซอยแล้ว แต่การยึดทำเนียบรัฐบาลรัฐบาลจะยอมไม่ได้ เพราะเท่ากับเป็นจุดจบของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งทันที” นายจตุพร กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ระบุว่าเป้าหมายของกลุ่มพันธมิตรฯ คือ ต้องการให้เกิดความรุนแรง แต่การประกาศใช้ทุกวิถีทางหยุดกลุ่มพันธมิตรฯ จะเป็นการเข้าทางกลุ่มพันธมิตรฯหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า เป้าหมายของกลุ่มพันธมิตรฯ คือ ต้องการให้เกิดความรุนแรง ซึ่งที่สะพานมัฆวานนั้น ไม่เคยมีเหตุการณ์ที่ดำเนินการอย่างรุนแรงเกิดขึ้น มีเพียงการไปแจ้งความดำเนินคดี แต่เป้าประสงค์ของกลุ่มพันธมิตรฯ คือ ต้องการให้แตกหัก รัฐบาลจึงไม่มีทางอื่น แต่แน่นอนว่าจะต้องลดการปะทะในทุกวิถีทางด้วยเช่นกัน
ขณะที่ นายสุนัย กล่าวว่า รัฐบาลอดทนมามากแล้ว ถ้าหากกลุ่มพันธมิตรฯ อยู่ที่สะพานมัฆวานฯ ก็จะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น แต่การที่ออกมาบอกว่าจะบุกทำเนียบ ถือเป็นการสร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรงขึ้น
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่ นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เขียนบทความชื่อ “ถอนเสี้ยนออกจากเนื้อ เพื่อสมานฉันท์ได้” โดยเปรียบวิกฤตการณ์ทางการเมืองไทยเหมือน “เนื้อที่มีเสี้ยนตำอยู่” ทำให้สมานกันไม่ได้ ซึ่งมีใจความสรุปว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นภัยต่อชาติและสถาบัน ต้องยุติบทบาทว่า มองแล้วอาจดูเหมือนเป็นเจตนาดีต่อบ้านเมือง แต่เป็นการมองสังคมหรือวิเคราะห์กันคนละมิติ มองเพียงแค่ตัวบุคคล ไม่ได้มองเชิงระบบ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะการมองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นตัวปัญหานั้นเป็นสิ่งที่ผิด นอกจากนี้ การกระทำของ นพ.ประเวศ ยังเป็นการสร้างวัฒนธรรมที่ผิด 3 ประการขึ้นอีกด้วย คือ 1.วัฒนธรรมที่ไม่ยอมรับการเลือกตั้ง เป็นการทำลายวัฒนธรรมประชาธิปไตย 2.วัฒนธรรมละเมิดสิทธิพลเมือง และ 3.วัฒนธรรมกฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย โบ้ยปัญหาเกิดจากผู้ใหญ่ของบ้านเมืองไม่เป็นผู้ใหญ่เชิงความคิด
“ดูเหมือนหมอประเวศจะให้น้ำหนักไปที่กลุ่มพันธมิตรฯ ให้มาอยู่เหนือเชิงระบบ ซึ่งการเรียกให้ฝ่ายหนึ่งถอย เพราะมีกลุ่มหนึ่งมากดดันนั้น ผมไม่เชื่อว่าคนที่ออกมาเรียกร้องกดดันหรือเดินขบวนได้จะทำเป็นแค่ 5 คนเท่านั้น หากหมด 5 คนนี้ไปก็ยังมีคนอื่นที่มาเดินขบวนกดดันได้อีก ตรงนี้ถูกสร้างขึ้นโดยผู้ใหญ่ของบ้านเมืองที่มีต้นทุนทางสังคม อยากจะให้ใช้ต้นทุนทางสังคมที่มี โดยมองให้ออก ให้ถ่องแท้ และมองในระยะไกล ปัญหาบ้านเมืองที่เกิดขึ้นเพราะผู้ใหญ่ไม่ได้เป็นผู้ใหญ่ในเชิงความคิด เป็นผู้ใหญ่แค่อายุ ผมไม่ได้หมายความเฉพาะแค่หมอประเวศ แต่รวมถึงผู้ใหญ่ของบ้านเมืองคนอื่นๆ ด้วย เช่น ท่านอานันท์ (ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี)” นายสุทิน กล่าว
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีความขัดแย้งเขาพระวิหารว่า ตนได้พูดคุยกับนายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแล้วว่า กรณีเขาพระวิหารนั้นนายนพดลจะต้องอธิบายให้เคลียร์ คนที่ทำหน้าที่แบ่งเขตแดน คือ กรมแผนที่ทหาร ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ซึ่งหากเสียดินแดนไปจริงนายนพดลก็คงอยู่ไม่ได้เช่นกัน แต่ถ้าหากไม่มีการเสียดินแดนเกิดขึ้น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่ออกมากล่าวหาจะต้องลาออกด้วยเช่นกัน กรณีนี้หากมีการเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียวๆ ไม่ต้องรอให้ถึงกลุ่มพันธมิตรฯ เราจัดการกับนายนพดลอย่างแน่นอน
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า สำนวนหรือข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านที่ระบุความผิดของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอีก 7 คนนั้น ครอบจักรวาล กล่าวหาลอยๆ ไม่มีเรื่องทุจริต ดังนั้นในการอภิปรายเชื่อว่าจะหาเหตุผลประกอบได้น้อยมาก อีกทั้งข้อกล่าวหารัฐมนตรีทั้ง 7 คนนั้นมีความสอดคล้องกับของกลุ่มพันธมิตรฯ เหมือนคนๆเดียวกันเขียนขึ้นมา นอกจากนี้ รัฐมนตรีทั้ง 7 คนเป็นของพรรคพลังประชาชนทั้งหมด ดังนั้นข้ออ้างของฝ่ายค้านที่ว่า เพื่อเสนอแนะทางออกเพื่อแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนนั้นไม่เป็นความจริง เป็นเพียงการแยกปลาออกจากน้ำเพื่อให้เกิดการแยกขั้ว เชื่อ แค่หวังให้รัฐบาลเสียความชอบธรรม
“การยื่นญัตติขออภิปรายของฝ่ายค้านครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ คือ ตัวเชื้อโรคที่รัฐธรรมนูญฉบับ 2540 ต้องการกำจัด เพราะไม่อยากให้มีการอภิปรายพร่ำเพรื่อจนเกินไป เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 ไม่ได้เขียนตรงนี้เอาไว้ เชื้อโรคก็ออกอาละวาดทันที และผมก็เชื่อว่า ฝ่ายค้านยื่นญัตติครั้งนี้ โดยไม่หวังที่จะอภิปราย แต่หวังให้รัฐบาลเสียความชอบธรรมเมื่อออกมาปฏิเสธเท่านั้น” นายสุทิน กล่าว