โดย จอมปลวก
จะมีดินพื้นใดให้ไออุ่น เท่าผืนแผ่นดินไทย ไม่มีอีกแล้ว เราประชาชนคนไทยจะยืนหยัดต่อสู้ เพื่อความถูกต้อง ยุติธรรมในบ้านเมือง ขัดขวางยุคมืด ภายใต้อำนาจการบริหารงานของระบอบทักษิณ รัฐตำรวจ อย่างไม่ย้อท้อ ในทุกรูปแบบ
การเคลื่อนไหวออกมาต่อสู้ ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินหน้าต่อต้านกับความไม่ถูกต้อง ไม่ชอบธรรม ในการบริหารประเทศของรัฐบาลภายใต้เงา “ทักษิณ” ที่คอยเชิดหุ่นคนของพรรคพลังประชาชน ที่มี “หมัก” ผู้ชายวัย 74 ปี “สมัคร สุนทรเวช” นั่งเป็นตัวสำรองในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คอยขับเคลื่อนงานให้เป็นไปตามระบอบทักษิณ โดยไม่คำนึงถึงระบอบประชาธิปไตยแม้แต่น้อย การเดินหน้าไม่ยอมรับผลงานที่ฝ่ายรัฐบาลคอยชี้ให้เห็นถึงการทำงานในด้านเศรษฐกิจที่ล้มเหลว เช่นตัวอย่างราคาน้ำมันดีดตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง การบริหารงานด้านการเมือง ที่ส่อให้มองเห็นถึงความที่คอยโอบอุ้มพรรคพวกตัวเอง เข้าครอบงำ แทรกแซง ระบบการทำงานในราชการไทย ไม่ว่าจะเป็นการทำให้เห็นถึงความมีส่วนร่วม รู้ เห็น กับความหมิ่นเหม่ในการออกหมายจับ นายสุนัย มโนมัยอุดม ฐานหมิ่น “แม้ว” คดีปกปิดโครงสร้างหุ้นบริษัท เอสซีแอสเสท การที่ทนายอดีตนักการเมืองหิ้วถุงขนม 2 ล้านบาทเข้าไปยังศาลฎีกาช่วงที่การเมืองเข้มข้น และศาลฎีกาจะมีการพิจารณาคดีดัง 3 คดี คือ คดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ กว่า 700 ล้าน คดีใบแดงยุทธ ตู้เย็น และคดีทุจริตที่คลองด่านที่ “วัฒนา อัศวเหม” เป็นจำเลย ในต้นเดือนกรกฎาคมนี้
หากจะย้อนให้เห็นถึงการทำงานในรัฐบาลชุดปัจจุบัน ยังคงลางเลือนถึงผลงานที่เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ แต่กลับมองเห็นภาพชัดเจนในการทำงานที่กระฉับกระเฉงในการตามล่า ตามล้างตามเช็ด ใครก็ตามที่ขวางทางไม่ไหลไปตามน้ำ ต้องถูกลงโทษทางสังคม และถูกดิสเครดิตในด้านชื่อเสียง พร้อมทั้งถูกออกหมายจับเพื่อประจาน เพียงแค่สิ่งที่ฝ่ายรัฐบาลเห็นว่าหมิ่นประมาท “นายใหญ่” เท่านั้น แม้ว่าบุคคลผู้นั้น “สุนัย” ประชาชนค่อนประเทศจะรู้ว่าเป็นทองแท้ ทำงานตงฉิน ซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติก็ตาม ข้าราชการประจำอย่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้ง ตำรวจทั่วประเทศ ต้องทำตามนโยบาลที่ถูกอ้างเสมอไม่เค๊ย ไม่เคยสั่งการใดๆ ให้ตำรวจทำเล๊ย ตำรวจเค้าเห็นสิ่งไหน หรือมีหลักฐาน ข้อมูลใดที่เพียงพอจะดำเนินการก็กระทำกันเอง (มันดูทะแม่งๆ อยู่น่า) ก็ออกหมายจับเอง กะอีแค่เรื่องเท่ากระแบะมือ ทำเป็นเรื่องราวใหญ่โต ดีที่ศาลท่านปรานี และไม่เต้นตามหมายจับดังกล่าวยกหมายจับ จึงทำให้ “สุนัย” รอดตัวไป
แต่ในเรื่องที่มีทั้งหลักฐาน มีทั้งคำแปลชัดเจน ว่า กระทำการเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กลับปล่อยตัวผู้ต้องหา “เจ๊เพ็ญ” ไปโดยไม่ต้องประกันตัว อ้างมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ตามตัวมาสอบสวนได้เสมอ โถ....โถ.... นี่ละน้า ระบบการเมือง กับ ระบบราชการไทย ช่างน่าเวทนา เสียจริง
อุดมการณ์ จุดยืน และแนวทางไม่เห็นด้วยกับความไม่ถูกต้อง การที่หลายฝ่ายต้องก้มหัวรับใช้ระบอบทักษิณ ทำให้กลุ่มพันธมิตรฯ ผู้รักชาติ รักความเป็นประชาธิปไตย รักความเป็นปึกแผ่นอันเดียวกัน รวมถึงความจงรักภักดี ต่อชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ และไม่เคยคิดที่จะถอยจนก้าวเดียว กับการต่อสู้ เพื่อความถูกต้อง บนพื้นฐานของความชอบธรรม และยุติธรรมมาโดยตลอด แต่ก็ยังถูกพวกลอบกัดกระทำการในเหตุที่สร้างความวุ่นวาย และไม่ควรเกิดขึ้นกับบ้านเมืองเรา ซึ่งแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสุริยะใส กตะศิลา นายวีระ สมความคิด ก็ไม่เคยนิ่งเฉย และสะทกสะท้าน กับคำขู่เอาชีวิตแต่อย่างใด
กลุ่มมือป่วน ยังคงฮึกเหิมเกริม! สร้างความวุ่นวายอย่างต่อเนื่อง โดยได้แสดงความถ่อยกับสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการมาตลอด ซึ่งสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ (บ้านพระอาทิตย์) เคยถูกคนร้ายวางระเบิด ปาอุจจาระและวางพวงหรีดมาแล้วหลายครั้ง โดยเริ่มจากวันที่ 3 พฤศจิกายน 2548 คนร้ายลอบหย่อนระเบิดใส่ริมรั้วสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ จนได้รับความเสียหายเล็กน้อย แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ จนต้องนำตาข่ายมากั้นโดยรอบเพราะเกรงว่าจะมีผู้ไม่หวังดีปาระเบิดหรือวัตถุต้องสงสัยเข้าใส่อีก
ต่อมาวันที่ 2 ธันวาคม 2548 ช่วงกลางดึก ชายฉกรรจ์ประมาณ 3 คน ได้นำอุจจาระใส่ถุงเข้ามาปาใส่สำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการหลังเก่า ที่อยู่ข้างๆ (บ้านพระอาทิตย์) โดยหนึ่งในนั้นได้ล็อคคอเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบังคับให้อยู่เฉยๆ ก่อนที่อีกคนจะเข้าไปบรรจงละเลงอุจจาระใส่ทั้งกระจกสำนักงานและปาลงพื้นจนส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว
29 มกราคม 2549 ชายฉกรรจ์ ประมาณ 5 คน นำพวงหรีดจำนวน 2 พวงมาวางไว้ที่ด้านหน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ (บ้านพระอาทิตย์)
30 พฤษภาคม 2551 คนร้ายไม่ทราบจำนวนนั่งรถแท็กซี่ ใช้หนังสติ๊กยิงลูกแก้วใส่ป้อมยามสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการเดิม ลูกแก้วเฉี่ยวหัวเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพียงนิดเดียว โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
4 มิถุนายน 2551 คนร้ายนำกระเป๋าบรรจุนาฬิกาปลุกพันด้วยเทปพันสายไฟ และถ่านไฟฉาย วางไว้ด้านข้างสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เพื่อข่มขู่ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถจับคนร้ายหรือผู้ต้องสงสัยได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
และล่าสุด 15 มิ.ย.2551 เวลา 22.30 น. มือป่วนขับ “ฟีโน่” ปาระเบิดปิงปองหน้าบ้านพระอาทิตย์ โดยมีวัยรุ่น 2 คนนั่งจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่ ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน เมื่อผ่านมาถึงหน้าบ้านพระอาทิตย์ สำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ขว้างระเบิดปิงปองเข้าใส่บริเวณฟุตปาธหน้าบ้านพระอาทิตย์ จำนวน 2 ลูก เสียงดังสนั่น แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือทรัพย์สินได้รับความเสียหาย นอกจากเขม่าสีขาวติดอยู่ที่พื้น ขณะที่ตำรวจรุดตรวจสอบพร้อมเก็บหลักฐานและภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดหารูปพรรณสัณฐานคนร้ายมาดำเนินคดี พร้อมเบื้องต้น เชื่อแค่สร้างสถานการณ์ ดั่งที่เหตุการณ์ความไม่สงบภาคใต้ ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ก็เป็นเพียงการสร้างสถานการณ์เท่านั้น
กว่า 3 ปี ที่พวกถ่อยไม่รักชาติ ได้ทำกับสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ จะด้วยเหตุใด หรือ เป็นเพราะอะไรก็ตาม ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ซากๆ กับผู้ที่อยู่ข้างความถูกต้อง ชอบธรรม เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เคยจับกุมตัวคนร้ายมาลงโทษ หรือจับมือใครดมได้แม้แต่ครั้งเดียว แต่นิ่งเฉย และในเหตุการณ์แต่ละครั้งจะถูกอ้างเป็นการสร้างสถานการณ์ อะไรมันจะหาตัวผู้ก่อเหตุยากเย็น แสนเข็ญขนาดนั้น ทั้งที่ก็มีหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด และหลักฐานอื่นๆ ประกอบ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพรรคพวกที่ถูกขนานนามเป็นอาชญากรแผ่นดิน บุคคลสำคัญในรัฐบาล และอดีตนักการเมือง กลับไม่เคยมองข้าม ไม่เคยเงื่องหงอย เฉื่อยชา ที่จะเข้าไปดูแลใส่ใจ ซึ่งในสิ่งที่กล่าวมาก็ทำให้มองเห็นแล้วว่าการทำงานทำเพื่อสนองและรับใช้ใคร แล้วประชาชนจะอุ่นใจได้อย่างไรว่ายังมีตำรวจที่คอยพิทักษ์สันติราษฎร์ประชาชนอย่างเราๆ
ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติหันมาใส่ใจชีวิตของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนสักนิด และไม่ควรมีการเคลื่อนไหวที่จะทำงานด้วยกริยาที่ค่อยๆ เดิน ค่อยๆ คืบ ค่อยๆ คลาน กับปัญหาการสร้างความวุ่ยวายของกลุ่มป่วน มือบอนอีกต่อไป แล้วเราจะคอยรอดูโฉมหน้า คนร้ายที่ก่อเหตุกับสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และจะรอคอยดูการทำงานโฉมใหม่ของรัฐตำรวจอย่างสิ้นหวัง และไม่เคยคาดหวังต่อไป
จะมีดินพื้นใดให้ไออุ่น เท่าผืนแผ่นดินไทย ไม่มีอีกแล้ว เราประชาชนคนไทยจะยืนหยัดต่อสู้ เพื่อความถูกต้อง ยุติธรรมในบ้านเมือง ขัดขวางยุคมืด ภายใต้อำนาจการบริหารงานของระบอบทักษิณ รัฐตำรวจ อย่างไม่ย้อท้อ ในทุกรูปแบบ
การเคลื่อนไหวออกมาต่อสู้ ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินหน้าต่อต้านกับความไม่ถูกต้อง ไม่ชอบธรรม ในการบริหารประเทศของรัฐบาลภายใต้เงา “ทักษิณ” ที่คอยเชิดหุ่นคนของพรรคพลังประชาชน ที่มี “หมัก” ผู้ชายวัย 74 ปี “สมัคร สุนทรเวช” นั่งเป็นตัวสำรองในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คอยขับเคลื่อนงานให้เป็นไปตามระบอบทักษิณ โดยไม่คำนึงถึงระบอบประชาธิปไตยแม้แต่น้อย การเดินหน้าไม่ยอมรับผลงานที่ฝ่ายรัฐบาลคอยชี้ให้เห็นถึงการทำงานในด้านเศรษฐกิจที่ล้มเหลว เช่นตัวอย่างราคาน้ำมันดีดตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง การบริหารงานด้านการเมือง ที่ส่อให้มองเห็นถึงความที่คอยโอบอุ้มพรรคพวกตัวเอง เข้าครอบงำ แทรกแซง ระบบการทำงานในราชการไทย ไม่ว่าจะเป็นการทำให้เห็นถึงความมีส่วนร่วม รู้ เห็น กับความหมิ่นเหม่ในการออกหมายจับ นายสุนัย มโนมัยอุดม ฐานหมิ่น “แม้ว” คดีปกปิดโครงสร้างหุ้นบริษัท เอสซีแอสเสท การที่ทนายอดีตนักการเมืองหิ้วถุงขนม 2 ล้านบาทเข้าไปยังศาลฎีกาช่วงที่การเมืองเข้มข้น และศาลฎีกาจะมีการพิจารณาคดีดัง 3 คดี คือ คดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ กว่า 700 ล้าน คดีใบแดงยุทธ ตู้เย็น และคดีทุจริตที่คลองด่านที่ “วัฒนา อัศวเหม” เป็นจำเลย ในต้นเดือนกรกฎาคมนี้
หากจะย้อนให้เห็นถึงการทำงานในรัฐบาลชุดปัจจุบัน ยังคงลางเลือนถึงผลงานที่เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ แต่กลับมองเห็นภาพชัดเจนในการทำงานที่กระฉับกระเฉงในการตามล่า ตามล้างตามเช็ด ใครก็ตามที่ขวางทางไม่ไหลไปตามน้ำ ต้องถูกลงโทษทางสังคม และถูกดิสเครดิตในด้านชื่อเสียง พร้อมทั้งถูกออกหมายจับเพื่อประจาน เพียงแค่สิ่งที่ฝ่ายรัฐบาลเห็นว่าหมิ่นประมาท “นายใหญ่” เท่านั้น แม้ว่าบุคคลผู้นั้น “สุนัย” ประชาชนค่อนประเทศจะรู้ว่าเป็นทองแท้ ทำงานตงฉิน ซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติก็ตาม ข้าราชการประจำอย่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้ง ตำรวจทั่วประเทศ ต้องทำตามนโยบาลที่ถูกอ้างเสมอไม่เค๊ย ไม่เคยสั่งการใดๆ ให้ตำรวจทำเล๊ย ตำรวจเค้าเห็นสิ่งไหน หรือมีหลักฐาน ข้อมูลใดที่เพียงพอจะดำเนินการก็กระทำกันเอง (มันดูทะแม่งๆ อยู่น่า) ก็ออกหมายจับเอง กะอีแค่เรื่องเท่ากระแบะมือ ทำเป็นเรื่องราวใหญ่โต ดีที่ศาลท่านปรานี และไม่เต้นตามหมายจับดังกล่าวยกหมายจับ จึงทำให้ “สุนัย” รอดตัวไป
แต่ในเรื่องที่มีทั้งหลักฐาน มีทั้งคำแปลชัดเจน ว่า กระทำการเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กลับปล่อยตัวผู้ต้องหา “เจ๊เพ็ญ” ไปโดยไม่ต้องประกันตัว อ้างมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ตามตัวมาสอบสวนได้เสมอ โถ....โถ.... นี่ละน้า ระบบการเมือง กับ ระบบราชการไทย ช่างน่าเวทนา เสียจริง
อุดมการณ์ จุดยืน และแนวทางไม่เห็นด้วยกับความไม่ถูกต้อง การที่หลายฝ่ายต้องก้มหัวรับใช้ระบอบทักษิณ ทำให้กลุ่มพันธมิตรฯ ผู้รักชาติ รักความเป็นประชาธิปไตย รักความเป็นปึกแผ่นอันเดียวกัน รวมถึงความจงรักภักดี ต่อชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ และไม่เคยคิดที่จะถอยจนก้าวเดียว กับการต่อสู้ เพื่อความถูกต้อง บนพื้นฐานของความชอบธรรม และยุติธรรมมาโดยตลอด แต่ก็ยังถูกพวกลอบกัดกระทำการในเหตุที่สร้างความวุ่นวาย และไม่ควรเกิดขึ้นกับบ้านเมืองเรา ซึ่งแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสุริยะใส กตะศิลา นายวีระ สมความคิด ก็ไม่เคยนิ่งเฉย และสะทกสะท้าน กับคำขู่เอาชีวิตแต่อย่างใด
กลุ่มมือป่วน ยังคงฮึกเหิมเกริม! สร้างความวุ่นวายอย่างต่อเนื่อง โดยได้แสดงความถ่อยกับสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการมาตลอด ซึ่งสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ (บ้านพระอาทิตย์) เคยถูกคนร้ายวางระเบิด ปาอุจจาระและวางพวงหรีดมาแล้วหลายครั้ง โดยเริ่มจากวันที่ 3 พฤศจิกายน 2548 คนร้ายลอบหย่อนระเบิดใส่ริมรั้วสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ จนได้รับความเสียหายเล็กน้อย แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ จนต้องนำตาข่ายมากั้นโดยรอบเพราะเกรงว่าจะมีผู้ไม่หวังดีปาระเบิดหรือวัตถุต้องสงสัยเข้าใส่อีก
ต่อมาวันที่ 2 ธันวาคม 2548 ช่วงกลางดึก ชายฉกรรจ์ประมาณ 3 คน ได้นำอุจจาระใส่ถุงเข้ามาปาใส่สำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการหลังเก่า ที่อยู่ข้างๆ (บ้านพระอาทิตย์) โดยหนึ่งในนั้นได้ล็อคคอเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบังคับให้อยู่เฉยๆ ก่อนที่อีกคนจะเข้าไปบรรจงละเลงอุจจาระใส่ทั้งกระจกสำนักงานและปาลงพื้นจนส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว
29 มกราคม 2549 ชายฉกรรจ์ ประมาณ 5 คน นำพวงหรีดจำนวน 2 พวงมาวางไว้ที่ด้านหน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ (บ้านพระอาทิตย์)
30 พฤษภาคม 2551 คนร้ายไม่ทราบจำนวนนั่งรถแท็กซี่ ใช้หนังสติ๊กยิงลูกแก้วใส่ป้อมยามสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการเดิม ลูกแก้วเฉี่ยวหัวเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพียงนิดเดียว โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
4 มิถุนายน 2551 คนร้ายนำกระเป๋าบรรจุนาฬิกาปลุกพันด้วยเทปพันสายไฟ และถ่านไฟฉาย วางไว้ด้านข้างสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เพื่อข่มขู่ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถจับคนร้ายหรือผู้ต้องสงสัยได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
และล่าสุด 15 มิ.ย.2551 เวลา 22.30 น. มือป่วนขับ “ฟีโน่” ปาระเบิดปิงปองหน้าบ้านพระอาทิตย์ โดยมีวัยรุ่น 2 คนนั่งจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่ ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน เมื่อผ่านมาถึงหน้าบ้านพระอาทิตย์ สำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ขว้างระเบิดปิงปองเข้าใส่บริเวณฟุตปาธหน้าบ้านพระอาทิตย์ จำนวน 2 ลูก เสียงดังสนั่น แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือทรัพย์สินได้รับความเสียหาย นอกจากเขม่าสีขาวติดอยู่ที่พื้น ขณะที่ตำรวจรุดตรวจสอบพร้อมเก็บหลักฐานและภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดหารูปพรรณสัณฐานคนร้ายมาดำเนินคดี พร้อมเบื้องต้น เชื่อแค่สร้างสถานการณ์ ดั่งที่เหตุการณ์ความไม่สงบภาคใต้ ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ก็เป็นเพียงการสร้างสถานการณ์เท่านั้น
กว่า 3 ปี ที่พวกถ่อยไม่รักชาติ ได้ทำกับสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ จะด้วยเหตุใด หรือ เป็นเพราะอะไรก็ตาม ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ซากๆ กับผู้ที่อยู่ข้างความถูกต้อง ชอบธรรม เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เคยจับกุมตัวคนร้ายมาลงโทษ หรือจับมือใครดมได้แม้แต่ครั้งเดียว แต่นิ่งเฉย และในเหตุการณ์แต่ละครั้งจะถูกอ้างเป็นการสร้างสถานการณ์ อะไรมันจะหาตัวผู้ก่อเหตุยากเย็น แสนเข็ญขนาดนั้น ทั้งที่ก็มีหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด และหลักฐานอื่นๆ ประกอบ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพรรคพวกที่ถูกขนานนามเป็นอาชญากรแผ่นดิน บุคคลสำคัญในรัฐบาล และอดีตนักการเมือง กลับไม่เคยมองข้าม ไม่เคยเงื่องหงอย เฉื่อยชา ที่จะเข้าไปดูแลใส่ใจ ซึ่งในสิ่งที่กล่าวมาก็ทำให้มองเห็นแล้วว่าการทำงานทำเพื่อสนองและรับใช้ใคร แล้วประชาชนจะอุ่นใจได้อย่างไรว่ายังมีตำรวจที่คอยพิทักษ์สันติราษฎร์ประชาชนอย่างเราๆ
ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติหันมาใส่ใจชีวิตของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนสักนิด และไม่ควรมีการเคลื่อนไหวที่จะทำงานด้วยกริยาที่ค่อยๆ เดิน ค่อยๆ คืบ ค่อยๆ คลาน กับปัญหาการสร้างความวุ่ยวายของกลุ่มป่วน มือบอนอีกต่อไป แล้วเราจะคอยรอดูโฉมหน้า คนร้ายที่ก่อเหตุกับสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และจะรอคอยดูการทำงานโฉมใหม่ของรัฐตำรวจอย่างสิ้นหวัง และไม่เคยคาดหวังต่อไป