2 มือมืดลอบกัด ควบฟีโน่ขว้างระเบิดปิงปองใส่สำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เสียงดังสนั่นหวั่นไหว นักท่องเที่ยวใกล้เคียงแตกตื่น ตำรวจรุดตรวจสอบพร้อมเก็บหลักฐานและภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดหารูปพรรณสัณฐานคนร้ายมาดำเนินคดี ผกก.เชื่อแค่สร้างสถานการณ์ ก่อนหน้าเคยโดนทั้งวางระเบิด ปาอึ วางหรีด ยิงลูกแก้วใส่ แต่ตำรวจยังบ้อท่าจับมือใครดมไม่ได้
วันนี้ (15 มิ.ย.) เมื่อเวลา 22.15 น. พ.ต.ท.บรรยง แดงมั่นคง พงส. (สบ.3) รับแจ้งเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนขว้างวัตถุไม่ทราบชนิดเข้าใส่สำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ตั้งอยู่ที่บ้านพระอาทิตย์ เลขที่ 98/2-10 ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม. จนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จำนวน 2 ครั้ง จึงประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด บก.ตปพ. พร้อมรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น พร้อมรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุบริเวณริมฟุตปาธด้านหน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการห่างจากประตูทางเข้าประมาณ 5 เมตร เจ้าหน้าที่นำเชือกและรั้วเหล็กมากั้นโดยรอบพร้อมกันผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับอันตราย จากการตรวจสอบพบร่องรอยคล้ายเขม่าดินปืนเป็นวงรัศมีประมาณ 10 เซนติเมตร จำนวน 2 จุดห่างกันประมาณ 10 เมตร ส่วนพื้นที่โดยรอบพบเศษพลาสติกสีเหลืองแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย คาดว่าจะเป็นชิ้นส่วนลูกปิงปอง จึงเก็บรวบไว้เป็นหลักฐาน
นายวรรัฐ ภูษาทอง พนักงานเอเอสทีวี กล่าวว่า ตนได้นั่งรับประทานอาหารอยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ เห็นวัยรุ่นชาย 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์ฟีโน่ แต่ไม่ทราบสี ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน และไม่เห็นการแต่งกาย ขว้างวัตถุต้องสงสัยเข้าใส่สำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ แต่ติดตาข่ายที่ขึงกั้นไว้โดยรอบจนตกลงพื้นเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว และเกิดควันลอยคละคลุ้ง จำนวน 2 ครั้ง และขี่รถจักรยานยนต์ดังกล่าวหลบหนีมุ่งหน้าไปทางสะพานพระปิ่นเกล้า โดยขณะเกิดเหตุผู้ที่มาเที่ยวบริเวณร้านอาหารใกล้ที่เกิดเหตุต่างตกใจแตกตื่น วิ่งหนีกระเจิง
ต่อมา พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 พ.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบก.จร. ช่วยราชการสำนักงาน ผบช.น. พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐ์ผล ผกก.สน.ชนะสงคราม เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กก.สส.น.1 ร่วมเดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ และเข้าตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งด้านหน้าบ้านพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และหน้าบ้านเจ้าพระยา ที่ตั้งสำนักงานสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี พบว่าที่เวลา 22.13 น. สามารถจับภาพผู้ต้องสงสัยเป็นชายวัยรุ่น 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ฟีโน่ สีฟ้า แต่หมายเลขทะเบียนยังเห็นไม่ชัดเจน คนขี่รูปร่างเล็ก คนซ้อนท้ายรูปร่างอ้วน ทั้งคู่สวมหมวกนิรภัยแบบเต็มใบ ขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมาจากบริเวณป้อมพระสุเมรุ มุ่งหน้าสะพานพระปิ่นเกล้า เมื่อผ่านมายังหน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ชายที่ซ้อนท้ายได้ขว้างวัตถุต้องสงสัยมาที่สำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการจำนวน 2 ครั้ง จากนั้นก็ขับรถหลบหนีมุ่งหน้าไปยังสะพานพระปิ่นเกล้าทันที หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำหลักฐานทั้งหมดพร้อมภาพจากโทรทัศน์วงจรปิดทั้ง 2 ตัวไปตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อหารูปพรรณสัณฐานคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
พ.ต.อ.รังสรรค์ กล่าวว่า จาการตรวจสอบเบื้องต้นรวมถึงเศษชิ้นส่วนที่พบในจุดเกิดเหตุ ทราบว่าระเบิดดังกล่าวน่าจะเป็นระเบิดปิงปองที่เพียงต้องการให้เกิดเสียงดังเท่านั้น และเชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์จากผู้ที่ไม่หวังดี ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อหารูปพรรณสัณฐานของคนร้าย และตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวต่อไป
ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์ผู้จัดการเคยถูกคนร้ายวางระเบิด ปาอุจจาระ และวางพวงหรีดมาแล้วหลายครั้ง โดยเริ่มจากวันที่ 3 พฤศจิกายน 2548 คนร้ายลอบหย่อนระเบิดใส่ริมรั้วสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ จนได้รับความเสียหายเล็กน้อยโดยไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ จนต้องนำตาข่ายมากั้นโดยรอบเพราะเกรงว่าจะมีผู้ไม่หวังดีปาระเบิดหรือวัตถุต้องสงสัยเข้าใส่อีก
ต่อมาวันที่ 2 ธันวาคม 2548 ช่วงกลางดึก ชายฉกรรจ์ประมาณ 3 คน ได้นำอุจจาระใส่ถุงเข้ามาปาใส่สำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการหลังเก่า โดยหนึ่งในนั้นได้ล็อครอเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบังคับให้อยู่เฉยๆ ก่อนที่อีกคนจะเข้าไปบรรจงละเลงอุจจาระใส่ทั้งกระจกสำนักงานและปาลงพื้นจนส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว
29 มกราคม 2549 ชายฉกรรจ์ ประมาณ 5 คน นำพวงหรีดจำนวน 2 พวงมาวางไว้ที่ด้านหน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการเดิม
30 พฤษภาคม 2551 คนร้ายไม่ทราบจำนวนนั่งรถแท็กซี่ ใช้หนังสติ๊กยิงลูกแก้วใส่ป้อมยามสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการเดิม ลูกแก้วเฉี่ยวใบหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพียงนิดเดียว โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
และครั้งล่าสุด คือ วันที่ 4 มิถุนายน 2551 คนร้ายนำกระเป๋าบรรจุนาฬิกาปลุกพันด้วยเทปพันสายไฟ และถ่านไฟฉาย วางไว้ด้านข้างสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการเพื่อข่มขู่ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถจับคนร้ายหรือผู้ต้องสงสัยได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว