ตร.ยังเดินหน้ารับใช้ระบอบทักษิณ ระบุคดี “จักรภพ” หมิ่นเบื้องสูง ต้องใช้ความรอบคอบก่อนส่งให้ “วงกต” เพื่อนแม้ว ชี้ขาดคดีในระดับ ตร. ส่วนคดีกองปราบฯ ออกหมายเรียก คตส.ยันเป็นไปตามขั้นตอนการสอบสวน ลั่นหากยังขัดขืน อาจเสนอออกหมายจับ
วันนี้ (12 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ก.ในฐานะรองโฆษก ตร. กล่าวถึงการดำเนินคดีนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพว่า ขั้นตอนในระดับ ตร. คณะกรรมการพิจารณาของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) จะต้องส่งเรื่องมาให้กับคณะกรรมการในระดับ ตร.ซึ่งมี พล.ต.อ.วงกต มณีริณทร์ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายกฎหมายและสอบสวนเป็นประธานดูหลักฐานพยานที่รวบรวมมาได้กรั่นกรองว่ามีความเห็นอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขั้นตอนการพิจารณาคดีจะต้องใช้ระยะเวลานานหรือไม่ รองโฆษก ตร.กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญและละเอียดอ่อนที่จะต้องพิจารณาจึงไม่สามารถระบุได้ว่าจะใช้เวลาเท่าไร แต่คงใช้เวลาไม่นานเป็นไปตามขั้นตอนความเหมาะสม
พล.ต.ต.สุรพล ยังกล่าวถึงกรณีที่นายจักรภพเข้ารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามว่า พนักงานสอบสวนจะต้องสอบปากคำและรวบรวมเป็นหลักฐานเพื่อเข้าคณะกรรมการพิจารณาในระดับ บช.ก.พิจารณาลงความเห็นก่อนเพื่อเสนอคณะกรรมการระดับ ตร.พิจารณาความผิดอีกครั้ง
พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง ยังเปิดเผยถึงการออกหมายเรียกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ หรือ คตส.ในข้อหาหมิ่นประมาท และกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญาว่า ตำรวจต้องดำเนินการตามขั้นตอนการสอบสวนเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนในการออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหามาพบเพื่อนำไปสู่กระบวนการยุติธรรมที่เปิดโอกาสให้แสดงความบริสุทธิ์โดยการมาให้ปากคำพนักงานสอบสวน อย่างไรก็ตาม การออกหมายเรียกพนักงานสอบสวนต้องอาศัยอำนาจตามกฎหมายอาญาโดยต้องเห็นว่ามีหลักฐานอันสมควรว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิด
ผู้สื่อข่าวถามว่า หาก คตส.ไม่เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกถือว่ามีความผิดหรือไม่ พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า กรณีที่มีหมายเรียกหากไม่มาตามกฎหมายให้สันนิษฐานว่าผู้นั้นขัดขืน ก็อาจนำไปสู่การออกหมายจับขึ้นอยู่กับสถานการณ์เป็นดุลพินิจของศาลที่จะพิจารณาจากข้อมูลที่พนักงานสอบสวนเสนอไป แม้ว่าระเบียบจะไม่ได้กำหนดว่าจะต้องออกหมายเรียกกี่ครั้ง แต่ปกติจะออกหมายเรียก 2-3 ครั้งหากไม่มีการติดต่อมาเลย หรือปฏิเสธ ก็เป็นหน้าที่พนักงานสอบสวนนำข้อมูลเสนอศาล ก็ขึ้นกับดุลพินิจของศาลว่าเจตนาขัดขืนและสมควรออกหมายจับหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า สิ้นเดือนนี้ คตส.หมดวาระการทำงานสามรถดำเนินคดีต่อได้หรือไม่ รอง โฆษก ตร.กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นความผิดส่วนตัวแม้ คตส.จะหมดวาระการทำงานก็สามารถดำเนินคดีได้แต่หหากมีการตกลงพูดคุยกับผู้เสียหายได้คดีก็จบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร.เป็นเพื่อนร่วมรุ่นนรต.26 รุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยอดีตที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เรืองอำนาจ เขาคือนายตำรวจที่มักจะคอยเสริมพลังผลักดันความต้องการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมฤทธิ์ผล อีกทั้งยังเป็นสามีของนางสิริกร มณีรินทร์ อดีตเหรัญญิกพรรคไทยรักไทย และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งมีความใกล้ชิดกับตระกูลชินวัตรเป็นอันมาก
วันนี้ (12 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ก.ในฐานะรองโฆษก ตร. กล่าวถึงการดำเนินคดีนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพว่า ขั้นตอนในระดับ ตร. คณะกรรมการพิจารณาของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) จะต้องส่งเรื่องมาให้กับคณะกรรมการในระดับ ตร.ซึ่งมี พล.ต.อ.วงกต มณีริณทร์ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายกฎหมายและสอบสวนเป็นประธานดูหลักฐานพยานที่รวบรวมมาได้กรั่นกรองว่ามีความเห็นอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขั้นตอนการพิจารณาคดีจะต้องใช้ระยะเวลานานหรือไม่ รองโฆษก ตร.กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญและละเอียดอ่อนที่จะต้องพิจารณาจึงไม่สามารถระบุได้ว่าจะใช้เวลาเท่าไร แต่คงใช้เวลาไม่นานเป็นไปตามขั้นตอนความเหมาะสม
พล.ต.ต.สุรพล ยังกล่าวถึงกรณีที่นายจักรภพเข้ารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามว่า พนักงานสอบสวนจะต้องสอบปากคำและรวบรวมเป็นหลักฐานเพื่อเข้าคณะกรรมการพิจารณาในระดับ บช.ก.พิจารณาลงความเห็นก่อนเพื่อเสนอคณะกรรมการระดับ ตร.พิจารณาความผิดอีกครั้ง
พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง ยังเปิดเผยถึงการออกหมายเรียกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ หรือ คตส.ในข้อหาหมิ่นประมาท และกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญาว่า ตำรวจต้องดำเนินการตามขั้นตอนการสอบสวนเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนในการออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหามาพบเพื่อนำไปสู่กระบวนการยุติธรรมที่เปิดโอกาสให้แสดงความบริสุทธิ์โดยการมาให้ปากคำพนักงานสอบสวน อย่างไรก็ตาม การออกหมายเรียกพนักงานสอบสวนต้องอาศัยอำนาจตามกฎหมายอาญาโดยต้องเห็นว่ามีหลักฐานอันสมควรว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิด
ผู้สื่อข่าวถามว่า หาก คตส.ไม่เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกถือว่ามีความผิดหรือไม่ พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า กรณีที่มีหมายเรียกหากไม่มาตามกฎหมายให้สันนิษฐานว่าผู้นั้นขัดขืน ก็อาจนำไปสู่การออกหมายจับขึ้นอยู่กับสถานการณ์เป็นดุลพินิจของศาลที่จะพิจารณาจากข้อมูลที่พนักงานสอบสวนเสนอไป แม้ว่าระเบียบจะไม่ได้กำหนดว่าจะต้องออกหมายเรียกกี่ครั้ง แต่ปกติจะออกหมายเรียก 2-3 ครั้งหากไม่มีการติดต่อมาเลย หรือปฏิเสธ ก็เป็นหน้าที่พนักงานสอบสวนนำข้อมูลเสนอศาล ก็ขึ้นกับดุลพินิจของศาลว่าเจตนาขัดขืนและสมควรออกหมายจับหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า สิ้นเดือนนี้ คตส.หมดวาระการทำงานสามรถดำเนินคดีต่อได้หรือไม่ รอง โฆษก ตร.กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นความผิดส่วนตัวแม้ คตส.จะหมดวาระการทำงานก็สามารถดำเนินคดีได้แต่หหากมีการตกลงพูดคุยกับผู้เสียหายได้คดีก็จบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร.เป็นเพื่อนร่วมรุ่นนรต.26 รุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยอดีตที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เรืองอำนาจ เขาคือนายตำรวจที่มักจะคอยเสริมพลังผลักดันความต้องการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมฤทธิ์ผล อีกทั้งยังเป็นสามีของนางสิริกร มณีรินทร์ อดีตเหรัญญิกพรรคไทยรักไทย และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งมีความใกล้ชิดกับตระกูลชินวัตรเป็นอันมาก