รมว.ยุติธรรม ไม่แคร์คนมองการเมืองครอบงำดีเอสไอ แต่จะเดินหน้าสานฝันงานให้เป็นระบบ พร้อมเชิญอดีตอธิบดีดีเอสไอร่วมถกระดมความคิดเห็นแนวทางปรับโครงสร้างองค์กร แต่ไร้เงา “สุนัย” ร่วมสังฆกรรม ปัดไม่รู้ไม่เห็นการออกหมายจับ “สุนัย” หมิ่น “นายใหญ่” คดีเอสซีฯ อ้างเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่อยากเข้าไปก้าวก่าย ขณะที่ “นพดล สมบูรณ์ทรัพย์” ลั่น DSI ต้องมีศักดิ์ศรี มองหมายจับ “สุนัย” เป็นเรื่องทุเรศ เป็นการจ้องทำลายชื่อเสียงและทำให้อับอายมากกว่า
วันนี้ (6 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่โรงแรมมิราเคิล นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดโครงการสัมมนาและระดมความคิดเห็นปรับปรุงโครงสร้างกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยเชิญอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มาร่วมในการสัมมนาครั้งนี้ด้วย อาทิ เช่น พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดี
นายสมพงษ์ กล่าวว่า การประชุมปรับโครงสร้างกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพราะตอนนี้อัตรากำลังกระจาย ไม่เป็นระบบ และเชื่อว่าการเชิญอดีตอธิบดีดีเอสไอ มาร่วมสัมมาและแสดงความคิดเห็นในครั้งนี้จะได้ข้อสรุปว่าดีเอสไอในอนาคตจะเป็นอย่างไร นอกจากนี้ยังมีการเสนอแนวทางการทำงานอย่างบูรณาการกับหน่วยงานอื่นเพื่อประสิทธิภาพของงาน ซึ่งเจนตนาของการก่อตั้งดีเอสไอกฎหมายได้กำหนดเจตนาชัดเจน หากใครคิดว่าเป็นเรื่องการเมืองก็แล้วแต่คนจะคิด เป็นหน้าที่ของภาครัฐที่ต้องแสดงผลงาน แสดงความเป็นธรรมให้ประชาชนเห็นถึงบทบาทหน้าการทำงานของดีเอสไอ
“หากคิดว่าดีเอสไอเป็นเครื่องมือของระบบการเมืองก็จะเกิดขึ้นกับทุกฝ่ายที่เข้ามาเป็นรัฐบาล คนไหนไม่ใช่รัฐบาลก็จะเสียเปรียบ แต่อย่าลืมข้อเท็จจริงเรื่องความเป็นธรรม และคาดว่าดีเอสไอจะปรับเปลี่ยนอีกครั้งใน 4-5 เดือน”
นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับคดีการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร ประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม ดีเอสไอยังทำอย่างต่อเนื่อง ส่วนหลักฐานที่คาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับคดีทนายสมชาย ทางพนักงานสอบกำลังตรวจสอบความชัดเจน ดีเอสไอพยายามเร่งทำคดีที่สำคัญหลายคดีทั้งคดีฆ่าอุปทูตซาอุดีอาระเบีย
ผู้สื่อข่าวถามว่า การประชุมครั้งนี้เชิญนายสุนัย มโนมัยอุดุม อดีตอธิบดีดีเอสไอหรือไม่ นายสมพงษ์ กล่าวว่า ทางดีเอสไอทำหนังสือเชิญไปแล้ว แต่นายสุนัยแจ้งว่าติดภารกิจ และไม่ได้กลัวว่าจะถูกออกหมายจับ เพราะทางกระทรวงยุติธรรมประสานไปยังพนักงานสอบสวนเรียบร้อยแล้ว และคดีหมิ่นประมาทเป็นคดีเล็กน้อย อีกทั้งนายสุนัยพร้อมจะไปให้การ ส่วนข้อผิดพลาดการประสานงานระหว่างตำรวจและกระทรวงยุติธรรม เรื่องการออกหมายจับตนไม่ทราบเรื่อง เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นการฟ้องร้องส่วนตัว และไม่อยากก้าวล่วงมารยาทของใคร
นายสมพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายสุนัยส่งหนังสือไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่าถูกออกหมายจับโดยไม่ชอบว่า ตนมองเป็นเรื่องถูกต้อง สามารถทำได้
ด้าน พล.ต.อ.นพดล กล่าวว่า ดีเอสไอต้องอยู่อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี การขอออกหมายจับนายสุนัย ตนมองว่ามันเป็นเรื่องทุเรศ เพราะการออกหมายจับส่วนใหญ่จะออกหมายจับกับบุคคลที่ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ดังนั้น มีวิธีการอีกหลายอย่างที่จะนำมาใช้ไม่ใช่วิธีแบบนี้ คาดว่าเป็นเรื่องการทำลายความน่าเชื่อถือ สร้างความเสียหายอับอายให้นายสุนัยมากกว่า
“สุนัย” ชำแหละการเมืองแทรกแซง DSI
“กิตติพงษ์” ยันคดี “สุนัย” หมิ่น “แม้ว” ต้องเป็นธรรมทุกฝ่าย
ตร.ไม่จับ “สุนัย” หลังประสานจะเข้าพบพนักงานสอบด้วยตัวเอง
วันนี้ (6 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่โรงแรมมิราเคิล นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดโครงการสัมมนาและระดมความคิดเห็นปรับปรุงโครงสร้างกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยเชิญอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มาร่วมในการสัมมนาครั้งนี้ด้วย อาทิ เช่น พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดี
นายสมพงษ์ กล่าวว่า การประชุมปรับโครงสร้างกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพราะตอนนี้อัตรากำลังกระจาย ไม่เป็นระบบ และเชื่อว่าการเชิญอดีตอธิบดีดีเอสไอ มาร่วมสัมมาและแสดงความคิดเห็นในครั้งนี้จะได้ข้อสรุปว่าดีเอสไอในอนาคตจะเป็นอย่างไร นอกจากนี้ยังมีการเสนอแนวทางการทำงานอย่างบูรณาการกับหน่วยงานอื่นเพื่อประสิทธิภาพของงาน ซึ่งเจนตนาของการก่อตั้งดีเอสไอกฎหมายได้กำหนดเจตนาชัดเจน หากใครคิดว่าเป็นเรื่องการเมืองก็แล้วแต่คนจะคิด เป็นหน้าที่ของภาครัฐที่ต้องแสดงผลงาน แสดงความเป็นธรรมให้ประชาชนเห็นถึงบทบาทหน้าการทำงานของดีเอสไอ
“หากคิดว่าดีเอสไอเป็นเครื่องมือของระบบการเมืองก็จะเกิดขึ้นกับทุกฝ่ายที่เข้ามาเป็นรัฐบาล คนไหนไม่ใช่รัฐบาลก็จะเสียเปรียบ แต่อย่าลืมข้อเท็จจริงเรื่องความเป็นธรรม และคาดว่าดีเอสไอจะปรับเปลี่ยนอีกครั้งใน 4-5 เดือน”
นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับคดีการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร ประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม ดีเอสไอยังทำอย่างต่อเนื่อง ส่วนหลักฐานที่คาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับคดีทนายสมชาย ทางพนักงานสอบกำลังตรวจสอบความชัดเจน ดีเอสไอพยายามเร่งทำคดีที่สำคัญหลายคดีทั้งคดีฆ่าอุปทูตซาอุดีอาระเบีย
ผู้สื่อข่าวถามว่า การประชุมครั้งนี้เชิญนายสุนัย มโนมัยอุดุม อดีตอธิบดีดีเอสไอหรือไม่ นายสมพงษ์ กล่าวว่า ทางดีเอสไอทำหนังสือเชิญไปแล้ว แต่นายสุนัยแจ้งว่าติดภารกิจ และไม่ได้กลัวว่าจะถูกออกหมายจับ เพราะทางกระทรวงยุติธรรมประสานไปยังพนักงานสอบสวนเรียบร้อยแล้ว และคดีหมิ่นประมาทเป็นคดีเล็กน้อย อีกทั้งนายสุนัยพร้อมจะไปให้การ ส่วนข้อผิดพลาดการประสานงานระหว่างตำรวจและกระทรวงยุติธรรม เรื่องการออกหมายจับตนไม่ทราบเรื่อง เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นการฟ้องร้องส่วนตัว และไม่อยากก้าวล่วงมารยาทของใคร
นายสมพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายสุนัยส่งหนังสือไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่าถูกออกหมายจับโดยไม่ชอบว่า ตนมองเป็นเรื่องถูกต้อง สามารถทำได้
ด้าน พล.ต.อ.นพดล กล่าวว่า ดีเอสไอต้องอยู่อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี การขอออกหมายจับนายสุนัย ตนมองว่ามันเป็นเรื่องทุเรศ เพราะการออกหมายจับส่วนใหญ่จะออกหมายจับกับบุคคลที่ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ดังนั้น มีวิธีการอีกหลายอย่างที่จะนำมาใช้ไม่ใช่วิธีแบบนี้ คาดว่าเป็นเรื่องการทำลายความน่าเชื่อถือ สร้างความเสียหายอับอายให้นายสุนัยมากกว่า
“สุนัย” ชำแหละการเมืองแทรกแซง DSI
“กิตติพงษ์” ยันคดี “สุนัย” หมิ่น “แม้ว” ต้องเป็นธรรมทุกฝ่าย
ตร.ไม่จับ “สุนัย” หลังประสานจะเข้าพบพนักงานสอบด้วยตัวเอง
