xs
xsm
sm
md
lg

อดสูสีกากี “อำนวย” อาจตายตามรอย “โอ๋ สืบ 6”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

“การที่จะให้ตำรวจทำอะไรตามใจใครนั้น คงเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง คงไม่มีใครในโลกที่ทำอะไรไม่ผิดพลาดเลย หากเห็นว่า ที่ผ่านมา เป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็พร้อมยอมรับและแก้ไข เพราะคนที่ไม่เคยทำอะไรผิดพลาดเลยนั้น คือ คนที่ไม่เคยทำอะไรเลย”

นั่นคือ คำพูดของ...พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ที่ได้ออกมาแสดงอาการปกป้อง พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) หลังจากถูกสื่อถามกรณีนายวีระ สมความคิด ยื่นเรื่องให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.สอบสวนเอาผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีปล่อยให้กลุ่มต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เข้ามาทำร้ายระหว่างเคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มุ่งหน้าสะพานมัฆวานรังสรรค์ เมื่อคืนวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา

คำพูดที่ว่า “คนที่ไม่เคยทำอะไรผิดพลาดเลยนั้น คือ คนที่ไม่เคยทำอะไรเลย” ตามที่ พล.ต.ท.อัศวิน นำมาเปรียบเทียบ ถือว่า ใช่ และ ถูกต้อง...แต่ในเมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ กินเงินภาษีของประชาชน หลายร้อยนาย ต่างยืนมองหน้าตาเฉย เมื่อเห็น กลุ่มคนเถื่อน ใช้พฤติกรรมเถื่อน ร่วมทำความผิดซึ่งหน้า รุมทำร้ายประชาชน ผู้บริสุทธิ์ โดยที่ ผู้บังคับบัญชาสูงสุด ณ ขณะนี้ คือ “พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน” ยืนมองหน้าตาเฉย เหมือนกับว่า กลุ่มคนที่ก่อเหตุ มีบุคคลสำคัญในรัฐบาลนี้ สนันสนุนอยู่ ทำให้ตำรวจตาขาว อย่าง “พล.ต.ต.อำนวย” จึงมิกล้าแตะต้อง หรือทำการจับกุมบุคคลเหล่านั้น...นี่หรือ คือ สิ่งที่ตำรวจทำถูกต้องแล้ว...ท่านอัศวิน

จากเหตุการณ์อันป่าเถื่อนในวันนั้น มาวันนี้...วันเวลา ผ่านมาร่วม 11 วันเต็ม คำวิพากษ์ วิจารณ์ต่อผลงานอันสุดห่วยของนายตำรวจที่มีดีกรีเป็นถึง “ผู้บังคับการ” ผู้มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน และดูแลความสงบสุขให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง เขาไม่ได้กระทำ หรือ ควรทำตามที่ควรจะเป็น

วันนี้ การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กำลังดำเนินอยู่ต่อไป โดยยึดหลัก “อหิงสา” มุ่งให้ความรู้กับประชาชน ผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย โดย พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน คือ นายตำรวจลำดับต้นๆ ที่ถูกนำมากล่าวขานบนเวทีพันธมิตรฯ ในแทบทุกวัน...ขณะที่ พล.ต.ต.อำนวย กลับเมินเฉย และผู้เป็นนายอย่าง “พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง” ได้ออกมาปกป้องรายวัน

และเพื่อรู้จักนายตำรวจที่ชื่อ “อำนวย นิ่มมะโน” ให้มากกว่านี้ ว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน ทำไมจึงกล้าหาญละเว้นจับกุมผู้กระทำความผิดซึ่งหน้า ปล่อยให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ถูกทำร้ายอันป่าเถื่อน เหมือนกับบ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป

โดยประวัติชีวิต ....พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2498 ที่ ต.บ่อยาง อ.เมือง จ.สงขลา จบชั้น ป.7 จากโรงเรียนเทศบาล 1 (ถนนนครนอก) ต.บ่อยาง อ.เมือง จ.สงขลา เมื่อปี 2511 จากนั้นเข้าเรียนระดับมัธยมที่โรงเรียนมหาวชิราวุธ ต.บ่อยาง อ.เมือง จ.สงขลา จนจบการศึกษาระดับ ม.ศ.5 ก่อนที่จะมาเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ สามพราน จ.นครปฐม รุ่นที่ 31 จนสำเร็จการศึกษา ในปี 2521 โดยเข้ารับราชการครั้งแรก ยศ ว่าที่ร้อยตรี

มีเพื่อนร่วมรุ่นที่รู้จักกันอย่างดี เช่น พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ รอง จเรตำรวจ (สบ7)พล.ต.ต.เรืองศักดิ์ จริตเอก รองผู้บัญชาการประจำฯ และ รองโฆษก ตร. พล.ต.ต.ฉัตรกนก เขียวแสงส่อง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.พินิต มณีรัตน์ รองผบก.ปค.รร.นรต.

พล.ต.ต.อำนวย เมื่อครั้งยังเรียนในโรงเรียนนายร้อยสามพราน มีผลการเรียนดีมาโดยตลอด ผลการสอบไล่ได้อันดับต้นๆ เป็นรองเพียง พล.ต.ท.พงศพัศ เท่านั้น พล.ต.ต.อำนวย เป็นผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะขยับไปเป็น ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 กระทั่ง พล.ต.ต.ธนะโรจน์ วงศ์สมบูรณ์เดช อดีต ผบก.น.1 หรือชื่อเดิม พล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบูรณ์ ที่ถูก ป.ป.ช.สั่งฟ้องคดีปล่อยม็อบแม้วรุมสกรัมกลุ่มพันธมิตรฯหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ขอกลับมารับราชการอีกครั้งแต่ เรื่องยังไม่ผ่าน พล.ต.ต.อำนวย มือปราบกระท่อม ขยับมานั่งเก้าอี้ ผบก.น.1 แทน

โดยบุคลิก พล.ต.ต.อำนวย เป็นคนชอบสั่งสอน เป็นผู้มีความรู้ด้านกฎหมาย แต่การบริหารบุคคล ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ จึงไม่ค่อยเป็นที่ชอบ ของผู้ใต้บังคับบัญชาเท่าใด เป็นคนโผงผางไม่เข้าใจลูกน้อง จนมีข่าวลือว่า ช่วงที่ย้ายจากตำแหน่ง ผบก.น.2 ไปเป็น ผบก.น.3 มีการรวมตัวของผู้ใต้บังคับบัญชา จุดประทัดไล่ หรือจุดประทัดฉลองก็มิทราบ

ขณะที่เสียงสะท้อนจาก ผู้ใต้บังคับบัญชา ที่ได้รับความอึดอัดจากการสั่งการของ พล.ต.ต.อำนวย เมื่อครั้งยังนั่งเก้าอี้ ผบก.น.2 เกือบสองปี เท่าที่รู้นั้น นายตำรวจเกือบทุกนาย เฝ้าภาวนาให้ย้ายออกไปอย่างเร่งด่วน เพราะนโยบายการทำงานนั้น หากมองในการทำงานตำรวจถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่เร่งรัดการทำงานอย่างต่อเนื่อง แต่เป็นการกดดันลูกน้อง เพราะตัวเลขสถิติ ต้องได้ตามที่ต้องการ โดยไม่สนใจวิธีการ จึงเป็นการทำงานที่หวังเพียงเอาหน้า เอาผลงานเท่านั้น ไม่สนใจ ไม่เหลี่ยวแล สารทุกข์ สุขดิบ ของผู้ใต้บังคับบัญชา

เมื่อผู้ใต้บังคับบัญชา ทำงานไม่ได้ตามเป้า มักเรียกมา “จวก” อยู่ร่ำไป ที่ผ่านมานั้น การสั่งงานมีเพียงพระเดช ไม่มีพระคุณ ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเลย สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนคงเป็น ตำแหน่ง ร.ต.อ. ที่ทำหน้าที่นายเวรผู้บังคับการนั้น กลับไม่มี มีเพียง พ.ต.ท.มานะ เผาะช่วย พงส.(สบ3) สน.สุทธิสาร และ พ.ต.ท.นครินทร์ สุคนธวิช รอง ผกก.ฝอ.อก.บก.น.2 ทำหน้าที่เหมือนนายเวรที่ออกตัวแทนนายตลอด จนเคยเกิดเรื่องบาดหมางกับสื่อ โดยการทำตัวเป็นทัพหน้า แม้สื่อต้องการที่จะสอบถามประเด็นข่าว กลับถูกสกัดด้วยการให้นัดหมายล่วงหน้า จนถูกแบนในการทำข่าวไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง

ส่วนรถประจำตำแหน่ง ผบก.น.1 นั้นเป็นรถนิสสัน เซฟิโร่ ใช้มาตั้งแต่ สมัย พล.ต.ต.คงเดช ชูศรี เป็น ผบก.น.1 แต่เมื่อ พล.ต.ต.อำนวย นั่งเก้าอี้ในตำแหน่งนี้ ไม่เลือกที่จะใช้รถคันดังกล่าว แต่กลับนำรถตู้ ที่ใช้ในกิจการส่วนรวมของ บก.น.1 มาใช้เป็นรถประจำตำแหน่งแทน

การเข้ารับตำแหน่ง พื้นที่ บก.น.1 นั้น ถือเป็นพื้นที่ทำเลทองของนครบาล แต่ก็ต้องรับมือกับสารพัดปัญหาม็อบ ที่จำเป็นต้องแก้ปัญหาด้วยความละมุนละม่อม แต่สิ่งที่ พล.ต.ต.อำนวย แสดงให้เห็นนั้น กลับไม่เป็นการใช้ความละมุนละม่อม แต่กลับเลือกที่จะนิ่งเฉยกรณีม็อบต้านกรูเข้าทำร้ายกลุ่มพันธมิตรฯ ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ขณะเคลื่อนขบวนมายังทำเนียบรัฐบาล ท้ายขบวนก็ยังถูกกลุ่มต้านเข้าทำร้าย โดยที่ไม่มีตำรวจภายใต้การสั่งการ ของ พล.ต.ต.อำนวย เข้าห้ามปรามแต่อย่างใด ซ้ำร้ายเมื่อครั้งถัดมาที่กลุ่มพันธมิตรฯ ชุมนุมอยู่ที่ สะพานมัฆวาน วันที่ 26 พฤษภาคม ขณะที่กำลังเปิดเทปการปราศรัย ของ นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมาคมนักเรียนไทยในสหรัฐฯ นั้น มีการเปิดเพลงดังจนกลบเสียงของการเปิดเทปจนสร้างความไม่พอใจแก่กลุ่มพันธมิตรฯเป็นอย่างมาก

แต่สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนจากการสั่งการของ พล.ต.ต.อำนวย เมื่อครั้งการสัมมนา ครั้งที่ 2 ของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ห้องประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขณะที่ฝ่ายต้านพยายามก่อความวุ่นวาย โดยอ้างว่ามีกลุ่มพันธมิตรฯ ยิงลูกแก้วเข้าใส่จากประตูฝั่งหอประชุมเล็ก จนเกิดการท้าทายหวิดปะทะ ขณะนั้น พล.ต.ต.วัจจนนท์ ถิระวัฒน์ รอง ผบช.น.ที่ยืนสั่งการอยู่ที่จุดเกิดเหตุให้ พล.ต.ต.อำนวย สั่งให้ลูกน้องกันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากแนวรั้ว แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง สร้างความไม่พอใจ จน พล.ต.ต.วัจจนนท์ ถึงขั้นหัวเสีย ก่อนที่จะบอกออกไปว่า ถ้าสั่งไม่ได้ เดี๋ยวจะเป็นคนสั่งการเอง จน พล.ต.ต.อำนวย ต้องวิทยุเรียกลูกน้องเป็นพัลวัน

สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นคงเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นแล้วว่าการสั่งการของ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 ปัจจุบัน หากเปรียบเทียบ กับ พล.ต.ต.ปราโมช ปทุมวงศ์ ผบก.น.9 เมื่อครั้งที่นั่งเก้าอี้ ผบก.น.1 ที่ทำหน้าที่สั่งการม็อบพันธมิตรฯนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง

และเมื่อประวัติการเรียนดี แต่การบริหารบุคคลผิดพลาด จึงอยากขอสกิดเตือน “พล.ต.ต.อำนวย” ด้วยความหวังดีอย่างยิ่ง ว่า หากคุณทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และแสดงพฤติกรรมเอาใจรัฐบาลมากเกินเหตุ อนาคตในเวลาอันใกล้นี้ คุณอาจจะเดินตามรอย“พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา หรือ พ.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ หรือโอ๋ สืบ 6”ที่วันนี้ นายตำรวจผู้รับใช้ทักษิณ ในวันนั้น เขาไม่มีโอกาสกลับเข้าสู่ชีวิตตำรวจได้อีกต่อไป

จากเหตุสร้างผลงานอันย่ำแย่ ด้วยการกระทำความผิดฐานเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาหรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญา กระทำการ หรือไม่กระทำการอย่างใด ๆในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบเพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดไม่ให้ต้องโทษหรือรับโทษน้อยลง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 200, 83 และ 90

จากกรณีเมื่อวันที่ 21 ส.ค.2549 เวลากลางวัน ขณะเกิดเหตุจำเลยเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา หรือจัดการให้เป็นไปตามกฎหมายอาญา มีหน้าที่แสวงหาข้อเท็จจริงแต่กลับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยสั่งการให้ นายจรัญ จงอ่อน นายชัยสิทธิ์ ลอม๊ะห์ นายสุเมธ บุญยรัตพันธุ์ เข้าไปรุมทำร้ายและจับกุมตัว นายฤทธิรงค์ ลิขิตประเสริฐกุล กับ นายวิชัย เอื้อปิยาพันธุ์ ซึ่งเป็นกลุ่มประชาชนที่ตะโกนขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และยังละเว้นไม่ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีต่อผู้ที่รุมทำร้ายประชาชนที่ตะโกนขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ เหตุเกิดที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พลาซา แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กทม.

โดยผลแห่งการกระทำต่อมาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดทางวินัย กับจำเลย ฐานจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบ ฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ฐานกระทำการหรือละเว้นกระทำการใดๆ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ทางราชการอย่างร้ายแรง ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ม.79(2) (5) (9) และมีมติให้ส่งเรื่องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการตามวินัย ตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 92 (ไล่ออกจากราชการ) พร้อมกับส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด ดำเนินคดีอาญา ตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 97

ล่าสุด เขาได้รับโทษทางอาญา อีกมูลฐานความผิด โดยศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิด ให้จำคุก 2 ปี ปรับ 10,000 บาท แต่ศาลเห็นควรปรานีให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้มีกำหนด 2 ปี และถือเป็นบทเรียนแห่งความผิดพลาดครั้งสำคัญที่สุดที่"โอ๋ สืบ 6"ต้องจดจำไปตลอดชีวิต ส่วน พล.ต.ต.อำนวย จะเดินตามรอยอีกหรือไม่ ถือว่า หลักฐานและมูลฐานความผิด ใกล้เคียงกันยิ่งนัก...

ส่วนบทสรุปสุดท้าย ป.ป.ช.จะชี้มูลออกมาอย่างไร ...เร็วๆ นี้ “อำนวย นิ่มมะโน” รู้ชะตากรรมแน่นอน!!!

พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1
พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา
ม็อบถ่อยที่ขว้างปาสิ่งของทั้งไม้ ขวด ใส่พันธมิตร บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ม็อบถ่อยที่ขว้างปาสิ่งของทั้งไม้ ขวด ใส่พันธมิตร บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ม็อบถ่อยที่ขว้างปาสิ่งของทั้งไม้ ขวด ใส่พันธมิตร บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
พันธมิตรที่ได้รับบาดเจ็บ
ม็อบถ่อยที่ขว้างปาสิ่งของทั้งไม้ ขวด ใส่พันธมิตร บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ม็อบถ่อยที่ขว้างปาสิ่งของทั้งไม้ ขวด ใส่พันธมิตร บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ม็อบถ่อยที่ขว้างปาสิ่งของทั้งไม้ ขวด ใส่พันธมิตร บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ม็อบถ่อยรวมตัวกันหน้าศรแดง คอยป่วนพันธมิตร
ตำรวจภายใต้การดูแลของพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 ได้แต่ยืนดูเฉยๆ
พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ ครั้งสั่งให้กุ๊ยเข้าทำร้ายประชาชน
พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ ครั้งสั่งให้กุ๊ยเข้าทำร้ายประชาชน
ผลงานตามคำสั่งของพ.ต.อ.ฤทธิรงค์ ด้วยการอุ้ม ทำร้ายคนแก่
กุ๊ยสมุน 2 ตัวของ พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ ไปมอบตัวสู้คดี
พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ ไปศาลล่าสุด ถูกจำคุก 2 ปี ฐานปล่อยกุ๊ยทำร้ายประชาชน ยังโชคดีให้รอลงอาญาไว้ก่อน
กำลังโหลดความคิดเห็น