ศาลรับฟ้อง คดี “บรรหาร” ยื่นฟ้อง “ชูวิทย์” หมิ่นประมาท กล่าวหาเป็น “หลงจู๊” ไร้สัจจะ หลอกหลวงชาวบ้าน โกหกประชาชน ศาลพิเคราะห์คดีมีมูลรับไว้พิจารณา นัดตรวจสอบพยานหลักฐานสอบคำให้การ พร้อมออกหมายเรียกวันที่ 4 ส.ค.นี้
วันนี้ (30 พ.ค.) เวลา 10.00 น.ที่ศาลอาญา ศาลนัดฟังคำสั่ง คดีที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย มอบอำนาจให้ นายนิกร จำนง รองหัวหน้าพรรคชาติไทย เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
ตามฟ้องโจทก์ระบุความผิดจำเลยสรุปว่าเมื่อระหว่างวันที่ 18-20 ม.ค.2551 จำเลยได้จัดเตรียมโต๊ะ เก้าอี้ รวมทั้งภาพข่าวจากหนังสือพิมพ์รายวันหลายฉบับมานั่งแถลงข่าวบริเวณริมถนน ที่ทำการพรรคชาติไทย โดยนำภาพถ่ายของโจทก์เท่าตัวจริงวางไว้บนเก้าอี้ ทั้งกล่าวถ้อยคำหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ทำนองว่า “วันนี้ท่านควรวางบทบาทได้แล้วคนที่ตั้งฉายาท่านว่า “หลงจู๊” คนบางคนไม่รู้ว่าหลงจู๊แปลว่าอะไร ผมรู้ว่าหลงจู๊มันต่างกับเถ้าแก่อย่างไร แต่หลงจู๊นั้นเอาประโยชน์ต่อหน้าเท่านั้น ไม่คิดอื่นใด มีความคับแคบ เห็นประโยชน์ส่วนตัว ท่านไร้สัจจะ ท่านไม่มีจุดยืน หลอกลวงชาวบ้าน โกหกประชาน ท่านยกข้ออ้างบังหน้า ยอมโดนด่าเพื่อเข้าร่วมรัฐบาล ท่านปล้นคะแนนชาวบ้าน ลุ่มหลงลาภยศ สังคมผิดหวัง คนอย่างท่านไม่มีสัจจะ ยึดถือประโยชน์ส่วนตัว ไม่มีจุดยืน การเมืองสับสน เพราะมีคนอย่างท่าน และข้อความอื่นๆ ซึ่งล้วนเป็นเท็จ”
การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นดูแคลนว่า เป็นนักการเมืองไม่ดี ไม่น่าคบ หลอกลวงประชาชน สร้างความเสียหายแก่โจทก์อย่างร้ายแรง เนื่องจากมีการเตรียมการจงใจอย่างทุจริต ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ในชั้นไต่สวนทั้งหมดแล้ว เห็นว่า คดีมีมูลให้ประทับรับฟ้องไว้พิจารณา โดยนัดตรวจสอบพยานหลักฐานและสอบคำให้การจำเลยวันที่ 4 ส.ค.เวลา 09.30 น.พร้อมออกหมายเรียกจำเลยมาให้การในวันเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ฝ่ายโจทก์มอบหมายให้ทนายมาฟังคำสั่ง เช่นเดียวกับฝ่ายจำเลย ที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ไม่ได้เดินทางมาศาลด้วยตนเอง โดยให้เสมียนทนายมาฟังคำสั่งแทน
วันนี้ (30 พ.ค.) เวลา 10.00 น.ที่ศาลอาญา ศาลนัดฟังคำสั่ง คดีที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย มอบอำนาจให้ นายนิกร จำนง รองหัวหน้าพรรคชาติไทย เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
ตามฟ้องโจทก์ระบุความผิดจำเลยสรุปว่าเมื่อระหว่างวันที่ 18-20 ม.ค.2551 จำเลยได้จัดเตรียมโต๊ะ เก้าอี้ รวมทั้งภาพข่าวจากหนังสือพิมพ์รายวันหลายฉบับมานั่งแถลงข่าวบริเวณริมถนน ที่ทำการพรรคชาติไทย โดยนำภาพถ่ายของโจทก์เท่าตัวจริงวางไว้บนเก้าอี้ ทั้งกล่าวถ้อยคำหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ทำนองว่า “วันนี้ท่านควรวางบทบาทได้แล้วคนที่ตั้งฉายาท่านว่า “หลงจู๊” คนบางคนไม่รู้ว่าหลงจู๊แปลว่าอะไร ผมรู้ว่าหลงจู๊มันต่างกับเถ้าแก่อย่างไร แต่หลงจู๊นั้นเอาประโยชน์ต่อหน้าเท่านั้น ไม่คิดอื่นใด มีความคับแคบ เห็นประโยชน์ส่วนตัว ท่านไร้สัจจะ ท่านไม่มีจุดยืน หลอกลวงชาวบ้าน โกหกประชาน ท่านยกข้ออ้างบังหน้า ยอมโดนด่าเพื่อเข้าร่วมรัฐบาล ท่านปล้นคะแนนชาวบ้าน ลุ่มหลงลาภยศ สังคมผิดหวัง คนอย่างท่านไม่มีสัจจะ ยึดถือประโยชน์ส่วนตัว ไม่มีจุดยืน การเมืองสับสน เพราะมีคนอย่างท่าน และข้อความอื่นๆ ซึ่งล้วนเป็นเท็จ”
การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นดูแคลนว่า เป็นนักการเมืองไม่ดี ไม่น่าคบ หลอกลวงประชาชน สร้างความเสียหายแก่โจทก์อย่างร้ายแรง เนื่องจากมีการเตรียมการจงใจอย่างทุจริต ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ในชั้นไต่สวนทั้งหมดแล้ว เห็นว่า คดีมีมูลให้ประทับรับฟ้องไว้พิจารณา โดยนัดตรวจสอบพยานหลักฐานและสอบคำให้การจำเลยวันที่ 4 ส.ค.เวลา 09.30 น.พร้อมออกหมายเรียกจำเลยมาให้การในวันเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ฝ่ายโจทก์มอบหมายให้ทนายมาฟังคำสั่ง เช่นเดียวกับฝ่ายจำเลย ที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ไม่ได้เดินทางมาศาลด้วยตนเอง โดยให้เสมียนทนายมาฟังคำสั่งแทน