โฆษก ตร.ยัน ไม่ได้นิ่งนอนใจเหตุคนร้ายบุกทำลายเทวรูปในปราสาทหินพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์ ตั้งธงความขัดแย้งในองค์กร กับผู้เสียประโยชน์ทำพิธีปลุกเสกจตุคาม พร้อมสั่งตั้งคณะทำงานสืบหาข้อมูลกลุ่มคนที่มีความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ เชื่อ มีผู้กระทำผิดมากกว่า 2 คน
วันนี้ (21 พ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) และโฆษก ตร.กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีคนร้ายบุกทำลายเทวรูปและย้ายศิวลึงค์ในปราสาทหินพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์ ว่า เหตุคนร้ายเข้าไปทำลายทรัพย์ในโบราณสถานในคืนวิสาขบูชา ได้สอบถามไปยังกองบังคับการตำรวจภูธร จ.บุรีรัมย์แล้ว ทราบว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ตั้งประเด็นหลักๆ ไว้ 2 ประเด็น คือ ความขัดแย้งในองค์การตรงนั้น จึงมีการทำลายโบราณสถานให้เกิดความเสียหาย อีกประเด็น เรื่องของกลุ่มผู้เสียประโยชน์ เนื่องจากครั้งหนึ่งเคยอนุญาตให้ใช้พื้นที่ปลุกเสกจตุคาม แต่ระยะหลังไม่อนุญาต ซึ่งอาจเกิดความไม่พอใจขึ้น
“อย่างไรก็ตาม ลักษณะของการทำให้เสียทรัพย์ มีลักษณะพิเศษ เจ้าหน้าที่ผู้ตรวจที่เกิดเหตุให้ข้อมูลว่า ลักษณะเหมือนการดำเนินการตามวิธีทางไสยศาสตร์ เช่น การทำลายเศียรพญานาค โดยใช้แขนของทวารบาล ที่เฝ้าประตูทุบหน้าเศียร ทำให้มองว่าเป็นลักษณะการทำพิธีกรรม ทางไสยศาสตร์ได้ แต่อย่างไรก็ดี ต้องหาพยานหลักฐานอื่นมาวิเคราะห์สาเหตุจริงๆด้วยขณะที่ บก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ได้ตั้งรอง ผบก.จว.บุรีรัมย์ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนและหากได้ข้อมูลเพิ่มเติมจะเรียนให้ทราบอีกครั้ง” โฆษก ตร.กล่าว
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนหาข้อมูล หากลุ่มที่มีความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ ในละแวกนั้นว่ามีมากน้อยแค่ไหนเพื่อหาความเชื่อมโยง เพราะดูจากลักษณะสถานที่เกิดเหตุเชื่อว่ามีคนกระทำผิดมากกว่า 2 คน ต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนสักระยะ ส่วนการป้องกันเป็นหน้าที่ปกติ ซึ่งก่อนหน้านี้ ตร.เคยออกแผนเพื่อป้องกันปราบปรามการลักสอบทำลายโบราณสถาน โบราณวัตถุไปแล้ว และคงต้องเน้นย้ำความสำคัญและปรับปรุงเน้นย้ำลงไปเพราะสิ่งเหล่านี้มีค่า
วันนี้ (21 พ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) และโฆษก ตร.กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีคนร้ายบุกทำลายเทวรูปและย้ายศิวลึงค์ในปราสาทหินพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์ ว่า เหตุคนร้ายเข้าไปทำลายทรัพย์ในโบราณสถานในคืนวิสาขบูชา ได้สอบถามไปยังกองบังคับการตำรวจภูธร จ.บุรีรัมย์แล้ว ทราบว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ตั้งประเด็นหลักๆ ไว้ 2 ประเด็น คือ ความขัดแย้งในองค์การตรงนั้น จึงมีการทำลายโบราณสถานให้เกิดความเสียหาย อีกประเด็น เรื่องของกลุ่มผู้เสียประโยชน์ เนื่องจากครั้งหนึ่งเคยอนุญาตให้ใช้พื้นที่ปลุกเสกจตุคาม แต่ระยะหลังไม่อนุญาต ซึ่งอาจเกิดความไม่พอใจขึ้น
“อย่างไรก็ตาม ลักษณะของการทำให้เสียทรัพย์ มีลักษณะพิเศษ เจ้าหน้าที่ผู้ตรวจที่เกิดเหตุให้ข้อมูลว่า ลักษณะเหมือนการดำเนินการตามวิธีทางไสยศาสตร์ เช่น การทำลายเศียรพญานาค โดยใช้แขนของทวารบาล ที่เฝ้าประตูทุบหน้าเศียร ทำให้มองว่าเป็นลักษณะการทำพิธีกรรม ทางไสยศาสตร์ได้ แต่อย่างไรก็ดี ต้องหาพยานหลักฐานอื่นมาวิเคราะห์สาเหตุจริงๆด้วยขณะที่ บก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ได้ตั้งรอง ผบก.จว.บุรีรัมย์ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนและหากได้ข้อมูลเพิ่มเติมจะเรียนให้ทราบอีกครั้ง” โฆษก ตร.กล่าว
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนหาข้อมูล หากลุ่มที่มีความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ ในละแวกนั้นว่ามีมากน้อยแค่ไหนเพื่อหาความเชื่อมโยง เพราะดูจากลักษณะสถานที่เกิดเหตุเชื่อว่ามีคนกระทำผิดมากกว่า 2 คน ต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนสักระยะ ส่วนการป้องกันเป็นหน้าที่ปกติ ซึ่งก่อนหน้านี้ ตร.เคยออกแผนเพื่อป้องกันปราบปรามการลักสอบทำลายโบราณสถาน โบราณวัตถุไปแล้ว และคงต้องเน้นย้ำความสำคัญและปรับปรุงเน้นย้ำลงไปเพราะสิ่งเหล่านี้มีค่า