ดีเอสไอ โชว์ฟอร์มทลายแก๊งแชร์ลูกโซ่"ซีวัน นูเทรี้ยน" โฆษณาชวนเชื่อใช้วิธีติดประกาศรับสมัครงานตามเสาไฟฟ้า-ตู้โทร.สาธารณะ อ้างมีตำแหน่งงานว่างให้ค่าตอบแทนสูง แต่เมื่อเหยื่อหลงกลกลับถูกขูดรีดให้ขายทรัพย์สินสมัครเป็นสมาชิกแลกกับค่าตอบแทน พบเหยื่อถูกหลอกกว่าสามหมื่นราย ขณะเดียวกันกลุ่มผู้เสียหายจากแชร์จานดาวเทียม เข้าร้องทุกข์กับ DSI ให้เอาผิดกับ "แอนิเมท อินเตอร์ เน็ตเวริ์ค" ตุ๋นเงินชาวบ้านลงทุนขายจานแล้วปิดกิจการหนี สูญเงินกว่า 50 ล้าน
วันนี้ (14 พ.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค และเจ้าหน้าที่กลุ่มงานป้องปรามการเงินนอกระบบ กระทรวงการคลัง ร่วมกันแถลงข่าวการตรวจค้นจับกุมบริษัทซีวัน นูเทรี้ยน จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 58/45-46 หมู่ 6 ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี หลังพบบริษัทประกอบธุรกิจเข้าข่ายหลอกลวงประชาชนในลักษณะแชร์ลูกโซ่ โดยมีผู้เสียหายกว่า 30,000 ราย
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวว่า ดีเอสไอตรวจสอบพบการนำใบปลิวมาติดประกาศตามเสาไฟฟ้าและตู้โทรศัพท์สาธารณะ ระบุข้อความการประกาศรับสมัครพนักงานของบริษัทซีวัน นูเทรี้ยน จำกัด หลายตำแหน่ง จึงเข้าตรวจสอบ พบว่าบริษัทซีวัน นูเทรี้ยน จดทะเบียนเป็นบริษัทขายตรงสินค้าประเภทอาหารเสริมสุขภาพและเครื่องสำอาง ไว้กับสคบ.เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2545 ต่อมาบริษัทได้ติดประกาศรับสมัครงาน ทั้งที่ไม่มีตำแหน่งงานตามที่ประกาศโฆษณา แต่มีเจตนาชักชวนให้ประชาชนมาร่วมเป็นสมาชิก และลงทุนทำธุรกิจ เมื่อประชาชนหลงเชื่อมาสมัครเป็นสมาชิก จะต้องเสียค่าสมัครคนละ 200 บาท เพื่อเข้าฟังบรรยายแผนการสมัครสมาชิก และต้องลงทุนเพื่อเปิดรหัสและซื้อสินค้าอีก 2,700 บาท รวมแล้วผู้สมัครงานจะต้องเสียเงินคนละ 2,900 บาท
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวอีกว่า หากพนักงานบริษัทซีวัน นูเทรี้ยน ที่มีรหัส 1 รหัส จะต้องหาสมาชิกใหม่มาลงทุนเพิ่มอีก 2 รหัส เป็นเงิน 5,800 บาท ก็จะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนรหัสละ 250 บาท รวม 2 รหัสเป็นเงิน 500 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 8.62 ต่อการจ่ายผลตอบแทน 1 ครั้ง โดยบริษัทจะจ่ายเงินค่าตอบแทนให้ทุกๆ วันที่ 10, 20 , และ 30 ของแต่ละเดือน หรือทุกๆ 10 วัน ซึ่งเป็นการจ่ายผลตอบแทนการลงทุนที่สูงถึงร้อยละ 310.32 บาทต่อปี จากการตรวจค้นพบว่ามีประชาชนหลงเชื่อไปสมัครเป็นสมาชิกบริษัทกว่า 30,000 คน แต่ไม่พบว่ามีเงินสดเก็บไว้ในบริษัท ดังนั้น ดีเอสไอจึงได้ทำหนังสือถึงทุกสถาบันการเงินให้อายัดเงินในบัญชีเงินฝากทุกรายการของบริษัทซีวัน นูเทรี้ยน และจะเร่งรวบรวมหลักฐานเพื่อออกหมายจับกรรมการบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมาดำเนินคดี ในเบื้องต้นจึงขอเตือนภัยไปยังประชาชน โดยเฉพาะนักศึกษาจบใหม่ ไม่ให้หลงเชื่อไปสมัครงานกับบริษัทดังกล่าว ซึ่งมีพฤติการณ์เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวต่อไปว่า พฤติการณ์ของบริษัทซีวัน นูเทรี้ยน เข้าข่ายการฉ้อโกงและหลอกลวงประชาชน โดยการหาสมาชิกด้วยการแจกใบปลิวโฆษณารับสมัครงาน หลอกลวงว่ามีเงินเดือนประจำ เบี้ยขยัน คูปองอาหาร และรถรับส่งพนักงาน แต่รถยนต์ที่ใช้รับส่งพนักงานเป็นเพียงรถปิคอัพต่อโครงหลังคา ระหว่างการรับสมัครเข้าทำงานจะมีพนักงานของบริษัทคอยพูดจาหว่านล้อมถึงความสำเร็จของธุรกิจ เพื่อโน้มน้าวให้สมัครเป็นสมาชิก หากผู้เสียหายรายใดมีเงินสดมาไม่พอกับค่าสมัครและค่าลงทุนเปิดรหัส พนักงานของบริษัทจะยุยงให้ผู้เสียหายนำทรัพย์สินที่ติดตัวมา เช่น ทองรูปพรรณ ไปขายหรือจำนำยังร้านทองที่เปิดอยู่ใกล้กับบริษัท เมื่อผู้เสียหายสมัครเป็นสมาชิกแล้ว สมาชิกใหม่ต้องไปทำใบปลิวที่ร้ายถ่ายเอกสารตามรูปแบบที่บริษัทได้ออกแบบไว้ และนำไปติดตามตู้โทรศัพท์สาธารณะ เพื่อหลอกลวงประชาชนให้หลงเชื่อไปสมัครเป็นสมาชิกรายใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้บริษัทซีวัน นูเทรี้ยน ยังเปิดทำการในอีกหลายสาขา โดยกระจายอยู่ในกรุงเทพฯและจังหวัดต่างๆ ซึ่งดีเอสไอจะเร่งตรวจสอบว่าแต่ละสาขามีพฤติกรรมหลอกลวงประชาชนและทำธุรกิจแชร์ลูกโซ่หรือไม่
นายธีรวัฒน์ จันทรสมบูรณ์ เจ้าหน้าที่สคบ. กล่าวว่า การกระทำของบริษัทซีวัน นูเทรี้ยน จำกัด เข้าข่ายความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ต้องระวางโทษจำคุก 5-10 ปี ปรับตั้งแต่ 500,000-1,000,000 บาท โดยก่อนหน้านี้ดีเอสไอเคยดำเนินคดีในลักษณะเดียวกันนี้กับบริษัทพาวเวอร์ซัคเสท จำกัด ซึ่งศาลพิพากษาจำคุกกรรมการบริษัท 20 ปี ปรับ 26 ล้านบาท และพบว่าวิทยากรและแม่ข่ายขายสมาชิกของบริษัทซีวัน นูเทรี้ยน เป็นคนกลุ่มเดียวกับบริษัทพาวเวอร์ซัคเสท โดยบุคคลกลุ่มนี้ได้เข้าไปซื้อชื่อบริษัทซีวัน นูเทรี้ยน มาดำเนินการ ดังนั้นจึงต้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดกับผู้เกี่ยวข้องทุกราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าวการจับกุมแชร์ลูกโซ่ของดีเอสไอ ได้มีกลุ่มผู้เสียหายจากการนำเงินไปลงทุนทำธุรกิจจานดาวเทียมกับบริษัทแอนิเมท อินเตอร์ เน็ตเวริ์ค จำกัด ประมาณ 30 คน ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดีเอสไอตรวจสอบพฤติการณ์หลอกลวงประชาชน ในลักษณะแชร์ลูกโซ่ หลังถูกหลอกให้นำเงินไปร่วมลงทุนทำธุรกิจขายจานดาวเทียม โดยลงทุนแค่ 2,000 บาท จะได้ผลตอบแทนถึง 4,000 บาท ซึ่งบริษัทยืนยันว่าไม่ใช่ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ จึงทำให้หลงเชื่อนำเงินมาลงทุนคนละ 1,000,000-5,000,000 บาท รวมเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท ล่าสุดบริษัทได้หนีปิดกิจการไปแล้ว