“ทั่นยุทธ” ไม่มาศาลสืบพยานนัดแรกคัดค้านคดีใบแดง ส่ง สามกำนันแม่จัน ร่วมดาบตำรวจคนติดตาม เบิกความแก้ต่างคดีแทน ทนาย เผย เจ้าตัวพร้อมเบิกความ 20 พ.ค.นี้
วันนี้ (12 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง สนามหลวง นายกำธร โพธิ์สุวัฒนากุล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา พร้อมองค์คณะรวม 3 คน ออกนั่งบัลลังก์สืบพยาน คดีหมายเลขดำที่ ลต.38/2551 ระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้ร้อง และ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วนกลุ่มที่ 1 และรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และ น.ส.ละออง ติยะไพรัช น้องสาว นายยงยุทธ ส.ส.แบ่งเขต 3 จ.เชียงราย พรรคพลังประชาชน ผู้คัดค้านที่ 1-2 กระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พ.ศ.2550 ด้วยการทุจริตการเลือกตั้งด้วยการแจกเงินให้กับกลุ่มกำนัน อ.แม่จัน จ.เชียงรายซึ่งเป็นตัวแทน (หัวคะแนน) ของนายยงยุทธ แจกเงินซื้อเสียงเพื่อให้มีการลงคะแนนเลือกผู้สมัครของพรรคประชาชน โดย กกต.ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง นายยงยุทธ ซึ่งให้ถูกใบแดง และสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ในเขต 3 จังหวัดเชียงราย ที่ น.ส.ละออง ถูกให้ใบเหลือง
โดยวันนี้เป็นนัดสืบพยานครั้งแรกฝ่าย นายยงยุทธ และ น.ส.ละออง ผู้คัดค้านที่ 1-2 ซึ่งนายยงยุทธ ไม่ได้เดินทางมาศาลเพื่อขึ้นเบิกความ แต่อย่างใด โดยนายพิชิฏ ชื่นบาน ทนายความนายยงยุทธ เตรียมนำพยานเข้าเบิกความรวม 4 ปาก คือ ดาบตำรวจเทพรัตน์ เขื่อนคุนา นายตำรวจติดตามนายยงยุทธ นายอดิศร เรือนคำ นายดวงแสง มูลกาศ และนายประสิทธิ จินดาคำ กำนันในพื้นที่อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย
ทั้งนี้ นายพิชิฏ ชื่นบาน ทนายความของนายยงยุทธ กล่าวว่า สำหรับนายยงยุทธเตรียมจะขึ้นเบิกความต่อศาลในวันที่ 20 พ.ค.ส่วนวันนี้ (12 พ.ค.) ได้เตรียมพยานปากสำคัญ คือ ด.ต.เทพรัตน์ นายตำรวจติดตาม นายยงยุทธ, นายอดิศร, นายดวงแสง และนายประสิทธิ์ สามกำนันในพื้นที่อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ซึ่งพยานที่เตรียมมาเพื่อแก้ข้อกล่าวหาประเด็นการจัดเตรียมกำนันเดินทางเข้ากรุงเทพเพื่อพบกับนายยงยุทธ รวมถึงหักล้างคำให้การของนายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ กำนัน ตำบลจันจว้า อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย พยานปากสำคัญของผู้ร้อง หรือฝ่าย กกต.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการสืบพยานนั้น ด.ต.เทพรัตน์ เบิกความยืนยันต่อศาล ว่า ไม่ได้
เป็นตำรวจติดตามนายยงยุทธ เพียงแต่เคยไปรักษาความปลอดภัย เวลาที่นายยงยุทธเข้าไปในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และไม่เคยพบกับ นายยงยุทธ ตั้งแต่หลังช่วงรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ขณะที่ยืนยันว่าไม่เคยโทรศัพท์ติดต่อกำนันเพื่อให้มาพบกับนายยงยุทธ ไม่เคยติดตามยงยุทธมา กทม.แต่อย่างใด โดยนายชัยวัตน์ ฉางข้าวคำ พยานผู้ร้องมีพฤติการณ์เป็นผู้มีอิทธิพลมีทหารติดตาม และเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและมือปืนรับจ้าง ได้มาขอร้องพยานให้ช่วยเหลือผู้สมัครพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาให้ได้รับการเลือกตั้ง โดยนายชัยวัตน์บอกว่าช่วยนายยงยุทธก็ไม่ได้เป็น ส.ส.ต้องโดนใบแดง ซึ่งพยานปฏิเสธไม่ช่วยเหลือขอวางตัวเป็นกลาง จึงถูกข่มขู่ว่าจะย้าย และต่อมาถูกผู้บังคับบัญชาระดับสูงซึ่งเป็นปฎิปักษ์กับพรรคพลังประชาชนกลั่นแกล้งสั่งตั้งกรรมการสอบสวนหลายเรื่อง ทั้งการวางตัวไม่เป็นกลางในการเลือกตั้ง โทรศัพท์ข่มขู่กำนันและชาวบ้านให้สนับสนุนนายยงยุทธ และขาดราชการเกินกว่ากำหนด จนถูกย้ายออกจาก สภ.แม่จัน มาช่วยราชการที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จึงทำหนังสือร้องเรียนสำนักนายกรัฐมนตรี จนได้กลับไปรับราชการที่ สภ.แม่จันเหมือนเดิม
ส่วน นายอดิศร เรือนคำ กำนัน อ.แม่จันนั้น นายพิชิฏ กล่าวว่า จะได้เบิกความเกี่ยวกับการเดินทางมา กทม.เพื่อพบ นายยงยุทธ ว่า เป็นการชักชวนของนายชัยวัฒน์ เพื่อขอให้นายยงยุทธ ช่วยทวงหนี้ นายชูชาติ จันทวลย์ อดีตที่ปรึกษานายยงยุทธ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่ได้เดินทางมาตามคำชักชวนของ ด.ต.เทพรัตน์ อย่างที่นายชัยวัฒน์ ได้เบิกความไว้
โดย นายชัยวัฒน์ เป็นผู้จัดการเรื่องการเดินทางและที่พัก ซึ่งนายอดิศร ยืนยันได้ว่า หากต้องเดินทางมาพบนายยยงยุทธ เพื่อรับเงิน 2 หมื่นบาท คงไม่เดินทางมาเพราะส่วนตัวนายอดิศรมีฐานะ มีไร่จำนวนมาก รวมทั้งกิจการรีสอร์ต ซึ่งจะยืนยันว่าไม่มีเหตุการณ์ที่นายยงยุทธมอบเงินให้กลุ่มกำนัน 10 คนๆ ละ 2 หมื่นบาทแต่อย่างใด ซึ่งคำเบิกความของนายดวงแสง มูลกาศ และ นายประสิทธิ์ จินดาคำ กำนัน ก็จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อหักล้างน้ำหนักคำเบิกความนายชัยวัฒน์
นายพิชิฏ ทนายความ กล่าวต่อว่า หลังจากเสร็จสิ้นสืบพยานทั้ง 4 ปากวันนี้แล้ว จะประชุมคณะทำงานว่าจะนำพยานกลุ่มใดขึ้นเบิกความต่อ ซึ่งเบื้องต้นคิดว่าอาจจะนำนายชูชาติ มาเบิกความประเด็นหนี้สินที่ค้างกลุ่มกำนัน