ปดส.โชว์ฟอร์มจับกุมวิศวกรหนุ่มใหญ่ “รังสรรค์ คุ้มกัน” นายหน้าหลอกแรงงานไทยส่งค้าแรงโอมาน เหยื่อหลงเชื่อนับ 100 สูญเงินกว่า 10 ล้าน ประวัติมีคดีทั่วราชอาณาจักร เจ้าตัวปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ทำเป็นงงถูกจับได้ไง เพราะไม่รู้ไม่เห็นค่าหัวคิว ตร.ระบุผู้ต้องหาได้รับประมูลงานใหญ่ในกรุงมัสกัต ทั้งที่วีซ่าหมดอายุ
วันนี้ (7 พ.ค.) ที่ บก.ปดส.เมื่อเวลา 13.00 น.พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.ปดส.พ.ต.อ.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผกก.ฝป.10 บก.ปดส.และ พ.ต.ท.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผกก.ฝป.10 บก.ปดส.ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายรังสรรค์ คุ้มกัน อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 หมู่ 5 ต.ท่าข้าม อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 03092/2546 ลงวันที่ 25 เม.ย.2546 ข้อหาร่วมกันจัดหางานเพื่อไปทำงานต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง และร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถส่งคนไปฝึกงานต่างประเทศ โดยการหลอกลวงนั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง จับกุมได้ที่ ท่าอากาศยานแห่งชาติ (สนามบินสุวรรณภูมิ) ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
พล.ต.ต.วิมล กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ มีผู้เสียหายที่เป็นแรงงานไทยกว่า 100 ราย ได้เข้าร้องทุกข์กับกระทรวงแรงงานว่า ถูกนายรังสรรค์ หลอกลวงให้เดินทางไปทำงานยังประเทศโอมาน โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายต่างๆ รายละ 40,000-50,000 บาท รวมมูลค่าความเสียหายนับ 10 ล้านบาท แต่ภายหลังตกลงทำสัญญาและเดินทางไปถึงประเทศโอมานกลับไม่ได้ทำงานตามตำแหน่งที่ระบุเอาไว้ รวมทั้งไม่ได้เงินเดือนตามสัญญา อีกทั้งไม่มีการออกวีซ่าประเภททำงานให้ด้วย ต่อมาจึงมีการประสานมายัง บก.ปดส.เพื่อติดตามจับกุมนายรังสรรค์
พล.ต.ต.วิมล กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบประวัตินายรังสรรค์ พบว่ามีอาชีพเป็นวิศวกร โดยถือหนังสือเดินทางเลขที่ Z 006067 เข้าประเทศโอมานในฐานะนักท่องเที่ยวตั้งแต่ปี 2545 กระทั่งหนังสือเดินทางหมดอายุเมื่อปี 2548 แต่ นายรังสรรค์ ยังพำนักอยู่ในประเทศโอมานอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งในระหว่างนั้น นายรังสรรค์ ได้โควตาประมูลงานก่อสร้างจากบริษัทต่าง ๆ ในประเทศโอมาน ก่อนจะนำอัตราที่ได้รับการประมูลมาหลอกลวงแรงงานไทยที่ต้องการมาทำงานในประเทศโอมาน โดยมีนายหน้าจัดหางานคนไทยช่วยจัดหาแรงงานในประเทศไทยให้อีกทอดหนึ่ง
“จากการตรวจสอบ พบว่า นายรังสรรค์ ได้ถูกออกหมายจับไว้ 8 หมายจับ ที่ จ.พิษณุโลก จ.หนองคาย จ.อุดรธานี ใน กทม.2 คดี มีการถอนหมายจับไป 2 คดี ซึ่งกระทรวงแรงงานของประเทศโอมานได้ประสานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน เกลี้ยกล่อมให้นายรังสรรค์ เดินทางกลับประ เทศไทยหลายครั้ง นอกจากนี้ยังมีการประสานมายังกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงศุล กระทรวงการต่างประเทศ รายงานพฤติการณ์ของนายรังสรรค์ อีกด้วย” ผบก.ปดส.กล่าว
พล.ต.ต.วิมล กล่าวอีกว่า ผู้ต้องหารายนี้ได้รับโควต้าในการประมูลงานก่อสร้างถนน สร้างคอมเพล็กซ์ ในกรุงมัสกัต ประเทศโอมาน ซึ่งมีการชักชวนแรงงานไทยประเภทช่างปูน ช่างไม้ ไปทำงานโดยมีนายหน้าจัดหางานในประเทศไทยคอยส่งคนงานไปให้ โดยเบื้องต้นพบว่ามีผู้ร่วมกระทำความผิดอีกอย่างน้อย 2 ราย ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่เหลือต่อไป
อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะฝากแรงงานไทยที่ต้องการเดินทางไปทำงานต่างประเทศตรวจสอบข้อมูลบริษัทจัดหางานให้รอบคอบ และอย่าหลงเชื่อคำชักชวน ต้องกู้หนี้ยืนสินมาเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง หากต้องการทำงานต่างประเทศขอให้ติดต่อโดยตรงกับจัดหางานจังหวัด ซึ่งสามารถให้คำแนะนำและช่วยเหลือได้
ด้าน นายรังสรรรค์ ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยอ้างว่า ตนทำงานอยู่ในประเทศโอมานมาตลอด ไม่เคยเดินทางกลับมาประเทศไทย ส่วนคนงานที่มาทำงานด้วยมีการจัดหางานมาอย่างถูกต้อง จึงไม่ทราบสาเหตุที่ถูกกล่าวหาว่าหลอกลวงแรงงานรวมทั้งเรียกเก็บเงินค่าหัวคิวเป็นเงิน 40,000-200,000 บาท ที่ผ่านมาคนงานที่ทำงานอยู่กับตนก็จะจ่ายเงินเดือนให้ครบ แต่อาจมีบางเดือนที่จ่ายเงินล่าช้าไปบ้าง แม้กระทั่งคนงานรายไหนที่วีซ่าขาดอายุต้องเสียค่าปรับตนก็ออกเงินให้ ก็ไม่ทราบว่าทำไมถึงถูกแจ้งความดำเนินคดี จึงควบคุมตัวส่ง สน.คันนายาว ดำเนินคดี
วันนี้ (7 พ.ค.) ที่ บก.ปดส.เมื่อเวลา 13.00 น.พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.ปดส.พ.ต.อ.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผกก.ฝป.10 บก.ปดส.และ พ.ต.ท.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผกก.ฝป.10 บก.ปดส.ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายรังสรรค์ คุ้มกัน อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 หมู่ 5 ต.ท่าข้าม อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 03092/2546 ลงวันที่ 25 เม.ย.2546 ข้อหาร่วมกันจัดหางานเพื่อไปทำงานต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง และร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถส่งคนไปฝึกงานต่างประเทศ โดยการหลอกลวงนั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง จับกุมได้ที่ ท่าอากาศยานแห่งชาติ (สนามบินสุวรรณภูมิ) ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
พล.ต.ต.วิมล กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ มีผู้เสียหายที่เป็นแรงงานไทยกว่า 100 ราย ได้เข้าร้องทุกข์กับกระทรวงแรงงานว่า ถูกนายรังสรรค์ หลอกลวงให้เดินทางไปทำงานยังประเทศโอมาน โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายต่างๆ รายละ 40,000-50,000 บาท รวมมูลค่าความเสียหายนับ 10 ล้านบาท แต่ภายหลังตกลงทำสัญญาและเดินทางไปถึงประเทศโอมานกลับไม่ได้ทำงานตามตำแหน่งที่ระบุเอาไว้ รวมทั้งไม่ได้เงินเดือนตามสัญญา อีกทั้งไม่มีการออกวีซ่าประเภททำงานให้ด้วย ต่อมาจึงมีการประสานมายัง บก.ปดส.เพื่อติดตามจับกุมนายรังสรรค์
พล.ต.ต.วิมล กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบประวัตินายรังสรรค์ พบว่ามีอาชีพเป็นวิศวกร โดยถือหนังสือเดินทางเลขที่ Z 006067 เข้าประเทศโอมานในฐานะนักท่องเที่ยวตั้งแต่ปี 2545 กระทั่งหนังสือเดินทางหมดอายุเมื่อปี 2548 แต่ นายรังสรรค์ ยังพำนักอยู่ในประเทศโอมานอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งในระหว่างนั้น นายรังสรรค์ ได้โควตาประมูลงานก่อสร้างจากบริษัทต่าง ๆ ในประเทศโอมาน ก่อนจะนำอัตราที่ได้รับการประมูลมาหลอกลวงแรงงานไทยที่ต้องการมาทำงานในประเทศโอมาน โดยมีนายหน้าจัดหางานคนไทยช่วยจัดหาแรงงานในประเทศไทยให้อีกทอดหนึ่ง
“จากการตรวจสอบ พบว่า นายรังสรรค์ ได้ถูกออกหมายจับไว้ 8 หมายจับ ที่ จ.พิษณุโลก จ.หนองคาย จ.อุดรธานี ใน กทม.2 คดี มีการถอนหมายจับไป 2 คดี ซึ่งกระทรวงแรงงานของประเทศโอมานได้ประสานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน เกลี้ยกล่อมให้นายรังสรรค์ เดินทางกลับประ เทศไทยหลายครั้ง นอกจากนี้ยังมีการประสานมายังกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงศุล กระทรวงการต่างประเทศ รายงานพฤติการณ์ของนายรังสรรค์ อีกด้วย” ผบก.ปดส.กล่าว
พล.ต.ต.วิมล กล่าวอีกว่า ผู้ต้องหารายนี้ได้รับโควต้าในการประมูลงานก่อสร้างถนน สร้างคอมเพล็กซ์ ในกรุงมัสกัต ประเทศโอมาน ซึ่งมีการชักชวนแรงงานไทยประเภทช่างปูน ช่างไม้ ไปทำงานโดยมีนายหน้าจัดหางานในประเทศไทยคอยส่งคนงานไปให้ โดยเบื้องต้นพบว่ามีผู้ร่วมกระทำความผิดอีกอย่างน้อย 2 ราย ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่เหลือต่อไป
อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะฝากแรงงานไทยที่ต้องการเดินทางไปทำงานต่างประเทศตรวจสอบข้อมูลบริษัทจัดหางานให้รอบคอบ และอย่าหลงเชื่อคำชักชวน ต้องกู้หนี้ยืนสินมาเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง หากต้องการทำงานต่างประเทศขอให้ติดต่อโดยตรงกับจัดหางานจังหวัด ซึ่งสามารถให้คำแนะนำและช่วยเหลือได้
ด้าน นายรังสรรรค์ ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยอ้างว่า ตนทำงานอยู่ในประเทศโอมานมาตลอด ไม่เคยเดินทางกลับมาประเทศไทย ส่วนคนงานที่มาทำงานด้วยมีการจัดหางานมาอย่างถูกต้อง จึงไม่ทราบสาเหตุที่ถูกกล่าวหาว่าหลอกลวงแรงงานรวมทั้งเรียกเก็บเงินค่าหัวคิวเป็นเงิน 40,000-200,000 บาท ที่ผ่านมาคนงานที่ทำงานอยู่กับตนก็จะจ่ายเงินเดือนให้ครบ แต่อาจมีบางเดือนที่จ่ายเงินล่าช้าไปบ้าง แม้กระทั่งคนงานรายไหนที่วีซ่าขาดอายุต้องเสียค่าปรับตนก็ออกเงินให้ ก็ไม่ทราบว่าทำไมถึงถูกแจ้งความดำเนินคดี จึงควบคุมตัวส่ง สน.คันนายาว ดำเนินคดี
