ดึงแฟนพันธุ์แท้ ช่วยติวเทคนิคถ่ายภาพ จับผิด “โทรแล้วขับ” เริ่มใช้ 8 พ.ค.แต่แค่จับเตือน เอาจริงดีเดย์ 20 พ.ค.เน้นปรับสถานเบา ยกเว้นรถโดยสารปรับหนักสุด เหตุต้องรับผิดชอบชีวิตคนอื่นด้วย
วันนี้ (7 พ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น.เป็นประธานประชุมมอบนโยบายการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จราจร “โทรไม่ขับ” โดยมีผลบังคับใช้ วันที่ 8 พ.ค.แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ระดับสารวัตรจราจร (สว.จร) ถึง รอง ผบก.น.1-9 ในสังกัด กองบัญชาการตำรวจนครบาล ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวว่า หลังจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งช่วงแรกวันที่ 8-19 พ.ค.หากพบผู้กระทำผิดให้จับกุมทันที พร้อมว่ากล่าวตักเตือน และให้ทุก สน.รายงานผลการจับกุมพร้อมปัญหาอุปสรรคและข้อโตแย้งต่างๆ ในทุกๆ วัน เพื่อพิจารณาแนวทางการปรับปรุงการปฏิบัติ แต่เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค.จะเริ่มจับมีอัตราโทษปรับ 400-1,000 บาท ส่วนจะปรับเท่าใดขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของตำรวจ แต่จะให้พิจารณาปรับอัตราต่ำสุด ยกเว้นผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะ ขนาดใหญ่ ให้ปรับอัตราสูงสุด เพราะต้องรับผิดชอบชีวิตผู้โดยสารด้วย และในการกระทำผิดนั้นจะดำเนินการตัดแต้มผู้กระทำผิด 10 แต้ม แต่หากพบการกระทำผิดซ้ำอีกจะมีการยึดใบอนุญาตก่อนชั่วคราวและต้องเข้ารับการอบรม 3 ชม.พร้อมกับสอบข้อเขียน ถ้าผ่านจึงจะคืนใบอนุญาต
พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวว่า สำหรับการตรวจจับบนทางด่วน กับทางหลวง จะใช้กล้องตรวจจับความเร็ว แต่พื้นราบจะใช้วิธีจับซึ่งหน้า โดยมีผู้ชี้เป้า เนื่องจากกล้องซีซีทีวี ติดตั้งมุมสูงเพื่อตรวจสอบสภาพการจราจร การถ่ายภาพผู้ขับขี่โทรแล้วขับอาจจะมีปัญหาด้านมุมกล้อง อีกทั้งรถที่ติดฟิล์มทึบก็จะเป็นปัญหา รวมถึงแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านมาก็มีผลเช่นเดียวกัน ยกเว้นบางทางแยกติดตั้งกล้องระดับต่ำและมุมองศาระดับเดียวกับตัวรถจึงมองเห็น เช่น ที่แยกบางนา แยกพระราม 9 เป็นต้น
“ส่วนการถ่ายภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่พกกล้องดิจิตอลนั้น กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้เชิญ นายมนตรี พวงทอง หรือ มดโฟโต้ไฟล์ แชมป์แฟนพันธุ์แท้ปี 2008 มาแนะนำเทคนิคการใช้กล้องถ่ายภาพดิจิตอล และกล้องในโทรศัพท์มือถือแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการกระทำความผิดที่ผู้ฝ่าฝืนกระทำความผิดกฎหมายโทรไม่ขับ และความผิดข้อหาอื่นๆ ใช้เป็นหลักฐานดำเนินคดีจับปรับหากเกิดกรณีการโต้แย้งขึ้น แต่หากผู้กระทำผิดไม่ยอมรับหรือโต้แย้งจริงๆ ให้ตำรวจนำตัวส่งพนักงานสอบสวน โดยตรวจสอบการใช้โทรศัพท์จากซิมการ์ด แต่จะกำชับให้ตำรวจให้วิธีการจับกุมแบบละมุนละม่อมมากกว่าใช้ความรุนแรง เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่” พล.ต.ต.ภาณุ กล่าว
พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวว่า การเข้าข่ายลักษณะความผิดโทรแล้วขับ เช่น รถติดไฟแดง ใช้คอหนีบ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เสียบโทรศัพท์ข้างหมวกกันน็อก รวมถึงการโทรแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายจะมีความผิด ด้วยเช่นกัน ส่วนกรณีการแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายนั้นให้ดูที่เจตนาด้วย และขอเตือนตำรวจทุกคน อย่าใช้ช่องว่างกฎหมายเป็นเครื่องมือหากิน เพราะมีโทษไล่ออก และจำคุกด้วย และถ้าผู้กระทำผิดเสนอเงินให้ก็ให้จับกุมทันที ถือว่าเป็นการติดสินบนเจ้าหน้าที่
วันนี้ (7 พ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น.เป็นประธานประชุมมอบนโยบายการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จราจร “โทรไม่ขับ” โดยมีผลบังคับใช้ วันที่ 8 พ.ค.แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ระดับสารวัตรจราจร (สว.จร) ถึง รอง ผบก.น.1-9 ในสังกัด กองบัญชาการตำรวจนครบาล ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวว่า หลังจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งช่วงแรกวันที่ 8-19 พ.ค.หากพบผู้กระทำผิดให้จับกุมทันที พร้อมว่ากล่าวตักเตือน และให้ทุก สน.รายงานผลการจับกุมพร้อมปัญหาอุปสรรคและข้อโตแย้งต่างๆ ในทุกๆ วัน เพื่อพิจารณาแนวทางการปรับปรุงการปฏิบัติ แต่เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค.จะเริ่มจับมีอัตราโทษปรับ 400-1,000 บาท ส่วนจะปรับเท่าใดขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของตำรวจ แต่จะให้พิจารณาปรับอัตราต่ำสุด ยกเว้นผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะ ขนาดใหญ่ ให้ปรับอัตราสูงสุด เพราะต้องรับผิดชอบชีวิตผู้โดยสารด้วย และในการกระทำผิดนั้นจะดำเนินการตัดแต้มผู้กระทำผิด 10 แต้ม แต่หากพบการกระทำผิดซ้ำอีกจะมีการยึดใบอนุญาตก่อนชั่วคราวและต้องเข้ารับการอบรม 3 ชม.พร้อมกับสอบข้อเขียน ถ้าผ่านจึงจะคืนใบอนุญาต
พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวว่า สำหรับการตรวจจับบนทางด่วน กับทางหลวง จะใช้กล้องตรวจจับความเร็ว แต่พื้นราบจะใช้วิธีจับซึ่งหน้า โดยมีผู้ชี้เป้า เนื่องจากกล้องซีซีทีวี ติดตั้งมุมสูงเพื่อตรวจสอบสภาพการจราจร การถ่ายภาพผู้ขับขี่โทรแล้วขับอาจจะมีปัญหาด้านมุมกล้อง อีกทั้งรถที่ติดฟิล์มทึบก็จะเป็นปัญหา รวมถึงแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านมาก็มีผลเช่นเดียวกัน ยกเว้นบางทางแยกติดตั้งกล้องระดับต่ำและมุมองศาระดับเดียวกับตัวรถจึงมองเห็น เช่น ที่แยกบางนา แยกพระราม 9 เป็นต้น
“ส่วนการถ่ายภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่พกกล้องดิจิตอลนั้น กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้เชิญ นายมนตรี พวงทอง หรือ มดโฟโต้ไฟล์ แชมป์แฟนพันธุ์แท้ปี 2008 มาแนะนำเทคนิคการใช้กล้องถ่ายภาพดิจิตอล และกล้องในโทรศัพท์มือถือแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการกระทำความผิดที่ผู้ฝ่าฝืนกระทำความผิดกฎหมายโทรไม่ขับ และความผิดข้อหาอื่นๆ ใช้เป็นหลักฐานดำเนินคดีจับปรับหากเกิดกรณีการโต้แย้งขึ้น แต่หากผู้กระทำผิดไม่ยอมรับหรือโต้แย้งจริงๆ ให้ตำรวจนำตัวส่งพนักงานสอบสวน โดยตรวจสอบการใช้โทรศัพท์จากซิมการ์ด แต่จะกำชับให้ตำรวจให้วิธีการจับกุมแบบละมุนละม่อมมากกว่าใช้ความรุนแรง เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่” พล.ต.ต.ภาณุ กล่าว
พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวว่า การเข้าข่ายลักษณะความผิดโทรแล้วขับ เช่น รถติดไฟแดง ใช้คอหนีบ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เสียบโทรศัพท์ข้างหมวกกันน็อก รวมถึงการโทรแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายจะมีความผิด ด้วยเช่นกัน ส่วนกรณีการแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายนั้นให้ดูที่เจตนาด้วย และขอเตือนตำรวจทุกคน อย่าใช้ช่องว่างกฎหมายเป็นเครื่องมือหากิน เพราะมีโทษไล่ออก และจำคุกด้วย และถ้าผู้กระทำผิดเสนอเงินให้ก็ให้จับกุมทันที ถือว่าเป็นการติดสินบนเจ้าหน้าที่
