“สมพงษ์” เปิดห้องจัดเลี้ยงโรงแรมมิราเคิล อำลา “จรัญ” คาดรายชื่อปลัด ยธ.คนใหม่เข้า ครม.อังคารหน้า “จรัญ” แนะรัฐขีดเส้นพักแก้รัฐธรรมนูญ
วันนี้ (1 พ.ค.) ที่กระทรวงยุติธรรม นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้เข้าทำงานในตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นวันสุดท้าย โดยในเวลา 16.00 น. นายจรัญได้ส่งมอบงานในความรับผิดชอบทั้งหมดให้นายธงทอง จันทรางศุ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะรักษาการปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ดูแลแทน จนกว่านายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ จะนำรายชื่อผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมคนใหม่ เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา โดยคาดว่าจะเป็นวาระเพื่อพิจารณาของการประชุม ครม.วันที่ 7 พ.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวาระที่นายจรัญพ้นจากตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรมเพื่อไปทำงานเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้เป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงอำลาให้กับนายจรัญ โดยเชิญผู้บริหารระดับสูงของทุกกรมในสังกัดกระทรวงยุติธรรม มาร่วมงานเลี้ยง ในเวลา 18.00 น.ที่ห้องจัดเลี้ยงโรงแรมมิราเคิลแกรนด์
สำหรับนายจรัญจะเข้ามาเก็บของใช้ส่วนตัวที่ห้องทำงานชั้น 38 กระทรวงยุติธรรม ในวันที่ 2 พ.ค. จากนั้นในเวลา 14.00 น.นายจรัญจะเดินอำลาข้าราชการผู้ใต้บังคับบัญชาในกระทรวงยุติธรรม ก่อนจะเดินทางออกจากกระทรวงยุติธรรม
นายจรัญ กล่าวว่า ตนรู้สึกมั่นใจว่าคนที่จะมาดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรมคนใหม่นั้น ต้องเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ มีเป้าหมายในการทำงานเพื่อให้เกิดความยุติธรรมในบ้านเมืองอย่างเพียงพอ จึงไม่ค่อยห่วงอะไรมากนัก ทั้งนี้ งานของกระทรวงยุติธรรมเป็นงานที่ช่วยเสริมสร้างร้อยเรียงระบบงานยุติธรรมในประเทศที่กระจัดกระจายอยู่ในหลายภาคส่วน ทั้งรัฐและเอกชน ให้มีทิศทางมีคุณภาพมาตรฐาน และต้องสรรสร้างไปสู่มาตรฐานสากลให้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ห่วงเรื่องอำนาจการเมืองอาจเข้ามาแทรกแซงการทำงานของข้าราชการกระทรวงยุติธรรมหรือไม่ นายจรัญ กล่าวว่า อำนาจการเมืองจะไม่มีทางเข้ามาแทรกแซงได้ถ้าคนที่ทำงานอยู่ในระบบงานยุติธรรมมีหลักใจและความคิดที่แน่วแน่ ในการปฏิบัติหน้าที่ตรงไปตรงมาถูกต้องชอบธรรม เป็นธรรม ถ้าการเมืองไม่มีรากฐานของความถูกต้องชอบธรรมก็ไม่มั่นคง
นายจรัญ กล่าวต่อว่า สิ่งที่อยากฝากไว้ คือ ต้องการให้คนในกระทรวงมีบุคลิกภาพเป็นนักยุติธรรมให้ได้ทุกคน ต้องมีภาพลักษณ์ที่ชัดเจนว่านี่คือคนที่ทำงานเพื่อความยุติธรรมถูกต้อง เพราะถ้าเรายิ่งชัดเจนมากเท่าไรประชาชนก็จะมีความรู้สึกมั่นใจอบอุ่นปลอดภัยเป็นสุขมากเท่านั้น แต่ถ้าพวกเราทำสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นไม่ได้ มันก็จะไม่มีสภาพของคนในกระทรวงที่ชัดเจนให้ประชาชนพึ่งได้
นายจรัญ ยังกล่าวถึงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ว่า เรื่องนี้มีความขัดแย้งกันอยู่มาก ดังนั้น อะไรที่ทำให้เราทะเลาะวิวาทกัน เห็นไม่ตรงกันก็ควรขีดเส้นพักไว้ก่อน หากจุดไหนที่เราสามารถร่วมมือกันทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศ แก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชนได้ก็ทำสิ่งนั้นก่อน
“ผมอยากให้เสนอจุดต่างแสดงจุดร่วม อะไรที่เห็นไม่ตรงกันก็พักไว้ก่อน อะไรที่เป็นประโยชน์ส่วนรวมก็เร่งมือทำ ทั้งนี้เรื่องความสงบในประเทศชาติ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับรัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียว ต้องขึ้นอยู่กับมาตรฐานทางศีลธรรม และพฤติกรรมของผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคม เพราะถ้าผู้ใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นฐานกรอบศีลธรรม สุจริตธรรม สามัคคีธรรม อย่างมั่นคง สังคมนั้นต้องเจริญไม่เสื่อม” นายจรัญกล่าว
นอกจากนี้ นายจรัญยังกล่าวถึงการทำหน้าที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า ต้องการให้เป็นสถาบันตุลาการที่แท้จริง ต้องลบความคิดความเชื่อผิดๆ ของคนจำนวนมาก ที่มองว่าศาลรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรทางการเมืองหรือกึ่งการเมือง เราต้องช่วยกันยอมรับนับถือให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นอิสระและเป็นกลางทางการเมืองให้ได้อย่างจริงจัง เพื่อเป็นหลักในการแก้ปัญหาสังคมในระดับใหญ่ของประเทศได้จริง
วันนี้ (1 พ.ค.) ที่กระทรวงยุติธรรม นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้เข้าทำงานในตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นวันสุดท้าย โดยในเวลา 16.00 น. นายจรัญได้ส่งมอบงานในความรับผิดชอบทั้งหมดให้นายธงทอง จันทรางศุ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะรักษาการปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ดูแลแทน จนกว่านายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ จะนำรายชื่อผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมคนใหม่ เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา โดยคาดว่าจะเป็นวาระเพื่อพิจารณาของการประชุม ครม.วันที่ 7 พ.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวาระที่นายจรัญพ้นจากตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรมเพื่อไปทำงานเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้เป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงอำลาให้กับนายจรัญ โดยเชิญผู้บริหารระดับสูงของทุกกรมในสังกัดกระทรวงยุติธรรม มาร่วมงานเลี้ยง ในเวลา 18.00 น.ที่ห้องจัดเลี้ยงโรงแรมมิราเคิลแกรนด์
สำหรับนายจรัญจะเข้ามาเก็บของใช้ส่วนตัวที่ห้องทำงานชั้น 38 กระทรวงยุติธรรม ในวันที่ 2 พ.ค. จากนั้นในเวลา 14.00 น.นายจรัญจะเดินอำลาข้าราชการผู้ใต้บังคับบัญชาในกระทรวงยุติธรรม ก่อนจะเดินทางออกจากกระทรวงยุติธรรม
นายจรัญ กล่าวว่า ตนรู้สึกมั่นใจว่าคนที่จะมาดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรมคนใหม่นั้น ต้องเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ มีเป้าหมายในการทำงานเพื่อให้เกิดความยุติธรรมในบ้านเมืองอย่างเพียงพอ จึงไม่ค่อยห่วงอะไรมากนัก ทั้งนี้ งานของกระทรวงยุติธรรมเป็นงานที่ช่วยเสริมสร้างร้อยเรียงระบบงานยุติธรรมในประเทศที่กระจัดกระจายอยู่ในหลายภาคส่วน ทั้งรัฐและเอกชน ให้มีทิศทางมีคุณภาพมาตรฐาน และต้องสรรสร้างไปสู่มาตรฐานสากลให้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ห่วงเรื่องอำนาจการเมืองอาจเข้ามาแทรกแซงการทำงานของข้าราชการกระทรวงยุติธรรมหรือไม่ นายจรัญ กล่าวว่า อำนาจการเมืองจะไม่มีทางเข้ามาแทรกแซงได้ถ้าคนที่ทำงานอยู่ในระบบงานยุติธรรมมีหลักใจและความคิดที่แน่วแน่ ในการปฏิบัติหน้าที่ตรงไปตรงมาถูกต้องชอบธรรม เป็นธรรม ถ้าการเมืองไม่มีรากฐานของความถูกต้องชอบธรรมก็ไม่มั่นคง
นายจรัญ กล่าวต่อว่า สิ่งที่อยากฝากไว้ คือ ต้องการให้คนในกระทรวงมีบุคลิกภาพเป็นนักยุติธรรมให้ได้ทุกคน ต้องมีภาพลักษณ์ที่ชัดเจนว่านี่คือคนที่ทำงานเพื่อความยุติธรรมถูกต้อง เพราะถ้าเรายิ่งชัดเจนมากเท่าไรประชาชนก็จะมีความรู้สึกมั่นใจอบอุ่นปลอดภัยเป็นสุขมากเท่านั้น แต่ถ้าพวกเราทำสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นไม่ได้ มันก็จะไม่มีสภาพของคนในกระทรวงที่ชัดเจนให้ประชาชนพึ่งได้
นายจรัญ ยังกล่าวถึงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ว่า เรื่องนี้มีความขัดแย้งกันอยู่มาก ดังนั้น อะไรที่ทำให้เราทะเลาะวิวาทกัน เห็นไม่ตรงกันก็ควรขีดเส้นพักไว้ก่อน หากจุดไหนที่เราสามารถร่วมมือกันทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศ แก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชนได้ก็ทำสิ่งนั้นก่อน
“ผมอยากให้เสนอจุดต่างแสดงจุดร่วม อะไรที่เห็นไม่ตรงกันก็พักไว้ก่อน อะไรที่เป็นประโยชน์ส่วนรวมก็เร่งมือทำ ทั้งนี้เรื่องความสงบในประเทศชาติ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับรัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียว ต้องขึ้นอยู่กับมาตรฐานทางศีลธรรม และพฤติกรรมของผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคม เพราะถ้าผู้ใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นฐานกรอบศีลธรรม สุจริตธรรม สามัคคีธรรม อย่างมั่นคง สังคมนั้นต้องเจริญไม่เสื่อม” นายจรัญกล่าว
นอกจากนี้ นายจรัญยังกล่าวถึงการทำหน้าที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า ต้องการให้เป็นสถาบันตุลาการที่แท้จริง ต้องลบความคิดความเชื่อผิดๆ ของคนจำนวนมาก ที่มองว่าศาลรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรทางการเมืองหรือกึ่งการเมือง เราต้องช่วยกันยอมรับนับถือให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นอิสระและเป็นกลางทางการเมืองให้ได้อย่างจริงจัง เพื่อเป็นหลักในการแก้ปัญหาสังคมในระดับใหญ่ของประเทศได้จริง
