“ทวี สอดส่อง” บอกดีเอสไอไม่รับโอนคดีแรงงานพม่าเสียชีวิต 54 ศพ เป็นคดีพิเศษ เหตุร่วมสืบทำตามคำสั่ง “สมพงษ์” และต้องการสืบหาข้อมูลรองรับ พ.ร.บ.การค้ามนุษย์ที่จะมีผลบังคับใช้เดือน มิ.ย.ส่วนการทำสำนวนเป็นหน้าที่ตำรวจ เชื่อคลี่คลายคดีได้
วันนี้ (22 เม.ย.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณี พล.ต.ต.อภิรักษ์ หงษ์ทอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง ระบุว่า ดีเอสไอจะรับโอนคดีการเสียชีวิตของแรงงานชาวพม่าจำนวน 54 ศพ เป็นคดีพิเศษ ว่า ดีเอสไอไม่ประสงค์จะรับโอนคดีคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ และยังไม่มีการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เพื่อรับเป็นคดีพิเศษแต่อย่างใด โดยที่ผ่านมาดีเอสไอได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมสืบสวนและให้ความร่วมมือกับตำรวจในพื้นที่ ตามคำสั่งของ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเท่านั้น แต่การทำสำนวนสอบสวนยังเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
อย่างไรก็ตาม ในคดีนี้พนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ทำงานอย่างเต็มที่ และไม่มีปัญหาอะไร คาดว่า ข่าวที่ออกมา น่าจะเป็นความเข้าใจคาดเคลื่อน โดยตนจะติดต่อไปยัง พล.ต.ต.อภิรักษ์ เพื่อชี้แจงให้ทราบรายละเอียดทั้งหมด
พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า ดีเอสไอเข้าไปสืบสวนในคดีดังกล่าว เพราะต้องการสืบหาข้อมูลขบวนการค้ามนุษย์ เนื่องจาก พ.ร.บ.การค้ามนุษย์ จะมีผลบังคับใช้เดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งจะเป็นกฎหมายแนบท้าย พ.ร.บ.สอบสวนคดีพิเศษ ที่ดีเอสไอสามารถเข้าไปดำเนินการได้ทันที ดังนั้นหากมีกรณีลักษณะการค้ามนุษย์เกิดขึ้นในอนาคตดีเอสไอก็เข้าไปทำคดีได้ทันที โดยไม่ต้องให้ กคพ.มีมติรับเป็นคดีพิเศษก่อน
ด้าน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ โฆษกดีเอสไอ เปิดเผยว่า ดีเอสไอจะไม่รับโอนคดีการเสียชีวิตของแรงงานชาวพม่า 54 ศพ และการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศในพื้นที่ จ.ระนอง เป็นคดีพิเศษ เนื่องจากการสอบสวนของตำรวจมีความคืบหน้าไปมากแล้ว ไม่จำเป็นที่ดีเอสไอต้องรับคดีมาสอบสวนเอง
อีกทั้งมีข้อโต้แย้งในประเด็นข้อกฎหมายด้วยว่าคดีในลักษณะดังกล่าวเป็นเพียงคดีลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จึงไม่สามารถดำเนินคดีกับขบวนการค้าแรงงานข้ามชาติในข้อหาค้ามนุษย์และค้าหญิงและเด็กได้ เนื่องจากข้อเท็จจริงในคดีนี้ไม่ใช่การล่อลวง หรือบังคับขู่เข็ญคนต่างด้าวให้เข้ามาขายแรงงานในประเทศไทย
