โรงพยาบาลเอกชนจ๋อย? ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ สั่ง รพ.สมิติเวช จ่าย 10 ล้าน พร้อมดอกเบี้ย 7.5 ให้เสี่ยเจ้าของโรงงานแห-อวน หลังทำคลอดชุ่ยทำให้เมีย-ลูกตาย แถมไม่ดูแลปล่อยน้ำคร่ำไหลย้อนเข้ากระแสเลือดกับปอดจนหัวใจวายตาย เจ้าตัวและแม่เมียระบุไม่ต้องการเงิน แต่ต้องการให้เป็นเยี่ยงอย่าง
วันนี้ (22 เม.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีที่นายบุรินทร์ เสรีโยธิน เจ้าของโรงงานผลิตแห-อวน ด.ช.บดินทร์ ด.ญ.บุษรินทร์ ด.ช.ศุภโชค เสรีโยธิน บุตรของนายบุรินทร์ และนายเขษม นางนารี กีรติธรรมคุณ บิดามารดาของนางจุรีรัตน์ ผู้ตาย และบริษัท ขอนแก่นแห-อวน จำกัด ร่วมกันเป็นโจทก์ที่ 1-7 ฟ้องบริษัท สมิตติเวช จำกัด (มหาชน) นพ.เกรียงไกร อัครวงศ์ ผู้อำนวยการรพ.สมิติเวช สาขาสุขุมวิท พญ.สุภัค จันทร์จำปี วิสัญญีแพทย์ และ นพ.ชลัท ตู้จินดา แพทย์เจ้าของไข้ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 เรื่อง ละเมิดเรียกค่าเสียหายจำนวนทุนทรัพย์ 700 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.25
โจทก์บรรยายฟ้องสรุปว่า โจทก์ที่ 1 สมรสกับนางจุรีรัตน์ เสรีโยธิน อายุ 36 ปี ตามกฎหมาย โดยผู้ตายเป็นผู้จัดการฝ่ายบัญชีของบริษัทโจทก์ที่ 7 ซึ่งมีบุตรด้วยกัน 3 คน คือโจทก์ที่ 2-4 ต่อมานางจุรีรัตน์ ได้ตั้งครรภ์ และโจทก์พาผู้ตายไปฝากครรภ์กับโรงพยาบาลจำเลย กระทั่งวันที่ 6 ก.ย.2538 โจทก์พานางจุรีรัตน์ ไปคลอดที่โรงพยาบาลของจำเลย คณะแพทย์ได้ฉีดยาและให้นอนพักเพื่อดูอาการ วันรุ่งขึ้นผู้ตายมีอาการปวดท้องและน้ำคร่ำเดิน แพทย์ได้ฉีดยาอีก จนเช้าวันที่ 8 ก.ย.2538 ผู้ตายส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด โจทก์ที่ 1 ได้จึงเข้าไปดู แต่ไม่พบแพทย์และพยาบาล จึงไปตามแพทย์ โดยมีจำเลยที่ 4 มาดูอาการ ซึ่ง นพ.ชลัท จำเลยที่ 4 มีอาการตกใจ ต่อมานางจุรีรัตน์ได้ถึงแก่ความตาย พร้อมบุตรในครรภ์ เนื่องจากน้ำคร่ำได้ไหลย้อนเข้ากระแสโลหิต และปอด ทำให้เกิดภาวะหายใจติดขัด เลือดไม่สูบฉีด จนทำให้เกิดอาการหัวใจวายการเสียชีวิตของผู้ตาย ทำให้โจทก์ขาดไร้ค่าอุปการะ ค่าจัดการงานศพ ค่าเลี้ยงดู ขาดค่าการงานในการประกอบอาชีพแห-อวนของบริษัท จึงขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายจำนวนตามฟ้องด้วย
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าพยานโจทก์ไม่ได้ยืนยันชัดเจนว่าวิธีเจาะถุงน้ำคร่ำของแพทย์ทำให้ผู้ตายเสียชีวิตโดยตรง โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือ กันโดยละเอียดรอบคอบแล้วเห็นว่ากรณีนี้ แพทย์มิได้ใช้ขั้นตอน และกรรมวิธีในการรักษาดูแลผู้ตายตามหลักเกณฑ์ ปล่อยให้น้ำคร่ำไหลย้อนเข้าเส้นเลือดและปอด ทำให้คนไข้อยู่ในอาการวิกฤตขาดออกซิเจน เป็นเหตุให้นางจุรีรัตน์ และบุตรในครรภ์ถึงแก่ความตาย อันเป็นการจงใจละเมิดต่อกฎหมาย ทำให้เสียหายแก่กาย จำเลยจำต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนฐานละเมิด ที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องมานั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์โจทก์ฟังขึ้น พิพากษากลับให้พวกจำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ แต่ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกมานั้นสูงเกินควร ศาลวินิจฉัยให้พวกจำเลยชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน 10,330,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 แก่โจทก์ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย.2538 จนกว่าจะชำระเสร็จ
ภายหลังนายบุรินทร์ เปิดเผยว่า คดีนี้ตนไม่ได้ต้องการเงิน แต่ต้องการฟ้องให้เป็นเยี่ยงอย่างว่าแพทย์จะต้องเอาใจใส่ดูแลผู้ป่วยอย่างมีวิชาชีพ อยากให้แพทย์เห็นความสำคัญในการดูแลคนไข้อย่างใกล้ชิดมากกว่านี้ ด้านนางนารี กีรติธรรมคุณ มารดา กล่าวเสริมว่า ตนไม่ต้องการเงินเช่นกัน แต่อยากได้ชีวิตของลูกสาวตนคืนมา