น้ำจิตน้ำใจในการใช้รถใช้ถนนเมืองไทยเริ่มเหือดหายลงไปทุกที ล่าสุดอดีตทหารเรือซิ่งวอลโว่ปาดหน้ากับรถเบนซ์คู่กรณี ก่อนควงมีดปืนลงมาออกอาวุธใส่กันกลางอุโมงค์บางพลัด แถมยกพวกตามไปวิวาทกันต่อบนโรงพัก
วันนี้ (20 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ร.ต.อ.ทนงค์ โศภิษฐิกุล พนักงานสอบสวน (สบ.1) สน.บางพลัด รับแจ้งมีอุบัติเหตุทางจราจรและทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกาย บริเวณทางลงอุโมงค์แยกบางพลัด หน้าปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 66/2 แขวงและเขตบางพลัด กทม.จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุบริเวณก่อนถึงทางลงอุโมงค์แยกบางพลัดฝั่งมุ่งหน้าไปสะพานกรุงธนบุรี พบรถยนต์ยี่ห้อวอลโว่ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน 9ง 9260 กทม. มีนายสุรพงษ์ สถิตย์พร อายุ 74 ปี อดีตนายทหารเรือ อยู่บ้านเลขที่ 47/47 หมู่ 1 ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ซอย 5 (ธนาเวสน์) ต.บางกรวย อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เป็นเจ้าของรถนั่งมากับนางราตรี สถิตย์พร อายุ 64 ปี ภรรยา ใกล้กันพบรถยนต์ยี่ห้อเมอร์เซเดส เบนซ์ รุ่น อี 220 หมายเลขทะเบียน วข-7575 กทม. มีนายสหพัฒน์ อัตตาธรรมกุล อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/7 หมู่ 4 ต.บ้านสิงห์ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เป็นเจ้าของรถ ซึ่งทั้งหมดมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันและอยู่ในสภาพได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวไปสอบปากคำที่ สน.บางพลัด ส่วนนางราตรีมีผู้นำส่งโรงพยาบาลวชิระแล้วเนื่องจากได้รับบาดเจ็บศีรษะแตก
จากการสอบปากคำนายสุรพงษ์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนและภรรยาขับรถมาจากบางกรวยกำลังมุ่งหน้าไปย่านพรานนก ตนขับรถอยู่เลนกลาง เมื่อมาถึงบริเวณหน้าวัดเทพากร รถเบนซ์ที่อยู่เลนซ้ายได้ขับปาดเข้ามา ตนจึงรีบขับไปข้างหน้าแต่รถเบนซ์ขับตามมาและบีบแตรใส่ พร้อมกับชูนิ้วกลางให้ จังหวะนั้นเป็นช่วงที่รถติดพอดี คนขับรถเบนซ์ได้ลงจากรถและเดินมาที่รถของตน ตนจึงลดกระจกลงยังไม่มีการพูดจากันแต่อย่างใด ชายคนดังกล่าวกลับตบเข้าที่เบ้าตาซ้ายของตนถึง 2 ที และเดินกลับไปที่รถ ตนจึงหยิบมีดหมอของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ ซึ่งนำติดรถเอาไว้อยู่ใต้เบาะตามลงไป แต่ชายคนดังกล่าวได้ชักอาวุธปืนออกมาและยิงไป 2 นัด แต่ไม่ถูกตน ส่วนภรรยาได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะจากช่วงที่มีการต่อสู้กัน
ด้าน นายสหพัฒน์ คู่กรณี ให้การว่า ตนเดินทางไปหาแฟนและกำลังจะกลับบ้าน ก่อนถึงทางลงอุโมงค์ ขับรถอยู่เลนกลาง แต่คนขับรถวอลโว่ที่อยู่เลนขวาพยายามขับปาดหน้าเพื่อที่จะแซงขึ้นไป ตนจึงหันไปมองก็เห็นว่าคนขับรถคันดังกล่าวชูนิ้วกลางให้ตน จึงจอดรถและลงไปถามว่า “ชูนิ้วกลางให้ผมทำไม” คนขับรถวอลโว่กลับโต้ตอบมาว่า “แล้วมึงจะทำไม” ตนจึงตบไปที่ใบหน้าของชายคนดังกล่าว 1 ที และเดินกลับไปที่รถ แต่ชายคนดังกล่าวกลับถือมีดมาไล่ทำร้ายตน แต่ตนหลบทันทำให้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ตนจึงหยิบอาวุธปืนขนาด .32 มม.ยี่ห้อลาม่า ทะเบียน รบ.3/4905 ซึ่งเป็นปืนที่ตนครอบครองโดยถูกกฎหมาย ออกมาจากในรถและขู่ว่าถ้าแทงก็จะยิง แต่ชายคนดังกล่าวก็ไม่ฟังวิ่งเข้ามาจะทำร้ายตนอีก ตนจึงยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัด และเกิดเหตุชุลมุนกันขึ้น ตนพยายามแย่งมีดทำให้ปืนหล่น ภรรยาของชายคนดังกล่าวเข้ารีบวิ่งเข้ามาหยิบปืนของตน ทำให้ต้องเข้าไปแย่งปืนกลับคืนมาจนปืนลั่นอีก 1 นัด จังหวะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้ามาระงับเหตุการณ์พอดี
ขณะที่พนักงานสอบสวนกำลังสอบปากคำคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายอยู่บนโรงพักปรากฏว่าได้มี นายอนุสิทธิ์ สถิตย์พร อายุ 47 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 และว่าที่ รต.สุรศักดิ์ สถิตย์พร อายุ 44 ปี อาสาสมัครตำรวจบ้าน สน.หนองแขม ทั้ง 2 รายเป็นบุตรชายของนายสุรพงษ์ซึ่งเดินทางตามมาทีหลัง โดยว่าที่ ร.ต.สุรศักดิ์ได้เข้าไปพูดจาด่าทอนายสหพัฒน์ด้วยความโมโห และผลักอกซ้ำ ก่อนที่นายอนุสิทธิ์จะเดินปรี่เข้าไปใช้กำปั้นชกเข้าที่ใบหน้าของนายสหพัฒน์อย่างแรง 1 ทีจนหัวคิ้วแตก ทำให้กลุ่มผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องช่วยกันห้ามปรามและระงับเหตุการณ์ด้วยความชุลมุน
ด้าน ร.ต.อ.ทนงค์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาต่อนายสหพัฒน์ว่า พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนข้อหาพยายามฆ่าต้องสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนแจ้งข้อหา และแจ้งข้อหาต่อนายสุรพงษ์ว่าพกพาอาวุธมีดโดยไม่ได้รับอนุญาต และทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ส่วนบุตรชายทั้ง 2 คนของนายสุรพงษ์ได้แจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และจะนำตัวส่งศาลจังหวัดตลิ่งชันในวันพรุ่งนี้ (21 เม.ย.) เพื่อดำเนินคดีต่อไป